การ ตกงาน แบบโดนไล่ออกนั้น แตกต่างจากการ ตกงาน แบบลาออกด้วยตัวเอง เพราะการตกงานแบบโดนไล่ออกนั้นมักจะมีเงินชดเชยมาให้ โดยเงินชดเชยนั้นจะคิดเป็นสัดส่วนของระยะเวลาการทำงานกับบริษัทนั้น ยิ่งเราทำงานกับบริษัทนั้นมากหรือยิ่งเราทำงานกับบริษัทนั้นยิ่งนานเท่าไหร่ เงินชดเชยหลังโดนไล่ออกก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น โดนเงินชดเชยจะนับเป็นปีของการทำงานไม่ใช่นับเป็นวันของการทำงาน ส่วนการตกงานแบบลาออกด้วยตัวเองนั้นไม่มีเงินชดเชยการทำงานให้แต่อย่างใด
ซึ่งเมื่อใดที่เราเบื่องานสักงานหนึ่งนั้น เราสามารถเลือกได้ว่าจะออกงานแบบโดนไล่ออกหรือลาออกด้วยตัวเอง ซึ่งมีน้อยคนนักที่จะหาวิธีการทำอย่างไรให้เรานั้นโดนไล่ออกเพราะจะได้ได้เงินชดเชย ถึงอย่างไรก็ตามไม่ว่าเราจะออกจากงานเหล่านั้นด้วยวิธีแบบใด เราก็ต้องหาวิธีการรับมือหลังจากออกจากงานหรือตกงานนั้นซึ่งมีดังนี้
สิ่งที่หนึ่ง วางแผนว่าจะหางานให้ได้ในเวลาเท่าไหร่
เมื่อเราออกจากงานแล้วนั้น ไม่ว่าจะเหตผลใดก็ตามเราควรที่จะกำหนดเป้าหมาย ตั้งเป้าหมายไว้เลยก็ได้ว่าจะพยายามหางานภายในกี่เดือน ยิ่งเราหางานได้เร็วเท่าไหร่ นั้นหมายความว่าเราตั้งหลักครั้งใหม่ได้เร็วยิ่งขึ้นเท่านั้น การตั้งเป้าหมายนี้จะทำให้เรานั้นมีกำลังใจและมีแรงสู้ พยายามเพื่อที่จะหางานใหม่ๆเหล่านั้น ยิ่งเราวางแผนไว้สั้นมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งพยายามหางานหักโหมร่างกายมากขึ้นเท่านั้น
สิ่งที่สอง จัดแจงการใช้เงินให้พอดี
รายระเอียดเกี่ยวกับการใช้เงินนั้นถือว่าจำเป็น เพราะการที่เราได้เงินสักก้อนหนึ่งจากการถูกไล่ออกหรือโดนไล่ออกนั้น มารวมกับเงินติดตัวที่มีอยู่ทั้งหมด ทำให้เรานั้นรู้จำนวนปริมาณเงินทั้งหมดและสามารถบริหารจัดการเงินให้เป็นส่วนต่างๆได้ การจัดแจงเงินนั้นเราควรจะวิเคราะห์ถึงความประหยัดใช้ความประหยัดเป็นหลัก เราสามารถบริหารเงินเป็นส่วนๆสำหรับระยะเวลาทั้งหมดหกเดือนเพื่อที่จะหายงานใหม่ แต่ยิ่งนานเรายิ่งมีโอกาสกินแกลบที่ได้มากขึ้น การจัดแจงเงินค่ากินนั้นนับเป็นส่วนที่จำเป็นและสำคัญ เราสามารถจัดแจงเงินที่จะต้องจ่ายเป็นหลักหรือจัดแจงรายจ่ายต่างๆประจำเดือนไว้ก่อน เช่นค่าน้ำ ค่าไฟ เงินผ่อนต่างๆ และอื่นๆอีกมากมาย ก่อนที่เราจะนำเงินที่เหลือเหล่านั้น ไปแยกแยะเป็นเงินคนส่วนต่างๆ
สิ่งที่สาม ประหยัดเงิน รัดเข็มขัดให้มากขึ้น
ในเมื่อตอนนี้ เรานั้นไม่มีรายรับเข้ามาเพราะตกงานแล้วนั้น เราจำเป็นต้องลดรายจ่ายเพื่อที่จะประหยัดเงินที่เรามีอยู่นั้นให้มากที่สุด ยิ่งประหยัดได้มากยิ่งอยู่ได้นาน ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ทำให้ใครหลายๆคนนั้นเป็นนักประดิษฐ์สิ่งของอำนวยความสะดวกต่างๆเพราะต้องประหยัดเงินซื้อของ การรัดเข็มขัดทำให้เรานั้นเป็นนักวิเคราะห์เกี่ยวกับการใช้เงินได้อย่างไม่น่าเชื่อ และการรัดเข็มขัดนั้นเป็นการฝึกวินัยที่ดีอย่างหนึ่ง
