ในยุคนี้น้อยคนนักในแวดวงการนักธุรกิจ นักลงทุนหรือนักเล่นหุ้น แทบจะไม่มีใครที่ไม่รู้จัก วอร์เรน บัฟเฟตต์ หรือพ่อมดวงการเงิน ที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่รู้จักอย่างมากในวงการนี้
ซึ่ง วอร์เรน บัฟเฟตต์ เกิดในตระกูลที่มีนิสัยชอบเก็บเงินมากกว่าการใช้เงินมีอารมณ์ที่ดีและชื่นชอบการค้าขาย วอร์เรน บัฟเฟตต์ มีความฝันที่จะร่ำรวยมาตั้งแต่ตอนที่เขาอายุห้าขวบเพราะ วอร์เรน บัฟเฟตต์ นั้นได้ลิ้มรสความลำบากจากพิษของเศรษฐกิจที่กระทบต่อครอบครัวของเขา วอร์เรน บัฟเฟตต์ ชื่นชอบตัวเลขเป็นอย่างมาพอๆกับการหาเงินและที่สำคัญ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ยังมีความจำที่เป็นเลิศอีกด้วย
และที่สำคัญในวัยเด็กนั้นเขาบ้าคลั่งเรื่องหุ้นเป็นอย่างมากและพ่อของเขาก็ทำงานเป็นนายหน้าค้าหุ้นที่ประสบความสำเร็จ วอร์เรน บัฟเฟตต์ นั้นเริ่มที่จะค้าขายเก็บเงินทุนเล็กๆต่างๆไว้ไม่ใช่เพื่อใช้ซื้อขนมหรือสิ่งต่างๆที่อยากได้แต่เป็นการเก็บเงินไว้ลงทุน
ความสุขของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ นั้นคือการมองเห็นเงินที่ตัวเองมีอยู่เจริญเติบโตเป็นก้อนโต เขาได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับธุรกิจต่างๆมานับร้อยเล่ม เราจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม วอร์เรน บัฟเฟตต์ ถึงเก่งด้านการบริหารจัดการหุ้นต่างๆ
ถึงอย่างไรก็ตาม เรื่องราวหลังจากนั้นของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ก็มีมากมายซึ่งเขาสามารถทำกำไรจากหุ้นที่เขาถือ สามารถทำให้หุ้นที่เขาเคยถือในราคาสี่ดอลลาร์พุ่งสูงถึงหุ้นละเจ็ดหมื่นห้าพันดอลลาร์ภายในระยะเวลาเพียงสี่สิบปี วอร์เรน บัฟเฟตต์ นั้นมีแนวคิดอยู่สิบประการที่สู่ความสำเร็จคือ
1.เป็นคนประหยัด
วอร์เรน บัฟเฟตต์ นั้นไม่ชอบใช้เงิน แต่ชอบที่จะเก็บเงินและเห็นเงินที่ตัวเองเก็บนั้นสามารถทำกำไรและงอกงามได้ ถึงแม้ในช่วงที่ตัวเขาเองเป็นอภิมหาเศรษฐีแล้วก็ตาม แต่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ก็ยังอาศัยอยู่ในบ้านที่เคยซื้อเอาไว้ เป็นบ้านแบบคนอเมริกันชั้นกลาง ต่อเติมบ้านนิดหน่อยและที่สำคัญเป็นบ้านที่ตั้งอยู่แถบชนบทด้วย เวลาไปไหนมาไหน วอร์เรน บัฟเฟตต์ เลือกที่จะขับรถไปเอง
แต่ส่วนที่สำคัญนั้นอยู่ที่ว่า วอร์เรน บัฟเฟตต์ นั้นไม่ได้มีค่าใช้จ่ายมาก จึงไม่ค่อยขายหุ้นเพื่อนำกำไรส่วนต่างมาใช้มากมาย และเงินที่มีเหลืออยู่นั้นก็มากที่ที่จะทำให้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ สามารถสะสมเงินเพื่อลงทุนในครั้งต่อไปได้อย่างมหาศาล
2.ยึดหลักช้าๆได้พร้าเล่มงาม
วอร์เรน บัฟเฟตต์ นั้นอดทนที่จะรอช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจนั้นมีความผันผวนอย่างหนักและตลาดหลักทรัพย์นั้นมีการตกของราคาหุ้นมหาศาล วอร์เรน บัฟเฟตต์ ก็จะอาศัยจังหวะนั้นในการซื้อหุ้นและได้หุ้นตัวนั้นในปริมาณที่เยอะมากมายมหาศาล
3.ไม่เลือกเดินตามกระแส
วอร์เรน บัฟเฟตต์ นั้นไม่เลือกที่จะซื้อหุ้นตามกระแสที่นักลงทุนคนอื่นๆซื้อ เพราะเมื่อนักลงทุนนิยมไปซื้อหุ้นตัวใดตัวหนึ่งมากๆแล้วต้องการขายทั้งหมดเพื่อทำกำไรส่วนต่าง ช่วงที่นักลงทุนคนอื่นๆขายหุ้นตัวนั้น จะเป็นช่วงที่ราคาหุ้นตกและหุ้นบางตัวตกมากเป็นพิเศษ วอร์เรน บัฟเฟตต์ จึงอาศัยจังหวะนี้ในการซื้อหุ้นตัวนั้นขึ้นมา
