เคยได้ยินคำโบราณที่ว่าไว้ว่า “การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ” หรือเปล่าค่ะ แต่ผู้คนสมัยนี้อาจจะรู้ซึ้งยิ่งกว่ากับคำเตือนสอนใจที่ว่าไว้ว่า “การ ไม่มีหนี้ เป็นพรที่ประเสริฐที่สุด” ใช่ค่ะ เพราะเมื่อใดก็ตามที่ชีวิตของเราไปผูกติดกับหนี้สิน ไม่ว่าจะหนี้จากการผ่อนสินค้า, ผ่อนบ้าน, ผ่อนรถ และ ผ่อนบัตรเครดิตต่าง ๆ ย่อมนำมาซึ่งความติดขัดไปหมดทุกเวลานาที จะทำอะไรก็ไม่ได้คล่องตัวเหมือนอย่างเคย จากที่วัน ๆ ได้แต่รูดปรื้ด รูดปรื้ด พอมาวันนี้ต้องลงไปนั่งนับดาวประหนึ่งเจอบัวขาวสอยเข้าใต้คาง เพราะรูดเพลินเกินห้ามใจ จนวงเงินเต็มทุกบัตร จากที่ชีวิตเคยใช้จ่ายคล่องมือ ก็สะดุดกรอบขีดจำกัดทางวงเงินเข้าอย่างจังค่ะ จะเดินหน้าลุยทำอะไรก็ไม่ได้ เพราะติดกับดักเป็นหนี้บัตรเครดิตซะแล้ว
เมื่อหนี้ต่าง ๆ ที่ทับถมเราอยู่ล้วนแต่เป็นหนี้จากความอยากได้ใคร่มี เป็นหนี้ที่เราก่อขึ้นมาเอง เราก็ควรต้องใช้คืนเขาไปนะคะ ถ้าเราเบี้ยว, หนีหาย ไม่ชำระเขา เราเองนั่นแหละที่เสียเครดิต ต่อไปจะซื้อบ้าน, ซื้อรถ หรือ ลงทุนทำธุรกิจสักชิ้น ก็จะขอวงเงินยากมาก ๆ ค่ะ ดังนั้น เรามีแนวทางมาช่วยแนะนำคุณ ๆ ให้สามารถปลดหนี้ได้เร็วและไวขึ้นมาฝากกันด้วยนะคะ
เริ่มจากสูตรการปรุงข้อแรกก็คือ รายจ่ายที่คั่งค้างต้องไม่เพิ่มพูน รายได้ที่เข้ามาต้องมากกว่าหนึ่งทางค่ะ ในเมื่อภาระหนี้ที่มีค้างพอกพูนอยู่นั้น สาเหตุมาจากเราใช้จ่ายเงินในอนาคตมากเกินกว่าที่เราหามาได้ในปัจจุบัน ทำให้หนี้เกิดขึ้น เราจะแก้ปัญหาให้เด็ดขาด เราก็ต้องแก้ปัญหากันที่ root cause หรือ แก่นแท้ตัวต้นเหตุสิ ถูกมั๊ยคะ นั่นก็คือ ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น พวกของฟุ่มเฟื่อย ของตามกระแสแฟชั่น ต่าง ๆ ตัดได้ตัดให้หมดค่ะ อย่าก่อหนี้ให้สูงท่วมมิดหัวไปกว่านี้ และเหตุที่คุณไม่สามารถจ่ายหนี้เขาได้ก็เพราะรายรับของคุณมีน้อยกว่ารายจ่าย จริงมั๊ยค่ะ ดังนั้น คุณก็ต้องเพิ่มช่องทางให้เงินเข้ามามากกว่าเดิม แค่ลำพังเงินเดือนอย่างเดียวไม่พออีกต่อไป นั่นก็คือ อาจจะต้องยอมทำงานล่วงเวลา, หางานพิเศษทำเสริม หรือ รับงานอิสระ อย่างงานฟรีแลนซ์ ดูบ้างค่ะ และที่สำคัญสุด ๆ ก็คือ ต้องท่องให้ขึ้นใจว่า เงินก้อนที่หามาเสริม นำมาปลดหนี้เก่า และเราต้องไม่สร้างหนี้ขึ้นมาใหม่ ไม่อย่างนั้น เราก็จะไม่หลุดจากวงหนี้บัตรนี้ไปสักทีค่ะ
