คลายเครียดกันกับคำถามเงิน 1 บาทซื้ออะไรได้บ้าง อย่าเพิ่งคิดว่าคำถามนี้ ถามเอาอะไร ถามเอาฮา หรือ ถามเอาเท้า แต่ลองนึกกันดู มันทำให้เราคิดอะไรได้หลายอย่าง ทั้งตอนนี้ ในอดีต และอนาคต ลองปล่อยสมองให้ว่างๆ แล้วมาดูกันว่า เงิน 1 บาทซื้ออะไรได้บ้าง เอาแบบถือเหรียญบาทไปซื้อเลยนะแค่เหรียญเดียว
ปัจจุบัน
เงิน 1 บาท หลายคนอาจคิดว่าซื้ออะไรไม่ได้แล้ว เพราะทุกวันนี้ ทุกอย่างราคา 1 บาทแทบไม่มีให้เห็นกันแล้ว แม้กระทั่งจะเข้าห้องน้ำสาธารณะ ยังต้องเสียมากกว่า 1 บาท เข้า 7-11 ต่ำๆก็ 5 บาท ไปห้างสรรพสินค้าไม่ต้องพูดถึง ว่ากันเป็นร้อย แต่เงิน 1 บาทยังมีประโยชน์นะ ซื้อพลาสเตอร์ยาในร้านขายของชำได้เขาแบ่งขายแผ่นละ 1 บาท หยอดตู้โทรศัพท์สาธารณะโทรได้ 1 เบอร์แต่ต้องพูดเร็วให้รู้เรื่องเพราะแค่ 1 วินาที หยอดตู้กดน้ำ 1 บาทได้น้ำลิตรกว่าๆ ขนมเด็กๆ หน้าโรงเรียนอนุบาล หรือ ประถม ตามย่านชานเมือง 1 บาท ได้ขนมปัญญาอ่อน 1 อัน หรือ ลูกอม 1 เม็ด ให้ขอทาน 1 บาท ได้บุญและต่อชีวิตให้คนอื่น นี่คือปัจจุบันที่เงิน 1 บาทเกือบจะหาค่าไม่ได้แล้ว เพราะในความเป็นจริงจ่ายกันมากกว่า 1 บาท
ย้อนอดีต
ไปไม่ต้องไกล 30 ปีก็พอ เงิน 1 บาทซื้อขนมได้หลายอย่าง ปาท่องโก๋ ซาลาเปาทอด ชิ้นละ 1 บาท ไปตลาดตอนเด็กๆ ถั่วงอก 1 บาทแม่ค้ายังใจดีขายให้ ซื้อลูกอมหลายเม็ด ซื้อพลาเตอร์ยาได้ 2 แผ่น น้ำแข็งเปล่าได้ 1 แก้ว ไข่ไก่ได้ 1 ใบ ของกินบ้านๆ อีกมากมาย ขนมหน้าโรงเรียนไม่ต้องพูดถึงราคา 1 บาทกลาดเกลื่อน แถมซื้อของเล่นเด็กๆ อย่างตุ๊กตากระดาษได้อีก และ ของเล่นกระดาษราคา 1 บาทมีเป็นแผงๆ ลูกชิ้นทอดลูกละ 1 บาท และ อื่นๆ ที่ต้องนึกเพราะมันนานจนลืมกันไปแล้วว่า สมัยนั้นมีเงิน 1 บาททำอะไรได้บ้าง มันนานจนลืมว่าเงิน 1 บาทตอนนั้นมีค่าแค่ไหน ทำหล่นก็ต้องรีบเก็บกันเลย เดี๋ยวซื้อขนมกินไม่ได้ ยิ่งย้อยไปไกลมากกว่านี่ เงิน 1 บาท กินได้ทั้งบ้าน สมัยคุณยายยังเด็กอะไรประมาณนั้น
อนาคต
