บัตรเครดิตหากใช้อย่างมีวินัยย่อมจะไม่เกิดปัญหาต่อตนเอง แต่หากใช้อย่างไม่ระมัดระวังก็นำมาซึ่งความกังวลและนำไปสู่การเป็นหนี้บัตรเครดิตอย่างไม่ตั้งใจ
ปัญหาของหนี้บัตรเครดิตที่เกิดจากการผิดนัดชำระหรือชำระแบบขั้นตํ่าจนเกิดดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และไม่สามารถนำเงินกลับมาคืนได้ เมื่อสถาบันการเงินเริ่มติดตามทวงถามค่าบัตรเครดิต กลับถูกปฎิเสธหรือพยายามหาเงินมาชำระแต่ก็หาไม่ได้ จนนำไปสู่การฟ้องร้องต่อศาล หน้าที่ของศาลจึงทำการออกหมายเรียกลูกหนี้ผ่านทางจดหมายไปยังที่อยู่ของลูกหนี้ เมื่อได้รับหมายศาลหลายคนจะเริ่มตกใจและกังวลว่าควรจะทำอย่างไรดี ซึ่งเราไม่สนับสนุนการเป็นหนี้ แต่มีข้อเสนอแนะสำหรับปัญหานี้ คือ
ตั้งสติจัดเตรียมเอกสารต่างๆ ใบชำระหนี้บัตรเครดิตที่ผ่านมาทั้งหมด เพื่อนำไปยื่นต่อศาล เพื่อแสดงว่ามีการพยายามชำระหนี้แต่ไม่สามารถชำระได้เต็มจำนวน
เตรียมเข้าสู่การไกล่เกลี่ย หน้าที่ของศาลคือการให้เจ้าหนี้กับลูกหนี้สามารถไกล่เกลี่ยและยอมความกัน โดยส่วนใหญ่แล้วเจ้าหนี้จะร้องขอให้ศาลบังคับลูกหนี้ให้ชำระหนี้ที่ค้างพร้อมดอกเบี้ย แต่หากลูกหนี้ยินยอมที่จะชำระก็ถือว่าจบในชั้นศาล
เมื่อลูกหนี้ยินยอมชำระ ลูกหนี้สามารถร้องขอที่จะแบ่งชำระเป็นงวดๆได้ โดยอาจจะมีระยะเวลา 12 24 36 เดือน ซึ่งแต่ละงวดในการชำระก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของลูกหนี้ที่จะชำระได้ หรืออาจจะขอผ่อนผันแบบขั้นบันไดได้ เช่น ผ่อน 24 งวด ขั้นต่ำประมาณ 4000 ขอแบ่งเป็น 8 งวดแรก 2000 และ 8 งวดถัดมา 4000 และสุดท้าย 8 งวดถัดมา 6000 เป็นต้น
บทสรุปของการได้รับหมายศาล ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล เนื่องจากเป็นหนี้ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการประนอมหนี้ และศาลก็มีหน้าที่ช่วยเหลือทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ให้ตกลงกันได้ และทางออกสำหรับหนี้บัตรเครดิตจะจบลงที่ลูกหนี้จะมีระยะเวลาในการชำระหนี้เพิ่ม เพื่อจัดเตรียมเงินมาชำระให้ครบตามที่ตกลงกันในชั้นศาล