การเป็นเจ้าของธุรกิจหรือเจ้าของกิจการนอกจากจะต้องมีความสามารถและทักษะพิเศษในหลายๆด้านแล้ว ยังต้องมีความพร้อมในเรื่องของปัจจัยในการผลิต ทั้งที่ดิน โรงงาน หรือลูกจ้าง และสิ่งที่จำเป็นที่สุดที่จะทำให้เกิดการก่อร่างสร้างเป็นกิจการได้ นั่นก็คือ จะต้องมีเงินทุนที่เพียงพอนั่นเอง
ทั้งนี้ก็เพื่อให้กิจการนั้นดำเนินต่อไปได้ ตามแผนที่วางไว้ ซึ่งถ้าหากเรายัง ไม่มีเงินลงทุน เราก็ต้องหา มันก็มีวิธีการที่หลากหลายที่จะได้มาซึ่งเงินทุน วันนี้ เราจึงจะมาศึกษาหาทางออกด้วยกันครับว่า เราจะหาเงินลงทุนมาจากที่ไหนได้บ้าง
ทำงาน
เป็นวิธีพื้นฐานสำหรับคนที่ไม่มีอะไรเลย ไม่มีต้นทุนในชีวิตเลย อย่าลืมสิครับว่า เศรษฐีใหญ่ๆหลายท่านต่างก็เริ่มจากจุดนี้กันทั้งนั้น ดูตัวอย่างคนจีนสิครับ เขามาแต่ตัว เสื่อผืนหมอนใบข้ามน้ำข้ามทะเลมาด้วยความยากลำบาก แต่พวกเขาก็ยังไม่ยอมแพ้ขยันทำมาหากิน มีงานอะไรที่พอจะทำได้ก็ทำไปก่อน ถึงแม้จะเป็นงานที่ใช้แรงงานหนักๆ ไม่เคยที่จะท้อถอย ถึงทำให้พวกเขาเรียนรู้มาจนถึงทุกวันนี้ น่าทึ่งไหมล่ะครับว่าเขาทำกันได้อย่างไร หรือเป็นเพราะว่าเขาฉลาดกว่าเรา นั่นก็อาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งครับ แต่ทว่าแค่ความฉลาดอย่างเดียวนั้นอาจจะไม่สำเร็จได้ถ้าขาดองค์ประกอบสำคัญอีกหนึ่งอย่างคือความขยันและอดทน สร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมานั่นเอง
ฉะนั้นแล้ว ใครที่ตอนนี้ยังไม่มีงานทำ ยังเรียนไม่จบ หรือหางานยังไม่ได้ ก็อย่าเพิ่งท้อแท้ถอดใจไปครับ ท้อได้แต่ไม่ถอย คำนี้ยังใช้ได้กับทุกสถานการณ์เสมอ การอยู่นิ่งๆใช้ชีวิตสบายๆไปวันๆมันไม่ทำอะไรมันดีขึ้นหรอกครับ แต่ก็ไม่ใช่ว่าให้จริงจังเกินไป จนเสียสุขภาพแบบนั้นก็ไม่ไหวเหมือนกัน เอาที่พอดีตามกำลังตามความสามารถเราทำได้ครับ แต่สำหรับใครที่มีต้นทุนชีวิตที่ดีอยู่แล้ว คือที่บ้านรวยอาจจะไม่ต้องทำตรงนี้ให้มากครับ สามารถข้ามขั้นไปข้ออื่นๆได้เลย
หากคุณกำลังเป็นพนักงานประจำอยู่หรือยังไม่มีงานประจำทำก็ตามแต่ และถ้ายังไม่มีทุนคือให้รีบหาเงินทุนเลย บางคนอาจจะใช้วิธีศึกษาค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม เข้าคอร์สฝึกอบรมฟรี สอนพิเศษ ทำขนมไปขาย เป็นไกด์ทัวร์นำเที่ยว ทำงานฟรีแลนซ์รับจ้างทำเว็บ ถ่ายภาพ เป็นช่างภาพอิสระ ขายสินค้าผ่านอินเตอร์เน็ต รับจ้างทำงานตามห้างร้านต่างๆ รับส่งหนังสือพิมพ์ ขับแท็กซี่ เป็นพริตตี้ นำเข้าสินค้าราคาถูกจากจีนมาขาย ทำงานฝีมือขาย วาดภาพขาย เขียนนิยายขาย เป็นต้น เรียกว่าเป็นการหารายได้จากหลายๆทางเพื่อเพิ่มเติมเล็กๆน้อยๆ แล้วค่อยๆทยอยเก็บสะสมไปเรื่อยๆ แบบนี้ รับรองไม่กี่ปีก็ได้เงินก้อนมาลงทุนแล้วล่ะ