สิ่งที่สี่ ตั้งหลักและหากำลังใจ
การตั้งหลักหลังออกจากงานนั้นนับว่าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะทำให้เรานั้นได้พักผ่อนหลังจากช่วงเวลาที่เลวร้าย ให้ร่างกายได้พักผ่อนเพื่อจะได้มีแรงสู้ชีวิตต่างๆ และที่สำคัญนั้นกำลังใจจากคนรอบข้างก็สำคัญไม่แพ้กัน เราอาจจะเลือกที่จะกลับไปหาคุณพ่อคุณแม่หลังจากที่เราตกงานเพื่อไปพักผ่อน อาศัยอยู่ชั่วคราวเวลาหนึ่ง ถึงเวลาที่เราพร้อมค่อยออกหางาน การตั้งหลักนี้จะสิ่งที่ทำให้เรานั้นได้ทบทวนกับสิ่งที่ผ่านมาว่า เรานั้นได้เรียนรู้อะไรบ้างจากสิ่งนั้น เรานั้นได้เรียนรู้จากความผิดพลาดมากน้อยแค่ไหน ทำให้เรานั้นได้มีเวลาอยู่กับตัวเองที่มากขึ้น ในบางครั้งคุณพ่อคุณแม่ของเราอาจจะให้คำแนะนำที่ดีมากเลยแหละ
สิ่งที่ห้า เริ่มหางานทำทันที
เวลาไม่รอช้า กาลเวลาไม่เคยรอใคร ยิ่งเรานั้นตั้งหลักได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งเป็นผลดีกับเรามากยิ่งขึ้นเท่านั้น เพราะถ้าเรานั้นยังใช้ชีวิตไปตามปกติแต่ไม่คิดจะหางาน เงินที่เรามีนั้นจะเริ่มหมดอย่างช้าๆ และก็จะหมดในที่สุด ซึ่งเราควรจะอาศัยเวลาหลังจากตกงานนี้ในการหางานทำให้เร็วที่สุด ในบางครั้งงานที่เราได้ใหม่อาจจะไม่จำเป็นต้องดีเสมอไป อาจจะไม่ใช่งานที่เราชอบ แต่เราควรที่จะเลือกทำงานแบบนั้นไปสักพัก พอถึงเวลาที่เราเจองานสักงานที่ดีกว่าหรืออาจจะเป็นงานที่เรารอมานั้นเราจึงค่อยลาออกจากงานที่ทำอยู่เพื่อไปหางานใหม่ แต่สิ่งที่สำคัญเราจะออกแบบโดนไล่ออกหรือออกด้วยตัวเองนั้นก็แล้วแต่ความสามารถของเราที่เรามีอยู่
สิ่งที่หก ติดต่อคนที่รู้จัก
การที่เราติดต่อคนรู้จักของเรานั้นไม่จำเป็นว่าต้องสนิทกันแค่ไหน ไม่จำเป็นต้องมีความเกรงใจแต่อะไรที่มากไปก็ไม่ดี การที่เรานั้นติดต่อคนรู้จัก เราอาจจะติดต่อเพื่อให้คนที่เรารู้จักนั้นช่วยหางานให้เราทำ นับได้ว่าเป็นการทุ่นแรงในการออกไปหางานทำด้วยตัวเองได้เยอะเลยทีเดียว และในบางครั้ง โอกาสและงานต่างๆอาจจะมาจากญาติหรือคนที่เรารู้จัก
มีคนจำนวนไม่น้อยที่สัญญากับตัวเองไว้ว่าจะพยายามหางานที่ดีที่สุด และจะพยายามอยู่กับงานนั้นไปนานๆ แต่พวกเขาเหล่านั้นก็มักจะหางานทำได้อย่างความยากลำบาก กลับกันก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่เลือกที่จะเปลี่ยนงานเป็นว่าเล่น เปลี่ยนงานอยู่บ่อยครั้ง การเปลี่ยนงานในแต่ละครั้งของเราทุกคนนั้น เราควรพิจารณาให้ดีเสียก่อน ก่อนที่จะเปลี่ยนงาน