ความสำเร็จและความนิยมที่ไม่เคยเลือนหายไปตามกาลเวลาของแบรนด์ Louis Vuitton ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าอะไรคือ สูตรสำเร็จ ของแบรนด์กระเป๋าที่รักษาความแรงและสามารถคงความเลอค่า เป็นต้องตา ต้องใจ ผู้คนทุกชาติ ทุกภาษา ผ่านมาตลอดเกือบๆ จะ 200 ปีแล้ว ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดน้อยลงเลย
จุดเริ่มต้นของแบรนด์สากลนี้ มาจากต้นตระกูลคือ Louis Vuitton ผู้มีความสามารถในการประดิษฐ์หีบใส่ของในยุคสมัยปีค.ศ. 1821 จนชื่อเสียงโด่งดังไปเข้าหูภรรยาของนโปเลียน ผู้ปกครองประเทศฝรั่งเศสในช่วงปี ค.ศ. 1852 ทำให้ได้เข้าไปรับใช้และทำหีบใส่เสื้อผ้าให้ จากนั้น ก็เป็นที่โปรดปรานของบรรดาเชื้อพระวงศ์ คนสนิทและเศรษฐี ตลอดจน คนมีชื่อเสียงในยุคสมัยนั้น พอเข้าสู่ปี ค.ศ. 1854 Louis Vuitton ก็ตัดสินใจเปิดร้านของตัวเองขึ้น จนเป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มผู้ดีชาวยุโรปในยุคนั้น เพราะว่าผู้คนสมัยก่อนสะท้อนความมีฐานะและรสนิยม ด้วยการบรรจุเสื้อผ้าและของใช้ลงในหีบสวยๆ โดยเฉพาะหีบของ Louis Vuitton ค่ะ
กุญแจดอกแรก ที่สร้างชื่อให้กับ Louis Vuitton นอกจากงานดีไซน์เนี๊ยบๆ แล้วก็เห็นจะเป็น เรื่องการปรับเปลี่ยนสินค้าของตน ให้ตรงกับวัตถุประสงค์การใช้และสภาพสังคมที่แปรเปลี่ยนค่ะ อย่างเช่น ในช่วงยุคแรกๆ ผู้คนมักจะใช้การเดินทางด้วยรถไฟ หีบและกระเป๋าโดยมากยังคงใช้ไม้เป็นวัสดุในการประกอบ ต่อมาเมื่อการเดินทางเปลี่ยนเป็นทางเรือมากขึ้น Louis Vuitton ก็ปรับกลยุทธ์หันมาใช้วัสดุอย่าง canvas แทนไม้ เพราะช่วยทำให้กระเป๋ามีน้ำหนักเบาขึ้น แล้วก็ยังเปลี่ยนรูปทรงหีบใส่ของแบบโค้งมนเหมือนโดมมาเป็นทรงสี่เหลี่ยมผิวเรียบแทน เพื่อให้กระเป๋าสามารถจัดวางเรียงซ้อนกันได้ด้วย ในยุคถัดๆ มา เมื่อเครื่องบินและรถยนต์เข้ามามีบทบาทต่อการเดินทางของผู้คน Louis Vuitton ก็ปรับขนาดงานดีไซน์กระเป๋าให้มีขนาดเล็กลงมา เพื่อจะได้สามารถวางในช่องเก็บสัมภาระของเครื่องบินหรือวางเรียงไว้ท้ายรถได้ไม่ยาก นับเป็นแง่มุมที่สะท้อนถึงการเป็นนักคิด นักพัฒนาของ Louis Vuitton ได้อย่างชัดเจน และทำให้แบรนด์สินค้าของเขาสามารถครองตลาดได้ต่อเนื่องอีกด้วยค่ะ
กุญแจดอกที่ 2 คือ การสร้างภาพลักษณ์ที่ชัดเจนของแบรนด์ Louis Vuitton ที่เน้นเรื่องความหรูหรา เลอค่า มาตั้งแต่ยุคสมัยแรก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้สีน้ำตาลมาโดยตลอด ซึ่งเรื่องความมหัศจรรย์แห่งสีนั้นก็เป็นศาสตร์อย่างหนึ่งที่ช่วยเรื่องการจดจำตราสินค้าได้ดี โดยหลักจิตวิทยาบอกว่า สี มีผลต่อการรับรู้ของอารมณ์ และการจดจำของคนเราได้เป็นอย่างดี