ทำไมถึงมีคำถามว่า อายุเท่านี้ควรมี เงินเก็บ เท่าไหร่ หรือ จะเก็บเงินให้ได้เท่านั้นเท่านี้ก่อนจะอายุเท่านั้น คำถามนี้บอกเลยว่า อายุกับเงินเก็บตัวเลขที่ไม่เคยบาลานซ์กัน เพราะ ปัจจัยแต่ละคนไม่เท่ากัน
บางคนเคยอ่านเจอพวกคำแนะนำต่างๆ ว่าควรตั้งเป้าหมายทางการเงินไว้ ว่าควรเก็บเงินให้ได้เดือนล่ะเท่าไหร่ อายุเท่าไหร่ถึงจะมี เงินเก็บ และ ปลดเกษียณแล้วควรมี เงินเก็บ สูงๆ บางคนทำได้ บางคนทำไม่ได้ ซึ่งจริงๆแล้วเรื่อง เงินเก็บ เงินออมนั้นสำคัญก็จริง แต่บางคนที่รายได้น้อยๆ จะทำตามคำแนะก็ยังเก็บได้ไม่ถึง หรือ เก็บไม่ได้เลยก็มี ทำให้หลายคนกังวล และ มักหาคำตอบอยู่เสมอว่าทำไมทำไม่ได้สักที ทั้งๆที่มันไม่ยากเย็นอะไรเลย แค่แบ่งเงินรายได้มาออมไว้แค่นั้นเอง จริงๆอยากบอกว่าคุณไม่ควรกังวลว่าจะมีเงินเท่านั้นเท่านี้ตอนอายุเท่าไหร่ เพราอย่างที่บอกปัจจัยของแต่ละคนไม่เท่ากัน และ การคิดว่าทำไม่ได้มันเป็นความล้มเหลว
อย่างที่เคยบอกไปในหลายๆบทความว่า การออมเงิน ไม่ใช่เรื่องยาก วันละนิดละหน่อย เดือนละนิดละหน่อยเท่าที่ทำได้และไม่เดือดร้อน หรือ หากมีเงินฟลุ๊คๆเข้ามา หรือ มีรายได้เสริมคุณก็ค่อยเพิ่มจำนวนเงินออมไปเรื่อยๆ เพราะการเก็บเงิน หรือ ออมเงิน ไม่มีตัวเลขที่แน่นอน ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน นั่นเอง ได้น้อย ได้มาก เป็นเรื่องของแต่ละคน เอามาวัดกันไม่ได้ เพราะบางคนมีรายได้สูง รายจ่ายน้อย เงินก็เหลือเยอะ บางคนรายได้น้อย รายจ่ายเยอะ มันก็แหลือเงินเก็บน้อย หรือ อาจไม่เหลือเลย ทำให้หลายคนเก็บเงินไม่ได้และกลายเป็นความกังวล ว่าในอนาคตจะไม่มีเงินเลี้ยงตัวเองและครอบครัว และ ทำให้กลายเป็นปัญหาครอบครัวกันเลยก็มี หรือ กลายเป็นคนจิตตก กังวลกับอนาคตจนเกินเหตุ จนถึงกับหาทางออกในทางที่ผิดๆ สาเหตุที่เป็นแบบนี้เพราะความเครียด ในเรื่องเงินทองๆ บางคนได้ยิน ได้อ่านเกี่ยวกับเรื่องเงินเก็บ ทำให้มองตัวเองว่าทำไมตัวเองทำไมไม่มีแบบเขาบ้าง ทำไมทำไม่ได้ ซึ่งรับรองว่าหาทางออกไม่ได้ เพราะอย่างที่บอกปัจจัยแต่ละคนไม่เท่ากัน
แต่หากอยากมี เงินเก็บ สำหรับอนาคต สิ่งที่ต้องคิดคือ ทำอย่างไรให้มีรายได้ให้พอกับการใช้จ่าย และ เหลือเก็บบ้าง ซึ่งก็ต้องมองกันว่าจะมีช่องทางไหนที่สามารถทำได้เช่น การหารายได้เสริม, การเพิ่มความสามารถให้ตัวเองเพื่อเพิ่มรายได้ประจำ, การลดภาระการใช้จ่าย และ หนี้สิน ทั้งหมดนี้ต้องดูว่าปัจจัยของแต่ละคนเป็นแบบไหน ไม่มีบรรทัดฐานทุกอย่างปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์และสภาวะของแต่ละคน และ สิ่งที่อยากจะบอกอีกอย่างคือ อย่างตั้งเป้าหมายจนตึงเกินไป หรือ หย่อนเกินไป ทุกอย่างควรยืดหยุ่นได้ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการสร้างความกดดันและภาระให้กับตัวเองโดยไม่จำเป็น รวมทั้งควรมีทางสำรองไว้ด้วย เพราะเหตุการณ์เฉพาะหน้าแต่ละคนไม่เหมือนกันและอาจมีเหตุการณ์ต่างเข้ามาโดยที่เราไม่คาดคิด ซึ่งต้องแก้และหาทางออกกันไปตามแต่เหตุการณ์ของแต่ละคน
ชีวิต การเงิน ในบางครั้ง บางคน อาจกำหนดไม่ได้ เลือกไม่ได้ แต่ เราสามารถ เลือกทางที่ถูกหรือทางออกที่ดีได้ มันไม่มีอะไรที่แน่นอนและตายตัวทุกอย่าง ทุกคนมีทางของตัวเอง อย่าเอาข้อกำหนดหรือคำแนะนำ บางอย่างมาเป็นตัวกำหนดว่าเราต้องทำแบบนี้ ต้องเป็นแบบนี้ต้องมีแบบนี้ ทุกอย่างให้อยู่บนทางสายกลางและความพอดีของตัวเอง ไม่จำเป็นที่เราจะต้องเหมือนใคร และ ไม่จำเป็นที่จะให้ใครมาเหมือนเรา ทำในแบบของเราแต่อยู่ในความถูกต้อง มันจะดีที่สุด