เหตุการณ์สำคัญหลัก ๆ ซึ่งสร้างความหวาดหวั่นให้กับวงการการเงินทั่วโลกสำหรับปี 2015 นั้นประกอบไปด้วย การเพิ่มขึ้นของผลตอบแทนของตราสารหนี้ในกลุ่มสหภาพยุโรป (ซึ่งแม้ว่าจะมีการดำเนินนโยบายมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณโดยธนาคารกลางแห่งสหภาพยุโรปขึ้นมาก็ตาม) การแข็งค่าขึ้นอย่างมากของสกุลเงินฟรังค์สวิสหลังจากที่ธนาคารกลางแห่งสวิสเซอร์แลนด์ได้ประกาศลอยตัวค่าเงินของตนเองให้ไม่ต้องตรึงกับค่าเงินยูโรที่ 1.2 ฟรังค์สวิสต่อยูโรอีกต่อไป การพังทลายลงมาของดัชนีตลาดหุ้นจีน การที่ราคาน้ำมันตกต่ำลงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 11 ปี ฯลฯ ซึ่งการซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐเอาไว้นั้นทำให้นักลงทุนได้รับ “กำไรมากกว่าปกติ” เมื่อเทียบกับการถือครองสกุลเงินที่อิงกับสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงการลงทุนในประเทศกรีซ ประเทศรัสเซีย หรือตราสารหนี้ของประเทศยูเครน
ในปี 2016 นี้ อาจมีเหตุการณ์สำคัญหลายประการเกิดขึ้นที่อาจส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อตลาดการเงินได้ ซึ่งการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตโฟลิโอ การป้องกันความเสี่ยง และ การใช้คำสั่งหยุดขาดทุนอย่างชำนาญเพื่อจำกัดความเสียหาย จะช่วยทำเงินและหลีกเลี่ยงการขาดทุนไปได้ เราจึงแนะนำ 5 กลยุทธ์เพื่อเทรด อย่างมั่นใจ มาดังนี้
เหตุการณ์สำคัญประการแรก
ปี 2016 เป็นปีที่ธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกาวางแผนจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Federal funds rate) จำนวน 4 ครั้ง ครั้งละ 25bps ให้แตะ 1.25-1.50% ซึ่งปฏิกิริยาตอบรับของตลาดที่ผ่านมาโดยดั้งเดิมสำหรับช่วงวัฏจักรของการดำเนินนโยบายของอัตราดอกเบี้ยแบบตึงตัวของสหรัฐอเมริกานั้น มักพบว่าดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทียบกับประเทศซึ่งธนาคารกลางมีนโยบายดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ ซึ่งในที่นี้คือ สกุลเงินยูโร และ สกุลเงินเยน ซึ่งกรณีฐานในปี 2016 นั้นคาดการณ์ว่าเงินยูโรจะมีค่าเทียบเท่ากับเงินดอลลาร์สหรัฐ และ เงินยูโรจะทดสอบแนวราคาที่ 125 เยน อาจควรพิจารณาสั่งขายค่าเงิน EUR/USD เมื่อราคาต่ำกว่าระดับ 1.08 โดยมีเป้าหมายที่ 1.05 และ 1.00 และการสั่งซื้อค่าเงิน USD/JPY ควรกระทำเมื่อราคาอยู่ที่ระดับ 115
เหตุการณ์สำคัญประการที่สอง
ในฤดูร้อนของปี 2016 นั้น การลงประชามติของอังกฤษในหัวข้อที่อังกฤษจะถอนตัวออกจากกลุ่มสหภาพยุโรปหรือไม่ จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อสกุลเงินปอนด์ อังกฤษนั้นไม่พอใจนักโดยเฉพาะเรื่องของการไหลบ่าเข้ามาจำนวนมากของผู้อพยพย้ายถิ่นฐานชาติต่าง ๆ จากยุโรปตะวันออก และข้อจำกัดในการใช้อำนาจของรัฐสภาของตนเอง ความไม่มั่นคงทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นนั้นอาจส่งผลกระทบให้ค่าเงิน GBP/USD ร่วงลงมาสู่ระดับ 1.4 ซึ่งหากค่าเงินปอนด์ถอยกลับสู่จุดต่ำสุดของปี 2015 ที่ประมาณ 1.456 นั้น จะถือเป็นสัญญาณให้เปิดสถานะขายสำหรับค่าเงินนี้
เหตุการณ์สำคัญประการที่สาม
