เช็คด่วน! ใครได้เงินเยียวยา 3,000 บาทเข้าบัญชีแล้วบ้าง วันนี้ 20 ก.ค.63 เงินเข้า! (เงินอุดหนุนบุตร / กลุ่มเปราะบาง-ผู้สูงอายุ & ผู้พิการ)
จากผลกระทบโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ COVID-19 หลายคนต้องถูกเลิกจ้าง ลดเงินเดือน หากได้เดินผ่านโรงแรม ร้านค้าต่าง ๆ ในตึกออฟฟิสหรือห้างสรรพสินค้า ที่เช่าที่เริ่มปิดร้างมากขึ้น หลังจากเหตุการณ์นี้เข้า 7 เดือน หรือ ก.ค. 2563 มาตรการการช่วยเหลือยังคงต้องดำเนินต่อไป เพื่อต่อลมหายใจให้แรงงานและประชากรของไทยให้ยังมีชีวิตอยู่รอดผ่านวิกฤติ COVID-19
กลุ่มที่กำลังจะได้เงินกันในวันที่ 20 ก.ค. 2563 นี้ คือ กลุ่มผู้รับ “เงินอุดหนุนบุตร” และ กลุ่มเปราะบางอื่นๆ ได้แก่ ผู้สูงอายุ และ ผู้พิการ
โดย ผู้ได้รับสิทธิเงินเยียวยา 3,000 บาท มีดังนี้
1) เด็กที่ได้รับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด จนถึงอายุ 6 ปี จำนวนราว 1,300,000 คน
2) ผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จำนวนราว 4,000,000 คน
3) คนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการ จำนวนราว 1,300,000 คน
ผู้ที่จะมีสิทธิ์ได้รับเงิน คือ ผู้ที่มีรายชื่อในทะเบียนรายชื่อของกระทรวงพัฒนาความมั่นคงและมนุษย์ (พม.) ณ เดือน พ.ค.63 โดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ และเงื่อนไขสำคัญคือ ต้องเป็นผู้ที่ไม่เคยได้รับสิทธิช่วยเหลือเยียวยาจากมาตรการช่วยเหลือเยียวยาอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือจากโครงการเราไม่ทิ้งกัน ของกระทรวงการคลัง, โครงการเยียวยาเกษตรกร ของ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และไม่เคยได้รับการเยียวยาตามสิทธิ์ของผู้ประกันตน โดยกระทรวงแรงงาน (สำนักงานประกันสังคม) รวมถึงไม่ใช่ผู้ถือบัตรคนจน ซึ่งได้รับเงินเยียวยา 3,000 บาทไปก่อนหน้านี้แล้ว
แต่ทั้งนี้ สำหรับกลุ่มผู้รับ “เงินอุดหนุนบุตร” หากว่า บุตรหลานของท่านมีรายชื่ออยู่ในทะเบียนที่ขึ้นไว้กับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ณ เดือน พ.ค.63 อยู่แล้ว ทุกรายชื่อจะมีสิทธิได้รับเงิน แม้ว่า ผู้ปกครองจะได้รับเงินเยียวยาจากโครงการอื่นๆ มาแล้วก็ตาม เนื่องจากเงินก้อนนี้เป็นสิทธิ์ของ “เด็ก”
ทั้งนี้ ตามเดิม มาตรการเยียวยากลุ่มเปราะบาง รัฐบาลแจ้งว่า จะให้เงินต่อเนื่อง เดือนละ 1,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน (พฤษภาคม-กรกฎาคม 2563) รวมเป็นเงินจำนวน 3,000 บาทต่อคน แต่เนื่องจากความล่าช้าเกี่ยวกับการคัดกรอง เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนของผู้ได้รับสิทธิ์ จึงทำให้ไม่สามารถจ่ายได้ทันเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนที่ผ่านมา จึงได้รวบมาจ่ายครั้งเดียวเลย คือ วันที่ 20 กรกฎาคม 2563 โดยกรมบัญชีกลาง จะทำหน้าที่โอนเงินแก่ผู้ได้รับสิทธิ์ ตามเลขบัญชีที่ใช้สำหรับรับเงินอุดหนุนเดิม ผู้ได้รับสิทธิ์จึงไม่จำเป็นต้องยุ่งยากในการแจ้งเลขบัญชีใหม่ โดยจะเป็นการจ่ายเงินเพิ่มเติมจากเบี้ยผู้สูงอายุ หรือเพิ่มเติมจากคนพิการ ที่ได้รับเป็นรายเดือนอยู่แล้ว
และสำหรับกรณีผู้มีสิทธิที่เคยรับเงินอุดหนุนเป็น “เงินสด” กรมบัญชีกลางจะโอนเงินไปยังหน่วยงานเดิมที่เคยจ่ายเงินอุดหนุนรายเดือน เพื่อให้หน่วยงานนำเงินไปจ่ายให้แก่ผู้มีสิทธิต่อไป
อย่างไรก็ตาม หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดทั่วประเทศ หรือศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน พม. โทร 1300 ตลอด 24 ชม.
ส่วนมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลดำเนินการช่วยเหลือไปแล้วหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น
1) “เราไม่ทิ้งกัน” แจกเงิน 5,000 บาท 3 เดือน
2) โครงการ “เยียวยาเกษตรกร” แจกเงิน 15,000 บาท
3) และที่เพิ่งโอนกันไปเมื่อต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ก็คือ เงิน 3,000 บาทให้กับผู้ถือบัตรคนจน
อย่างไรก็ตามในวิกฤติ COVID-19 นี้ทำให้หลายคนได้เรียนรู้ว่าการทำอาชีพเดียวถือว่าไม่เพียงพอ มีความเสี่ยงสูง ดังนั้นเราควรหาอาชีพเสริมไว้เพื่อทำในวันหยุดหรือเวลาว่างจากงานประจำที่อาจจะเกิดความเสี่ยงได้ในอนาคต ถือว่าเราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เพื่อสร้างอาชีพ หลายคนหยุดอยู่บ้านจะเห็นได้ว่ามีการฝึกทำอาหาร ขนม หรือปลูกต้นไม้ขาย ถือว่าได้เกิดการเรียนรู้และเกิดอาชีพใหม่ ๆ ที่มากขึ้น