อีกสัก 10 ปี เงิน 1 บาทจะซื้ออะไรไม่ได้อีกแล้วเพราะปัจจุบันอย่างที่กล่าวข้างต้น 1 บาทแทบไม่พอให้ซื้ออะไรได้ การเปลี่ยนแปลงของค่าเงิน สังคม ทำให้คนเราใช้จ่ายกันมากขึ้นแต่ได้ของเท่าเดิม มองง่ายๆ น้ำแข็งเปล่าที่ครั้งหนึ่งเคยได้กินกันฟรีๆ ตามร้านอาหาร ก็ต้องมีการคิดราคาจาก 50 สตางค์ ขยับมาเป็น 1 บาท และ ตอนนี้ยุคนี้บางร้านแก้วละ 2 บาท มันก็น้ำแข็งเดิมๆเหมือนตอนเรายังไม่เกิด แก้วก็ขนาดเท่าเดิม แต่ราคาขึ้น แค่นี้คิดออกไหมว่า อนาคตเราจะต้องใช้เงินกันมากแค่ไหนในการดำรงชีวิตในปัจจุบัน มองตามความจริงอาจไม่ต้องรอถึง 10 ปีเงิน 1 บาทก็จะไม่มีค่าอะไรแล้ว นอกจากรวม 1 บาทให้เป็นหลายๆบาท
จากที่ถามขำๆ ว่า เงิน 1 บาทซื้ออะไรได้บ้าง ตอนนี้เริ่มไม่ขำแล้วใช่ไหมเพราะมันชี้ให้เห็นแล้วว่าในอนาคตค่าเงินจะลดลง ข้าวของจะแพงขึ้น ตามกาลเวลาและความเปลี่ยนแปลง สิ่งที่อยากจะบอกคือ ต้องรู้จักการปรับตัวให้อยู่ให้ได้ในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน คือ ต้องรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา อะไรที่ควรจ่ายก็ต้องจ่าย อะไรที่ไม่ควรจ่ายก็อย่าจ่าย ต้องรู้จักหาเงินให้เพิ่มขึ้น ต้องรู้จักอดทน อดออม เพื่อวันข้างหน้า
คนรุ่นเก่าๆ เขามักจะสอนเสมอว่า ลำบากวันนี้สบายวันหน้า เงินมีก็ให้เก็บ เจ็บก็รักษา อย่าหาภาระใสตัว คุณยายของผู้เขียนมักจะพูดแบบนี้เสมอๆ เพราะ แกมักบอกว่า คนสมัยนี้ งกกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง กินอยู่ฟุ่มเฟือย แต่พอเจ็บไข้กลับอดทนเพราะกลัวเปลือง ซื้อแต่ยากินเอง โรงหมอมีไม่ไป แกมักจะบ่นเสมอๆ เวลาที่หนีไปเที่ยวแล้วกลับเข้าบ้านมา เพราะคุณยายชอบไปนั่งคุยกับคนรุ่นๆเดียวกันที่ตลาด ไปนั่งร้านก๋วยเตี๋ยวบ้าง ร้านขายขนมบ้าง เจอคนที่คุ้นเคยสนิทกัน คนโน้นก็จะเล่าโน่นนี่ให้ฟัง คนแก่บ้าง แม่ค้าบ้าง คนผ่านไปผ่านมาบ้าง พอกลับมาก็จะมาเล่าให้ฟัง แกบอกต้องอัพเดทชีวิตนอกบ้านบ้างไปแค่ตลาดก็ยังดี แล้วก็จะบอกเสมอว่า เงินเดี๋ยวนี้แทบไม่มีค่าอะไรแล้ว ดูสิไปแค่ตลาดจ่ายไปร้อยสองร้อย ไม่ได้อะไรเลย แค่นี้คงพอให้เรามองเห็นค่าเงินกันในอนาคตกันบ้าง เตรียมตัวเตรียมใจกันไว้ เพราะไม่แน่อีกหน่อยกินข้าวราดแกงข้างทางสักจานอาจต้องจ่ายจานละ 100 บาทก็เป็นได้