4.เลือกลงทุนในสิ่งที่ตัวเองเข้าใจ
วอร์เรน บัฟเฟตต์ นั่นเลือกที่จะศึกษาหุ้นจากบริษัทต่างๆว่า บริษัทนั้นจะทำกำไรได้อย่างไรและทำกำไรได้มากขนาดไหน ทำให้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ นั้นเลือกที่จะลงทุนทีละส่วนอย่างจริงจัง
5.เลือกที่จะพิจารณาด้วยตัวเอง
วอร์เรน บัฟเฟตต์ นั้นไม่ฟังคำที่นักวิจารณ์การลงทุนต่างๆ ด้วยเหตผลที่ว่านักวิจารณ์ต่างๆเหล่านี้มีความคิดเห็นต่างๆมากมายที่จะยืนยันให้ลงทุนหุ้นตัวนี้และขัดแย้งกับนักลงทุนรุ่นใหญ่ และที่สำคัญกระแสหุ้นรายวันนั้นเป็นสิ่งที่เคลื่อนไหวระยะสั้น วอร์เรน บัฟเฟตต์ จึงเลือกที่จะพิจารณาหุ้นจากประสบการณ์และตัดสินใจจากความรู้ข้อมูลต่างๆที่ตัวเองสะส
6.เลือกแต่ของดีราคาถูก
วอร์เรน บัฟเฟตต์ นั้นเลือกที่จะลงทุนระยะยาว พิจารณาเลือกลงทุนกับบริษัทโดยดูที่ผลตอบของส่วนผู้ถือหุ้นมากว่าดูที่ผลต่างของราคาหุ้น ซึ่งบริษัทที่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ จะเลือกลงทุนนั้นจะเลือกบริษัทโดยดูจากต้นทุนการผลิต ราคาขายของสินค้านั้นๆ และดูที่ภาระหนี้สินต่างๆของบริษัทนั้น และที่สำคัญเขาต้องการเห็นบนริษัทนั้นนำกำไรที่ได้นำไปลงทุนต่อเพื่อสร้างกำไรที่มากขึ้น
7.มองหาบริษัทที่ไม่มีคู่แข่ง
บริษัทที่มีคู่แข่งมากหน้าหลายตา มีมากมายตามท้องตลาดนั้น ก็ต้องเริ่มงัดวิธีการต่างๆในการเรียกลูกค้ามาซื้อ หนึ่งในนั้นคือการลดราคา ยิ่งถูกคนส่วนใหญ่ก็ยิ่งซื้อมาก แต่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ นั้นเลือกลงทุนกับบริษัทที่มีคู่แข่งน้อยเพราะบริษัทเหล่านั้น สามารถขึ้นราคาได้อย่างอิสระและไม่กระทบมากนักในภาวะที่เศรษฐกิจถดถอย เช่น ธุรกิจรถไฟเพราะจะมีใครสร้างบริษัทมาแข่ง ธุรกิจน้ำโคคาโคล่าเพราะมีเครื่องหมายการค้าที่นิยมอย่างกว้างขวาง
8.ทุ่มเงินกับบริษัทที่น่าซื้อ
วอร์เรน บัฟเฟตต์ นั้นมีความอดทนรอที่มากพอในการรอให้ราคาหุ้นของบริษัทที่เขาจะซื้อนั้นตกลง เมื่อใดที่เขาเห็นโอกาสนี้เขาจะทุ่มเงินลงไปกระจุกเดียว เพราะธุรกิจที่เขาทุ่มลงไปนั้นเขาพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าปลอดภัยที่สุด
9.หวังผลกำไรระยะยาว
มีคำกล่าวหนึ่งที่น่าสนใจคือ ร่มไม้ที่เราพักพิงมาจากต้นไม้ที่เราปลูก วอร์เรน บัฟเฟตต์ นั้นได้พิจารณาอย่างดีเยี่ยมแล้วในการเลือกลงทุนกับบริษัทที่ให้กำไรที่มากพอและที่สำคัญต้องให้กำไรเป็นระยะเวลานานมากกว่าการซื้อขายหุ้นแบบระยะสั้น เพราะการซื้อขายหุ้นแต่ละครั้งนั้น เราต้องเสียเงินส่วนหนึ่งให้กับนายหน้าค้าหุ้นหรือที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งถ้าเราลงทุนหุ้นระยะสั้นแล้วเราจะเสียเงินส่วนนี้จำนวนไม่น้อยเลย
10.เชื่อมั่นในบริษัทที่ลงทุน
การที่มองเห็นสิ่งตอบแทนในระยะยาวและการที่มองเห็นวิธีหากำไรของบริษัทที่เราลงทุนนั้น ทำให้เราอุ่นใจได้ไม่น้อย วอร์เรน บัฟเฟตต์ เลือกดูที่ปัจจัยพื้นฐานความแข็งแรงของบริษัทและดูว่ากำไรที่ได้นั้นมาจากไหน ต่อให้มีปัญหาเกิดขึ้นบ้างในบางครั้ง แต่อย่างไรก็ตามบริษัทนั้นจะแก้ปัญหาและทำกำไรออกมาเหมือนเดิม
แนวคิดสิบข้อ เล่นหุ้นให้รวย นี้ที่ทำให้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ นั้นคือพ่อมดนักลงทุนอย่างแท้จริง