อัตราการเติบโตต่อปีของเศรษฐกิจของจีนอาจร่วงลงสู่ 6.5% ในปี 2016 ดังนั้นค่าเงินของประเทศใด ๆ ซึ่งเศรษฐกิจอิงกับประเทศจีนอย่างเหนียวแน่นก็จะพบกับความเสี่ยง มุมมองระยะยาวของค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียและดอลลาร์นิวซีแลนด์อาจร่วงลงสู่ระดับ 0.605 และ 0.575 เทียบต่อดอลลาร์สหรัฐตามลำดับ ควรพิจารณาเปิดสถานะขายในค่าเงินสองสกุลนี้หากราคาตกลงลงต่ำกว่าระดับ 0.69 และ 0.65 ดอลลาร์ตามลำดับ และทางเราขอตั้งข้อสังเกตว่าการรวมเอาสกุลเงินหยวนเข้ามาอยู่ในตะกร้าเงินทุนสำรองตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2016 จะเพิ่มอุปสงค์อย่างฉับพลันสำหรับเงินหยวน หรือหากจะให้ระบุชัดเจนขึ้นก็คือ ธนาคารกลางแต่ละแห่งจะมีอุปสงค์ต้องการพันธบัตรของรัฐบาลจีนเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางกระแสที่คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลง ค่าเงิน USD/CNY น่าจะสามารถไปทดสอบที่ระดับ 6.7 ได้ สามารถทยอยสะสมสถานะซื้อค่าเงินเมื่อราคาปรับตัวลงมาสู่ระดับ 6.5
เหตุการณ์สำคัญประการที่สี่
ในฤดูร้อนของปี 2016 ประเทศในกลุ่มโอเปกมีความเป็นไปได้ที่น่าจะลดปริมาณโควตาการผลิตน้ำมันดิบลง ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันอาจพุ่งขึ้นสู่ระดับ 50-60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในปัจจุบันนั้นบรรดารัฐบาลของประเทศในกลุ่มนี้ต้องใช้ทองคำสำรองเพื่อค้ำประกันค่าเงินของประเทศตนเอง ซึ่งก็คือการตรึงราคากับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และยังต้องลดงบประมาณรายจ่ายลงอีกด้วย ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นของรัฐศาสตร์การเมืองในภูมิภาคบริเวณแถบตะวันออกกลางและการลดปริมาณของการผลิตน้ำมันจากนอกกลุ่มโอเปกจะช่วยเสริมให้ราคาของ “ทองคำสีดำ” นี้เพิ่มค่าขึ้น ดังนั้นแล้วอาจพิจารณาซื้อสัญญาฟิวเจอร์น้ำมันได้ที่ระดับราคา 35 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นราคาของต้นทุนการผลิตของเชลออยล์ในสหรัฐอเมริกา
จากสมมุติฐานของเราในเหตุการณ์สำคัญประการที่สี่ ซึ่งคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันจะเพิ่มขึ้น ค่าเงินสกุลต่าง ๆ ของประเทศซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก อันประกอบด้วย ดอลลาร์แคนาดา โครนนอร์เวย์ รูเบิลรัสเซีย ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนของค่าเงินเหล่านี้เคลื่อนราคาได้อย่างเสรี ก็ควรจะแข็งค่าขึ้น ซึ่งค่าเงิน USD/CAD USD/NOK และ USD/RUB ก็มีความเป็นไปได้ที่จะร่วงลงสู่ระดับ 1.3 8.0 และ 57.5 ตามลำดับ การขายค่าเงินเหล่านี้สมควรพิจารณาทำเมื่อราคาร่วงลงต่ำกว่าระดับ 1.38 8.8 และ 69 ตามลำดับ
เหตุการณ์สำคัญประการที่ห้า
นโยบายทางการต่างประเทศของประเทศซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกนั้น ซึ่งนโยบายนี้จะมีอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญยิ่งต่อกระบวนการบริหารจัดการภายใน นโยบายการต่างประเทศนี้จะขึ้นอยู่กับว่าผู้ใดจะได้ขึ้นรับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา (พรรคเดโมแครต หรือ พรรครีพับลิกัน) หลังจากการเลือกตั้งในประเทศสหรัฐอเมริกาไปแล้วนั้น ราคาของทองคำซึ่งมักใช้เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงอาจเพิ่มค่าขึ้นสู่ระดับ 1200 ดอลลาร์ จึงอาจพิจารณาเข้าซื้อโลหะมีค่านี้ได้จากบริเวณระดับราคา 1000 ดอลลาร์