ทำให้สีทาบ้านส่วนใหญ่ มักจะเลือกใช้เป็นสีโทนน้ำเงิน หรือ เขียว ที่ให้อารมณ์ผ่อนคลาย สบายตา ส่วนสีแดง หรือสีโทนส้มนั้น ก็จะเป็นสีที่เหมาะกับการกระตุ้นความรู้สึก โดยมากร้านอาหารจะนิยมใช้สีนี้มากกว่า ส่วนสีน้ำตาลของ Louis Vuitton นั้น ตามหลักจิตวิทยาก็คือ สีที่ให้ความรู้สึกมั่นคง, มีคุณค่า และ เสริมเรื่องความคลาสสิคด้วย ดูจากตัวอย่างใกล้ตัวในปัจจุบันนี้ ถ้าแบรนด์สินค้าใหม่ๆ ตัวไหนอยากให้ลูกค้าจดจำตราสินค้าของตนเองได้ง่ายขึ้น ก็มักจะให้พรีเซนเตอร์ของสินค้าใส่เสื้อผ้าสีเดียวกับแบรนด์นั้นๆ เพื่อกระตุ้นความจำ ตัวอย่างที่เราสามารถนึกกันได้ชัดๆ ก็สีต่างๆ ของธนาคารแต่ละแห่ง หรือ สีของค่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ๆ ในบ้านเรานั่นแหละค่ะ นอกจาก การเลือกใช้สี เพื่อสื่อถึงนิยามความหรูหรา มีระดับ และความคลาสสิคเหนือกาลเวลาแล้ว การวาง Positioning ของสินค้าแบรนด์นี้ ยังมีความน่าสนใจและเคล็ดลับความสำเร็จอีกมากด้วยค่ะ
เริ่มต้นจากนโยบายการจำกัดมาตรฐานการผลิตว่า จะต้องไม่มีสินค้าที่ราคาต่ำกว่ามาตรฐานราคาที่แบรนด์กำหนดไว้ เพื่อสกัดกั้นไม่ให้เกิดของเลียนแบบ
และ Louis Vuitton ไม่คิดจะสร้างสินค้าในกลุ่ม sub brand ขึ้นมาแข่งกับสินค้า main brand หลักของตนเอง ต่างจากแบรนด์ดังแบรนด์อื่น ที่ใช้ตลาด sub brand เป็นการเพิ่มฐานลูกค้า เพิ่มยอดขาย แต่สำหรับ Louis Vuitton เน้นสร้างมาตรฐานเดียวเท่านั้นค่ะ และห้ามวางขายสินค้าผ่านช่องทาง outlet เด็ดขาด เพราะเท่ากับเป็นการลดคุณค่าของแบรนด์ หรือการใส่ใจในรายละเอียดของลวดลายเฉพาะ ที่สร้างชื่อและเป็นที่นิยมอย่าง LV Monogram นั้นก็จะมีการควบคุมอย่างพิถีพิถันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด เพราะสำหรับแฟนพันธุ์แท้ และผู้เชี่ยวชาญจะสามารถบอกได้เลยว่า ลายแต่ละจุดนั้น จะต้องอยู่ที่ส่วนไหนของสินค้าบ้างค่ะ
อีกเคล็ดลับความสำเร็จของ Louis Vuitton น่าจะมาจาก ตัวระบบล็อคเทคนิคพิเศษของแบรนด์ ที่ตั้งใจออกแบบให้กระเป๋าแต่ละใบมีกุญแจคู่กันเพียงดอกเดียวเท่านั้น แต่ถ้าลูกค้าพลั้งพลาดทำกุญแจหล่นหาย ก็สามารถติดต่อขอกุญแจดอกใหม่ได้ทันทีที่ทางบริษัทสามารถตรวจสอบและยืนยันความเป็นเจ้าของได้ผ่านระบบของบริษัทเอง หรือ สำหรับลูกค้าบางรายที่ใช้กระเป๋าของ Louis Vuitton หลายใบก็สามารถแจ้งกับทางบริษัทได้ว่าต้องการใช้กุญแจเพียงรหัสเดียวสำหรับกระเป๋าของตนทุก ๆ ใบ บริษัทก็จะทำการปลดล็อคและลงรหัสทั้งหมดให้เข้าระบบให้ใหม่เป็นการถาวรค่ะ กุญแจสูตรเด็ดดอกนี้จึงเป็นเหมือนการสร้าง P Product ที่สื่อถึงเอกลักษณ์หรูหรา ทรงคุณค่าเฉพาะตัวได้อย่างชัดเจนค่ะ