เวลาที่คนเราไม่มีเงินเป็นธรรมดาที่จะต้องรู้สึกกลุ้มใจ บางคนทุ่มเททำงานอย่างหนักเพื่อให้มีเงินเก็บออมไว้ใช้ พอมีเงินก็ต้องคิดต่อไปว่าจะนำเงินไปลงทุนอะไรเพื่อให้เป็นรายได้ที่งอกเงยขึ้นมาและไม่ให้ยอดเงินลดลงไปจากที่มีอยู่ในปัจจุบัน นี่จึงเป็นเหตุผลที่คนเราจะต้องมีการวางแผนการเงิน เพื่อที่จะเปลี่ยนสถานะทางการเงินจากคนไม่มีเงินให้เป็นคนมีเงินและจากคนมีเงินให้เป็นคนที่มีเงินมากขึ้นนั้นเอง
หลายคนสงสัยว่า ทำไมเราจะต้องวางแผนการเงินด้วย เราไม่ต้องทำอะไรกับเงินทองจะได้ไหม เพียงแค่มีหน้าที่หาแล้วนำมาเก็บออมเท่านั้นจะได้ไหม ก็เงินในสมุดเงินฝากของฉันมันก็มีเงินอยู่นี่นา ซึ่งหากใคร่ครวญดูอย่างรอบคอบแล้วการคิดแค่ผิวเผินแบบนั้นคงจะไม่เกิดผลลัพธ์ที่ดีแน่ เราต้องมีเป้าหมายสำหรับการที่จะทำอะไรสักอย่าง จำเป็นต้องกำหนดกลยุทธ์ และวางแผนงานให้ละเอียดรอบคอบ แล้วจึงนำแผนงานนั้นไปปฏิบัติ ท้ายสุดต้องมีการประเมินผลการปฏิบัติด้วยว่าแผนที่มีอยู่นั้นดีพอหรือยัง ถ้ายังก็สามารถปรับให้ดีขึ้น วันนี้เราจะมาดูว่าเพราะอะไรเราถึงต้องวางแผนการเงิน
1.หลีกเลี่ยงความเสี่ยงทางการเงิน
ในชีวิตเราต้องเผชิญสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ไม่อาจคาดเดาได้ เราจึงไม่สามารถป้องกันความเสี่ยงในทุกด้านของชีวิตได้ แต่เรามีหนทางที่รอไว้เพื่อที่เราจะสามารถป้องกันความเสี่ยงทางการเงินได้ ซึ่งเราทราบดีว่าบรรดาความเสี่ยงที่เราคุ้นเคย เช่น การเกิดอุบัติเหตุ การเจ็บป่วยกะทันหัน และความตาย ซึ่งเมื่อสถานการณ์ความเสี่ยงเหล่านี้เกิดขึ้นแล้วย่อมมีผลกระทบกับการเงินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
2.เพื่อปลดหนี้
คนที่ไม่มีหนี้ถือว่าเป็นคนโชคดีอย่างยิ่ง เพราะมีผู้คนจำนวนมากมีภาระหนี้สินจำนวนค่อนข้างมากเลยทีเดียว ทำให้เกิดความเครียดว่าจะใช้หนี้หมดเมื่อไร เช่น ต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หรือหนี้บัตรเครดิต เป็นต้น ดังนั้น คนที่ไม่มีหนี้สินเลยจึงถือว่าเป็นคนโชคดีและประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง และถ้าหากเขามีเงินเก็บด้วยแล้วก็ยิ่งดียิ่งขึ้นไปอีก เพราะเขาสามารถเปลี่ยนฐานะการเงินของตนเองได้จากคนที่มีหนี้กลายเป็นคนที่มีเงินออกได้ ซึ่งไม่ใช่ว่าใครจะทำได้ง่าย ๆ หากวางแผนการเงินไม่ดี หากเราต้องการมีอิสระจากหนี้สิน เราจำเป็นต้องวางแผนในการกำจัดหนี้สินให้หมดสิ้น เพราะชีวิตของเรายังอีกยาวไกลจำเป็นต้องมีเงินใช้อย่างพอเพียงไปตลอดชีพ และเพื่อให้เรามั่นใจว่าเราจะมีเงินเพียงพอ เราก็ต้องคิดเรื่องการปลดหนี้ให้เร็วที่สุด
3.เรามีอายุยืนนานขึ้น
ด้วยเทคโนโลยีและความเจริญก้าวหน้าทางการแพทย์ ทำให้คาดว่าอายุเฉลี่ยของคนไทยในอนาคตจะยืนยาวออกไปอีก จากข้อมูลนี้ทำให้เราตระหนักว่าเราจะต้องมีเงินจำนวนเท่าไรถึงจะพอเลี้ยงชีพอย่างไม่ลำบากไปตลอดชีวิต ยิ่งเรามีอายุเฉลี่ยมากขึ้นเท่าไร การใช้เงินก็ต้องเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
4.ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตร
หากเราเป็นมนุษย์เงินเดือนที่มีเงินเดือนค่อนข้างสูง บางครั้งการที่เรามีเงินเดือนสูง ๆ อาจทำให้ประมาทในการวางแผนใช้เงินได้ เราอาจจะคิดว่าแต่ละเดือนหาเงินได้มาพอกับค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว เงินไม่เคยขาดมือ ไม่ต้องวางแผนอะไรหรอก
ถึงแม้ว่าเราจะหาเงินได้มากน้อยเพียงใดนั่นไม่สำคัญ แต่มันอยู่ที่ว่าเราจะมีความสามารถในการเก็บเงินได้มากเพียงไรสำคัญกว่า เรามีค่าใช้จ่ายประจำและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีกมากมาย ยิ่งคนที่มีครอบครัวมีบุตรด้วยแล้ว คงต้องคิดเรื่องค่าใช้จ่ายที่ตามมาอีกด้วย โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบุตรนั้น ถ้าคำนวณดูนับว่าต้องใช้เงินจำนวนมากเลยทีเดียว คำนวณคร่าว ๆ แค่ตอนลูกเกิดจนกระทั่งเรียนจบปริญญาตรี หลายคนพยักหน้าเห็นด้วยในใจเลยทีเดียว
5.ความเจ็บป่วย
เรื่องของความเจ็บป่วยคงไม่มีใครอยากให้เกิดกับตนและคนในครอบครัวเป็นแน่แท้ แต่ถ้าเราประมาทไม่วางแผนการเงินเผื่อในเรื่องนี้ เมื่อถึงเวลาคงจะเดือดร้อนน่าดู เพราะค่ารักษาพยาบาลที่จะต้องจ่ายเป็นจำนวนที่ไม่แน่นอนอาจจะพอรับไหวหรือไม่ก็แพงลิบ ไหนจะค่าเดินทางไปโรงพยาบาลและหากต้องนอนรักษาตัวกันเป็นเดือน ๆ ค่าเดินทางไปเยี่ยมคนป่วย ล้วนแล้วแต่ต้องใช้เงินทั้งสิ้น หากไม่มีเงินสำรองไว้ต้องไปหยิบยืมผู้อื่นก็อาจจะทำให้ฐานะการเงินย่ำแย่เกินแก้ไขได้ ด้วยเหตุนี้ผู้ที่ไม่ประมาทก็มักจะมีแผนนี้สำรองเพื่อการรักษาพยาบาลซึ่งแล้วแต่บุคคลว่าต้องการกันเงินส่วนนี้เป็นจำนวนเท่าไร ไม่มีใครทราบว่าจะเจ็บป่วยตอนไหนและใช้เงินเท่าไร การมีเงินสำรองไว้ย่อมอุ่นใจกว่า