วันนี้ผู้เขียนรู้สึกครึ้มอกครึ้มใจที่อยากจะเขียนบางอย่างที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเงิน แต่หากสิ่งที่เขียนต่อไปนี้ก็อาจจะมีส่วนที่ช่วยส่งเสริมให้การเงินของคุณดีขึ้นไม่มากก็น้อย นั่นคือ เรื่องที่เกี่ยวกับประสิทธิภาพในการทำงาน
หลายคนนั้นเป็นคนเก่ง มีความสามารถที่หลากหลายจึงส่งผลให้หน้าที่การงานเติบโตขึ้น แต่บางคนอาจจะไม่ได้เป็นคนเก่ง ทำงานไปวันๆโดยไม่ได้มีเป้าหมายอะไรกับชีวิต จึงมักจะไม่ประสบความสำเร็จในการทำงาน แต่ทั้งนี้หลุมพรางบางอย่างก็เป็นเหมือนกับดักที่ทำให้การทำงานของคุณไม่มีประสิทธิภาพอย่างเพียงพอ สิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้เป็นความจริงที่เกิดขึ้น จึงอยากให้ผู้อ่านลองสำรวจตัวเองว่าเรากำลังตกอยู่ในหลุมพรางเหล่านี้หรือไม่ หากเรากำลังอยู่ในหลุมพรางเหล่านี้ ให้นำตัวเองออกมาให้เร็วที่สุด
- มองแง่บวกตลอด การมีความคิดหรือมองแง่บวกถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ในการทำงานความคิดแง่บวกส่งผลต่อการทำงานโดยตรง เพราะการที่เราทำงานหรือโปรเจ็คใดโปรเจ็คหนึ่ง แต่เรามองทุกอย่างเป็นภาพที่เราคิดว่าทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามแผนการที่เราวางไว้ ไม่มีผิดพลาดหรือพลาดเป้าแน่นอน ทุกอย่างเราควบคุมได้ เราเก่ง แต่ไม่ได้มีแผนการสำรองหรือมองเลยว่าหากเกิดเหตุการณ์บางอย่างระหว่างทางจะแก้ไขอย่างไร การมองสถาการณ์ให้แย่ที่สุดจะช่วยให้เราสามารถรับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้ดีกว่าการมองทุกอย่างดีหมดไม่มีข้อผิดพลาด เช่นเดียวกันการทำงานก็ต้องวางแผนอย่างรัดกุมปิดประตูทุกช่องที่อาจจะส่งผลร้ายต่อการทำงานของเรา
- ข้ามาคนเดียว การทำงานแบบทีมเป็นการระดมกำลังและความคิดเพื่อให้งานทุกชิ้นนั้นราบรื่น แต่ในบางครั้งการทำงานแบบข้ามาคนเดียว หรือไม่สนใจคนในทีม เพราะคิดว่าตนเองทำงานคนเดียวได้ดีกว่าการทำงานแบบกลุ่ม ถือเป็นความคิดที่ผิดอย่างมาก โดยเฉพาะงานที่จะต้องทำแบบกลุ่ม จะต้องมีการปรึกษาหารือและระดมความคิดกัน จึงจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในงานนั้นๆ เพราะการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจะช่วยเปิดมุมมองที่เราคิดไม่ถึง หรือแนวทางใหม่ๆที่อาจจะช่วยให้ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นระหว่างงานได้รับการแก้ไข
