ในตอนนี้ คุณมี ของ ที่ซื้อด้วยเงินสดเท่าไหร่ และ มีข้าวของที่ซื้อผ่าน บัตรเครดิต เท่าไหร่
ถ้าหากสำรวจกันจริงๆแล้วละก็ คนเราซื้อของด้วย บัตรเครดิต อย่างน้อยก็ชิ้นสองชิ้นนั่นแหละ อย่างไรก็ตาม หากเราคิดถึงกำลังในการจ่าย หนี้บัตรเครดิต หรือการบริหารการเงินให้ดีแล้ว จะทำให้มีสภาพคล่องทางการเงินตามมา
ในปัจจุบัน ธุรกิจสินเชื่อ บัตรเครดิตนั้น มีการแข่งขันกันสูงมาก ไม่ว่าจะเป็น โฆษณาชวนเชื่อต่างๆ ให้ลูกค้าได้เข้ามาเป็นสมาชิก เป็นลูกหนี้กันอย่างง่ายดาย โดยดึงเอาความน่าสนใจใน บัตรเครดิต นั้นออกมา เพื่อชักจูงให้คนสนใจ รู้สึกคุ้มค่าเมื่อได้ใช้จ่ายผ่าน บัตรเครดิต เช่น มอบส่วนลด ของแถม เมื่อซื้อสินค้าตามที่กำหนด หรือจัดโปรโมชั่นบัตรเครดิต สะสมแต้มแลกของรางวัล หรือเพื่อลุ้นรางวัลใหญ่ เป็นต้น
เพื่อให้ได้มาซึ่งลูกค้า บัตรเครดิต แต่ละธนาคาร มักจะพยายามหาลู่ทางดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการ สินเชื่อเงินกู้ หรือ บัตรเครดิต อย่างสะดวกสบาย โดยแทบไม่ต้องถือเงินสดอยู่ในมือ แน่นอนว่า นี่คือแผนการตลาดที่วางเอาไว้ เพื่อชักจูงให้ลูกค้าสนใจเข้าร่วม และเพื่อขยายฐานลูกค้ามากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนการจะเลือกจะเป็นสมาชิกบัตรใบไหนดีนั้น วันนี้ขอนำเสนอ วิธีการเลือก บัตรเครดิต ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ มาฝากกัน โดยจะแยกเป็นข้อๆ ดังต่อไปนี้
1. สำรวจความต้องการของตัวเอง ว่าอยากได้บัตรเครดิตแบบไหน
ลองถามตัวเองก่อนว่า ตัวเองนั้นชอบทำกิจกรรมอะไร เช่น ชอบรับประทานอาหารนอกบ้าน ก็ควรเลือกบัตรที่มีโปรโมชั่นส่วนลดร้านอาหาร หรือมีร้านอาหารที่เข้าร่วมเยอะ หากเราเป็นขาช็อป ก็ควรจะเลือกบัตรเครดิตที่มีโปรโมชั่นกับทางห้างสรรพสินค้า ยิ่งถ้าเลือกได้ว่าเป็นห้างสรรพสินค้าที่เราไป Shopping เป็นประจำจะยิ่งดี นอกจากนี้จะต้องดูด้วยว่าวงเงินที่ให้นั้นตรงตามที่ต้องการหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามไม่ควรทำวงเงินบัตรเครดิตสูงเกินไป เพราะทำให้คุณใช้จ่ายคล่อง เพิ่มโอกาสในการเป็นหนี้ให้สูงขึ้น
2. สิทธิพิเศษก็สำคัญนะ
ให้คิดก่อนจะทำบัตรเครดิตเสมอว่าสิทธิประโยชน์แบบไหนถึงจะเหมาะสมกับตัวเรา เช่น บัตรเครดิตนั้น มีสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่ตรงกับความชอบของเรา ให้ส่วนลดเงินคืนจากยอดใช้จ่าย มีโปรโมชั่นต่างๆให้เลือกเป็นจำนวนมาก ให้คะแนนสะสมเป็นสองเท่า หรือสามารถนำแต้มที่สะสมไว้ไปแลกซื้อสินค้า หรือแลกของรางวัลต่างๆได้
3. ควรเลือกบัตรเครดิตที่ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี
ควรเลือกบัตรเครดิตที่ไม่เก็บค่าธรรมเนียมรายปี โดยไม่กำหนดยอดขั้นต่ำในการใช้จ่ายที่จะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียม เพื่อที่จะได้ไม่เป็นการเพิ่มภาระหนี้ให้กับตัวเองมากขึ้นนั่นเอง
4. วงเงิน
คุณต้องมั่นใจว่า วงเงินที่มีอยู่ในบัตรจะพอใช้อย่างสบายๆ และแน่นอนว่าอย่าใช่เพลินจนลืมดูว่า เรามีความสามารถในการชำระหนี้แค่ไหน กล่าวคือถึงแม้ว่าวงเงินจะสูงแต่ก็ไม่ควรใช้จ่ายจนเต็มวงเงิน เพราะอาจหาเงินมาชำระหนี้ไม่ได้ เมื่อนั้นคุณจะเผชิญกับดอกเบี้ยค้างชำระสุดโหดเลยทีเดียว
5. ควรเลือกบัตรที่มีบริการ sms แจ้งเตือนเมื่อมีการใช้จ่าย
เลือกเป็นบัตรที่มีบริการ sms แจ้งเตือนเมื่อใช้จ่าย เพราะ sms จะทำให้เรารู้ว่าใช้เงินไปเท่าไหร่บ้าง และมียอดเท่าไหร่ เพื่อป้องกันปัญหารูดบัตรเกินจำนวนที่แจ้งค่าสินค้าหรือบริการ นอกจากนี้ยังเป็นการรักษาความปลอดภัยในกรณีที่บัตรหาย เพราะเมื่อได้รับ sms แจ้งเตือน คุณจะรู้ทันทีว่ามีใครบางคนนำบัตรคุณไปรูดซื้อสินค้า
6. ควรใช้บัตรเครดิตต่อเมื่อไม่มีการเรียกเก็บค่าบริการใช้งาน
ในการชำระค่าสินค้าหรือบริการนั้น ควรสอบถามก่อนว่า ร้านค้าที่รับชำระค่าสินค้าหรือบริการนั้น มีการคิดค่าธรรมเนียมในการรูดบัตรหรือไม่ บางแห่งคิดค่าธรรมเนียม บางแห่งคิดค่าธรรมเนียมต่อเมื่อมียอดใช้จ่ายต่ำกว่าที่กำหนด และบางแห่งคิดค่าธรรมเนียมไม่ว่าจะมียอดใช้จ่ายเท่าไหร่ เพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมซึ่งอาจเกิดขึ้นได้หากไม่ตรวจสอบก่อน
เชื่อว่าทุกคนคงมีหลักในการเลือกบัตรเครดิตกันบ้างแล้ว หวังว่าจะมีประโยชน์ในการเลือกบัตรเครดิตให้ตรงกับใจและความต้องการที่เรามีอยู่ แต่อย่าลืมว่าหากใช้เพลินจนไม่คิดถึงหนี้ที่จะตามมาจะส่งผลเสียในภายหลังได้
ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการใช้บัตรเครดิตก็คือการใช้อย่างมีสติและจะต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่ตามมาเสมอ เพื่อจะได้ไม่ส่งผลต่อการเงินในอนาคตของคุณนั่นเอง