สูตรการปรุงข้อที่สองก็คือ อย่าแก้ปัญหาโดยการเพิ่มปัญหาเด็ดขาด บางคนเวลามืดแปดด้าน ก็คว้าเทียนไขมาจุดไฟเผากระดาษให้แสงสว่างชั่วคราวไปพอผ่าน ๆ แต่ลืมไปว่าพอไฟเผากระดาษมอดไปหมด ก็จะเหลือแต่ขี้เถ้า และเราก็จะอยู่ในความมืดอีกครั้ง การกู้หนี้นอกระบบเป็นแค่การประวิงเวลาจ่ายหนี้ก้อนหนึ่งโดยสุมไฟใส่ตัวด้วยหนี้อีกก้อนหนึ่งแทน จากข่าวสารที่เราพบเห็นอยู่แทบทุกวันว่า หนี้นอกระบบ นั้น กู้ยืมได้ง่ายก็จริง แต่หนี้ก้อนนั้นดอกเบี้ยสูงมาก ๆ และยังเป็นหนี้ที่ผิดกฎหมายอีกด้วย ถ้าไม่อยากให้ชีวิตติดขัดสะดุดลงไปมากกว่านี้ ล้มเลิกความคิดกู้เงินนอกระบบไปจากสมองของคุณดีที่สุดค่ะ บอกไว้เลย
ณ จุดนี้ คุณควรหันหน้าไปคุยกับธนาคารเพื่อเจรจาผ่อนชำระตามกำลังที่คุณ ๆ ไหว ค่ะ รับรองว่า เป็นทางออกที่ไม่ตันอย่างการกู้นอกระบบ แน่ ๆ ค่ะ เพราะการหันหน้าไปคุยกับธนาคารจะให้ผลที่ดีกว่าการหนีเงียบหายเข้ากลีบพุทรา แน่ ๆ ค่ะ เพราะคุณสามารถรักษาเครดิตได้อยู่ และ ไม่ติดใน blacklist ด้วยนะคะ ขั้นตอนในการคุยหรือตกลงกับทางธนาคารนั้น คุณก็ต้องประเมินกำลังของตัวเอง แล้วบอกเขาว่า คุณสามารถผ่อนจ่ายต่อเดือนได้เท่าไร, สะดวกจ่ายทุกวันที่เท่าไรของเดือน และ ขอดอกเบี้ยคงที่ได้หรือเปล่า เมื่อเจรจาตกลงยอดที่จะผ่อนชำระต่อเดือนได้แล้ว คุณก็ต้องรักษาคำสัญญาของคุณด้วยนะคะ จัดการจ่ายชำระกับทางธนาคารเขาให้ตรงเวลาและจ่ายให้ครบทุก ๆ เดือน
นอกจากจะเป็นการสร้างวินัยที่ดีด้วยแล้ว ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ คุณ ๆ จะได้ไม่ต้องมานั่งหน้าเครียดขิ้วขมวดผูกกันเป็นโบว์ดำเวลาที่เจ้าหน้าที่ธนาคารโทรมาทวงถามการชำระเงินอีกด้วยไงคะ
สูตรการปรุงข้อที่สาม ที่คุณควรรู้ไว้ก็คือ กรณีที่คุณ ๆ ไม่มีทางเลือกอื่น ๆ ในการเคลียร์หนี้ก้อนโตดอกเบี้ยสูง ๆ แล้วจริง ๆ สุดทางแล้วจริง ๆ แต่คุณยังมีรถยนต์ที่ผ่อนเรียบร้อยแล้ว ก็จงอย่ากังวล หรือ อาลัยอาวรณ์ของนอกกายเลยค่ะ สิ่งที่แนะนำได้ก็คือให้คุณนำรถยนต์ของคุณไปใช้เป็นหลักค้ำประกันการขอสินเชื่อก้อนใหม่กับทางธนาคารค่ะ เพราะอะไรรู้หรือเปล่าค่ะ ในการกู้สินเชื่อถ้าเราได้ดอกเบี้ยต่ำลงมาหน่อย คุณจะมีสภาพคล่องมากขึ้น และ มีทางออกที่จะผ่อนชำระได้ค่ะ และเจ้าสินเชื่อประเภทที่มีรถยนต์มาเป็นประกันนั้น จะมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าการกู้เงินจากวงเงินบัตรกดเงินสด หรือ วงเงินบัตรเครดิตนะคะ พอสภาพการเงินของคุณเริ่มคล่องตัวมากขึ้นแล้ว คุณก็ค่อยนำมารีไฟแนนซ์ใหม่ก็ได้ค่ะ เพียงแต่ อย่าไปสร้างหนี้เพิ่มใหม่เท่านั้นค่ะ เมื่อนั้น ชีวิตไม่มีหนี้ ชีวิตไร้ขีดจำกัดก็จะกลับมาเป็นของคุณอีกครั้งค่ะ