- หมดเวลาไปกับ Social ต่างๆ การพักผ่อนหย่อนใจระหว่างการทำงานเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ แต่ในบางครั้งการให้เวลาไปกับเรื่องไร้สาระมากจนเกินไประหว่างการทำงาน ก็ทำให้งานออกมาไม่มีประสิทธิภาพ เช่น ก้มหน้านั่งเช็ค Line ทุกสิบนาที, เปิด Facebook ทุก 5 นาทีว่ามีใครมาตอบเมน์เราไหม, แอบดูหนังเกาหลีในระหว่างทำงาน เป็นต้น ซึ่งการทำงานเราควรที่จะมีความตั้งใจในการทำงาน มุ่งมั่นกับงานตรงหน้า ส่วนเรื่องของ Social ต่างๆ ควรจัดเวลาระหว่างวันว่าควรจะเปิดดูเปิดอ่านในช่วงเวลาไหน เช่น พักเที่ยง หรือ ทุก 2 ชั่วโมงอาจจะพักสัก 10 นาที นั่งอ่าน Line, Facebook ฟังเพลงบ้าง เพื่อให้สมองได้ผ่อนคลาย แต่การให้เวลากับสิ่งเหล่านี้จนงานไม่เดินจะส่งผลให้ผลผลิตของงานล่าช้าและไม่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
- เป้าหมายการทำงานที่ไม่ชัดเจน การทำงานจะต้องมีเป้าหมายว่างานนี้จะต้องมีวิธีการทำอย่างไร และสุดท้ายแล้วผลของงานนี้จะออกมาในรูปแบบไหน การวางแผนและจัดวางเป้าหมายของงานที่กำลังทำจะช่วยให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าการไม่มีแผนและทำไปตามคำสั่งของหัวหน้า หัวหน้าบอกให้ทำแบบนี้ก็ทำไปตามคำสั่ง แต่เราต้องมีการวางแผนและเรียนรู้ที่จะนำสิ่งใหม่ๆเข้ามาช่วยเติมหรือช่วยเสริมให้งานนั้นออกมาดูดีที่สุด อย่าทำเป็นเหมือนหุ่นยนต์
- จับกลุ่มนินทาเพื่อนร่วมงาน พฤติกรรมเหล่านี้มีทุกองค์กรไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก และเป็นธรรมเนียมไปแล้วที่จะต้องมีกลุ่มเล็กกลุ่มย่อยในองค์กร การจับกลุ่มนั่งนินทาหยอกล้อกันในที่ทำงานอาจจะเป็นเรื่องปรกติของทุกองค์กร แต่ในแง่ของการทำงานแล้วนั้น การเพิ่มดีกรีจากการนั่งนินทาส่งผลให้เรามีทัศนคติไม่ดีต่อบุคคลที่ถูกกล่าวถึง ทำให้เราไม่อยากจะดีลงานด้วย หรือพยายามเลี่ยงจะประสานงาน จนทำให้งานชะงักไม่ไหลลื่น เพราะเข้าหน้าไม่ติด เนื่องจากได้ยินคนนั้นพูดอย่างงั้นอย่างนี้ ไม่อยากยุ่งด้วยเดี่ยวโดนแบนออกจากลุ่ม การติเพื่อก่อ เป็นเรื่องที่ดีแต่การพูดให้ร้ายกันก็อาจจะส่งผลต่อองค์กรในระยะยาว
จากทั้งหมดทั้งมวลเป็นการรวบรวมอุปสรรคหรือหลุมพรางแบบชัดเจนที่สุด ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน หากคุณมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่กล่าวมานี้ ให้ทำการปรับเปลี่ยนทันที เพราะจากข้างต้นที่ทิ้งคำถามไว้ว่าเกี่ยวอะไรกับงานเงิน คำตอบง่ายๆ คือ หากงานคุณมีประสิทธิภาพไม่เข้าตา ล่าช้า คุณจะได้รับเงินเดือนขึ้นหรือไม่ และเมื่อไหร่คุณจะได้เลื่อนตำแหน่ง หรือคุณต้องการจะนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิมตลอดไปอย่างนั้นหรือ อย่าให้หลุมพรางที่กล่าวมา เป็นอุปสรรคในการทำงานของคุณ ปรับเปลี่ยนวิธีคิดและมุ่งมั่นกับงานที่ทำให้ดีที่สุดในแต่ละวัน สิ่งใดพลาดไปก็แก้ไขและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆเสมอ