เมื่อคุณต้องการเงินมาลงทุนสักก้อนหนึ่ง ความคิดที่จะไปขอสินเชื่อกับธนาคารมักจะเกิดขึ้น เพราะถือว่าเป็นแหล่งการให้สินเชื่อที่น่าเชื่อถือและมีระบบที่สุด แต่อย่างไรก็ตามธนาคารก็มีกฎเกณฑ์ในการให้สินเชื่อส่วนบุคคลด้วยเช่นกัน โดยธนาคารจะพิจารณาจากองค์ประกอบหลายด้านก่อนการอนุมัติ ซึ่งถ้าหากคุณรู้ล่วงหน้าก่อนที่จะไปขอสินเชื่อและดำเนินการในส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์ให้ครบถ้วน การขอสินเชื่อก็มักจะผ่านการพิจารณาง่าย ๆ เราลองมาเตรียมความพร้อมในการขอสินเชื่อให้ผ่านการอนุมัติกัน
1.ถามตัวเองว่าทำไมธนาคารต้องปล่อยสินเชื่อให้กับเรา
การที่ธนาคารจะปล่อยสินเชื่อให้กับเรานั้นก็ต้องมีเหตุผล และการที่ธนาคารไม่ปล่อยสินเชื่อให้กับเราก็ต้องมีเหตุผลเช่นกันซึ่งมีหลายกรณีและแตกต่างกันไปตามแต่ละธนาคารด้วย ลองตั้งคำถามกับตัวเองว่าเพราะเหตุใดธนาคารจึงปล่อยสินเชื่อให้เราและเพราะเหตุใดทำไมจึงขอสินเชื่อไม่ผ่าน เรามาดูกรณีการขอสินเชื่อที่ไม่ผ่านการอนุมัติกัน
กรณีที่หนึ่ง
ในกรณีที่เราเป็นเจ้าของกินจากแล้วเกิดขาดสภาพคล่องในการดำเนินงาน เราจึงเดินเข้าไปที่ธนาคารเพื่อขอสินเชื่อเพิ่มสภาพคล่อง แต่แทนที่เราจะมีอะไรติดมือไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันกับธนาคาร เราเดินเข้าไปมือเปล่าเช่นนี้ ซึ่งธนาคารก็ต้องถือว่าเรามีความเสี่ยงอยู่แล้ว โอกาสที่สินเชื่อจะผ่านการอนุมัติก็น้อยเต็มที ดังนั้น หลักทรัพย์ค้ำประกันต้องมีไปยื่นเสนอต่อเจ้าหน้าที่ธนาคาร การขอสินเชื่อก็มักจะผ่านการอนุมัติได้โดยง่ายหาก
กรณีที่สอง
หากคุณต้องการขอสินเชื่อส่วนบุคคล และสงสัยว่าจะติดเครดิตบูโรหรือไม่ ก็สามารถไปเช็คเครดิตบูโรให้เรียบร้อยก่อนแล้วจัดการแก้ไขให้เรียบร้อยหากตรวจพบว่ายังมีติดเครดิตบูโร เมื่อเคลียร์เรียบร้อยแล้วก็มั่นใจได้เปลาะหนึ่งว่าเวลาไปขอสินเชื่อโอกาสที่จะผ่านก็เป็นไปได้สูงมากเลยทีเดียว
เมื่อรู้ดังนี้แล้ว ก่อนที่เราจะไปขอสินเชื่อจากธนาคารใดนั้น เราต้องศึกษาให้ดีก่อนว่าธนาคารแต่ละแห่งวางเงื่อนไขไว้อย่างไรบ้าง ถ้าเราเคลียร์ข้อบกพร่องทั้งหมดก่อนได้ก็จะทำให้การไปขอสินเชื่อนั้นผ่านสะดวก รวมถึงการศึกษาว่าธนาคารแต่ละแห่งตรวจสอบเหตุผลในการปล่อยสินเชื่อให้กับเราอย่างไรด้วย
2.เตรียมเอกสารสำคัญให้ครบถ้วน
ในการขอสินเชื่อนั้น สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือเอกสาร ซึ่งเอกสารที่จะต้องเตรียมจะมีอะไรบ้างนั้น ขึ้นอยู่กับประเภทของสินเชื่อ เราสามารถโทรไปสอบถามจากเจ้าหน้าที่ของธนาคารก่อนได้ เพื่อที่เมื่อไปถึงธนาคารแล้ว เอกสารจะได้ไม่ขาดตกบกพร่องเป็นเหตุให้ต้องกลับไปบ้านเพื่อนำมายื่นอีกครั้ง ทำให้เสียเวลาและยืดการอนุมัติออกไป
3.ตรวจสอบ Bank Statement
สำหรับคนที่เคยไปขอสินเชื่อมาบ้างแล้ว คงทราบดีว่าสิ่งหนึ่งที่ธนาคารต้องขอคือ Statement ย้อนหลัง ส่วนใหญ่ 6 เดือน ดังนั้น เราต้องเดินบัญชีไว้ตลอดเวลาไม่ปล่อยไว้นาน เพราะสิ่งนี้เป็นเอกสารประกอบที่ธนาคารนำมาเป็นหลักในการพิจารณา และพยายามอย่าให้เงินหมดบัญชี ควรมีติดบัญชีไว้บ้าง ยิ่งมียอดเงินคงเหลือมากเท่าไรก็ยิ่งเป็นผลดีต่อการอนุมัติขอสินเชื่อเท่านั้น ผู้ประกอบการรายเล็ก ๆ ควรให้ความสำคัญกับการเดินบัญชีเงินฝากธนาคาร
4.ความสามารถทางการเงิน
ธนาคารจะดูความสามารถในการหาเงิน หมายถึงความสามารถที่เราจะสร้างรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะสร้างความเชื่อถือให้กับธนาคารว่าเราสามารถผ่อนชำระเงินกู้ได้ทุกงวด ดังนั้น ก่อนที่เราจะเข้าไปขอสินเชื่อกับทางธนาคาร ควรตรวจสอบความสามารถทางการเงินของเราให้ดีเสียก่อน ด้วยการสร้างกระแสเงินสดเข้าสู่กิจการอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ผ่านการอนุมัติสินเชื่อได้ง่ายขึ้น
5.ตรวจสอบเครดิตของเราก่อนไปขอสินเชื่อ
วิธีการตรวจสอบเครดิตของเราสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการยื่นขอตรวจสอบเครดิตบูโรกับธนาคาร จะเป็นธนาคารที่เราไปขอสินเชื่อก็ได้ การตรวจสอบเครดิตเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทุกธนาคารต้องใช้ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ คนที่มีติดเครดิตบูโร ควรเคลียร์ให้เรียบร้อยก่อนที่จะไปขอสินเชื่อ จะเป็นผลดีกว่า
6.การหาผู้ค้ำประกันหรือหลักทรัพย์ค้ำประกัน
ในการอนุมัติสินเชื่อนั้น ธนาคารจำเป็นต้องขอหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือบุคคลค้ำประกันที่มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งผู้ขอสินเชื่อต้องหาหลักทรัพย์ที่เหมาะสมกับวงเงินที่จะขอสินเชื่อ หากหลักทรัพย์นั้นยังไม่เพียงพอก็ต้องหามาเพิ่มเติม รวมถึงบุคคลค้ำประกันหรือผู้กู้ร่วมต้องมีความน่าเชื่อถือ จะช่วยให้ธนาคารดำเนินการอนุมัติผ่านให้ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
โดยปกติแล้วคนที่ตั้งใจจะไปขอสินเชื่อกับธนาคารก็มักจะมีความคาดหวังว่าวงเงินที่ขอไปของตนจะได้รับการอนุมัติ ซึ่งก็หมายความว่าได้ผ่านกระบวนการพิจารณาของธนาคารเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทำให้คุณโล่งใจไปเปลาะหนึ่งที่จะมีเงินก้อนหนึ่งมาลงทุนหรือทำธุรกิจและอื่น ๆ ได้อย่างราบรื่น แต่หลังจากได้รับการอนุมัติสินเชื่อเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องอย่าลืมว่าคุณมีภาระผูกพันกับธนาคารทันทีที่จะต้องผ่อนชำระหนี้สินตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด หากไม่เป็นไปตามที่ตกลงก็อาจจะทำให้มีการเสียค่าปรับและคิดดอกเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้น
ดังนั้น เพื่อให้การผ่อนชำระสินเชื่อเป็นไปอย่างมีระบบมีเงินมาส่งธนาคารไม่ขาดมือ คุณจึงควรบริหารเงินที่ได้มาให้งอกเงยมีผลกำไรขึ้น มิใช่ขอสินเชื่อมาแล้วทำให้กระแสเงินสดหยุดชะงัก เพราะนำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งหากใครจัดการธุรกิจและบริหารเงินได้อย่างลงตัว ก็เชื่อว่าการขอสินเชื่อในครั้งนี้จะทำให้การเงินไหลเข้ามาจนกระทั่งสามารถชำระหนี้ในส่วนนี้ได้ไม่มีหนี้สินอีกต่อไป ซึ่งส่งผลให้ชีวิตมีความสุข