หาทางเก็บออม
เมื่อทำงาน แล้วเราก็จะมีเงินเพิ่มขึ้นมาใช่ไหมล่ะครับ ยิ่งทำเพิ่มมาก ยิ่งได้เงินเยอะมาก ฉะนั้นแล้วจงให้ความสุขกับตัวเองด้วยการนำเงินเหล่านั้นไปฝากเก็บออมไว้ก่อนเลย อีกส่วนหนึ่งค่อยแบ่งไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จะออมแบบนิ่งๆไว้ก็ได้ หรือจะเลือกออมแบบได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นแบบฝากประจำก็จะดีมากๆเลยครับ ลองศึกษาดูนะเพราะการฝากแบบประจำนั้น แค่มีเงินออมให้ได้เดือนละ 1,000 บาท ก็ถือว่าใช้ได้ละ แต่ก็ต้องให้มั่นใจจริงๆนะครับว่า เงินออมส่วนนี้จะไม่ไปกระทบกับชีวิตมากจนเกินไป ฉะนั้นแล้วทางที่ดีควรจัดสรรเงินออมและรายจ่ายให้มีความรัดกุมรอบคอบที่สุดครับ
กู้เงินจากธนาคาร
วิธีนี้เหมือนจะเป็นวิธีที่เป็นดาบสองคมไปหน่อยนะครับ เพราะว่า การกู้เงินนั้นก็เหมือนเป็นการเอาเงินของอนาคตมาใช้จ่ายก่อน มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือ สามารถนำเงินมาลงทุนทำกิจการเป็นของตัวเองได้เลยโดยไม่ต้องไปเหนื่อยหาเงินที่กว่าจะได้มานั้นแสนยากลำบาก แต่ข้อเสียก็คือมันไม่มั่นคงครับ อย่างเช่น ถ้ากู้มาทำแล้ว ธุรกิจคุณเดินหน้าได้อย่างสวยงาม ไปได้สวย สามารถทำยอดขายและกำไรได้ทะลุเป้า มันก็ดีไปครับ
แต่ถ้าคุณกู้เงินมาแล้ว นำไปลงทุนแล้วเกิดปัญหาขึ้นมา การเงินขาดสภาพคล่อง ทำยอดขายไม่ได้ สินค้าไม่ติดตลาด การซื้อน้อย ก็จะส่งผลเสียเสี่ยงต่อการไปหากู้ยืมจากที่อื่นมาโปะไปเรื่อยๆ ก็อาจจะทำให้ล้มละลายได้ในที่สุด ดังนั้นก่อนที่จะทำการกู้ยืมไม่มากจะมีจำนวนเงินมากน้อยก็ตามแต่ ควรคิดให้ละเอียดและรอบคอบก่อนครับ เอาที่แน่ๆว่า สินค้าเราต้องติดตลาด ขายดี ต้องหมั่นศึกษาตลาดและคู่แข่งครับ เพื่อป้องกันไม่ให้เรานั้นลงทุนลงแรงไปโดยเปล่าประโยชน์ ถ้าดูท่าแล้วมันไม่เวิร์กไม่ดี ยอมถอยไปตั้งต้นใหม่ก็ยังไม่สายเกินไปครับ
อย่าลืมครับว่า การลงทุนคือความเสี่ยง เสี่ยงมากก็ได้มาก เสี่ยงน้อยก็ได้น้อย ไม่เสี่ยงเลยก็ไม่ได้(กำไร) นั่นเอง สิ่งสำคัญคือต้องมีกำลังใจที่จะเดินสู้ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ไม่ว่าวันนี้จะขาดทุน ก็จงตั้งสติแล้วคิดไว้เสมอว่า เราจะต้องไม่ยอมแพ้ และคิดใหม่ทำใหม่ การมีเงินทุนสำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉินนอกจากจะเป็นเบาะรองรับที่ดีแล้วยังช่วยพยุงให้กิจการนั้น ผ่านพ้นไปได้ ที่สำคัญอย่าเพิ่งทำอะไรใหญ่เกินตัว หากไม่มีกำลังที่มากพอ ฝากกันไว้อีกเช่นเคยครับ.