ถ้าให้เปรียบเทียบระหว่างการเก็บเงินกับการใช้เงินแล้ว การเก็บเงินนั้นยากยิ่งกว่าครับ เพราะว่าทุกบาททุกสตางค์สำหรับใครหลายคนนั้นอาจจะจำเป็นและมีค่ามากๆ ซึ่งหลายท่านต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ลำพังกว่าจะหามาได้ ยังจะไม่พอใช้จ่ายอยู่แล้ว อย่าให้พูดถึงเรื่องเก็บออมเลยครับ แต่ถ้าใครจะทำการออมเงินให้มันเป็นเรื่องง่ายได้ก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกันครับ และผมก็มีตัวอย่าง วิธีเก็บเงินง่ายๆ ที่จะหยิบยกมาฝากท่านผู้อ่านได้ศึกษากันครับ
1. เก็บเงินวันละยี่สิบบาท
ใช่ครับวันละยี่สิบบาทนี่ล่ะครับ ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป โดยหักจากค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันไว้ ลองคิดดูนะครับ วันละ 20 บาท / 1 เดือน จะเท่ากับ 600 บาท พอครบ 1 ปี จะได้เงินเก็บ 7,200 บาท ถึงจะเป็นจำนวนที่ไม่มาก แต่ถ้าเราไม่เก็บซักบาทเลย แน่นอนครับ เราก็ไม่มีเงินออมได้
2. เก็บเหรียญห้าบาทและสิบบาท
เงินเหรียญที่เวลาเราไปซื้อของต่างๆ แม่ค้าก็จะทอนมาห้าบาท สิบบาท ก็ว่ากันไป ส่วนนี้แหละครับให้เราเก็บไว้ เอาไปหยอดใส่กระปุกวันละเล็กวันละน้อย พอถึงสิ้นเดือนคุณอาจจะไม่เชื่อกับผลลัพท์ที่ได้ โดยเฉลี่ยแล้วจะได้ประมาณ 300-500 บาท ถ้าขยันๆเก็บจริงๆนะครับ
3. เก็บแบงค์ห้าสิบบาท
ทำไมต้องเป็นแบงค์ห้าสิบบาทด้วยใช่ไหมล่ะครับ หลายท่านสงสัย นั่นก็เพราะว่าเวลาเราไปซื้อของหรือจ่ายค่าอะไรต่างๆนานาแล้ว เราจะไม่ค่อยได้รับเงินทอนที่เป็นแบงค์ห้าสิบเลยน่ะสิครับ ส่วนมากก็จะได้แค่แบงค์ยี่สิบบาทกับแบงค์ร้อยแล้วก็เหรียญต่างๆ ถ้าได้แบงค์ห้าสิบนี่คือนานๆที ดังนั้นเราก็ควรเก็บไว้ครับ อย่างผมบางเดือนเก็บได้ถึงสิบยี่สิบใบก็มีครับได้ออมในจำนวนที่ไม่น้อยเลย
4. เก็บเงินให้ได้หนึ่งร้อยบาทต่อสัปดาห์
เราอาจจะใช้วิธีกันเงินออมไว้เลยครับสัปดาห์ละหนึ่งร้อยหรือสองร้อยบาท ที่เหลือก็จะเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ครบเดือนเราก็จะมีเงินเก็บ 400-800 บาท แล้วนำไปฝากธนาคารไว้ก็ได้ครับ
5. ออมเงินด้วยสลากออมสิน
จะเป็นทั้งวิธีการออมและการต่อยอดเงินที่มีไปในตัวด้วยครับ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่มีเงินเก็บบ้างแล้ว อาจจะประมาณ 3,000 – 5,000 บาท เราอาจจะนำเงินจำนวนนี้ไปซื้อสลากออมสินไว้ แล้วมันดีอย่างไร ? จะดีในแง่ที่ว่าเราได้ลุ้นรางวัลไปในตัวด้วยครับ คล้ายๆกับการไปซื้อแลตเตอร์รี่แต่สลากออมสินนั้นจะมีระยะเวลาในการฝากเมื่อครบกำหนดแล้วเราสามารถถอนเงินต้นที่เราซื้อไปนั้นคืนมาได้ ซึ่งจะแตกต่างจากลอตเตอร์รี่ที่ซื้อไปแล้วก็หมดจบตรงนั้นเลย สลากออมสินยิ่งถ้าเราโชคดีถูกรางวัลด้วย เราก็จะได้รับทั้งเงินต้นและเงินรางวัลที่จะเพิ่มเติมมาหลังจากครบระยะเวลาที่กำหนดครับ นับว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนที่อยากออมเงินด้วยและเสี่ยงโชคไปด้วยนั่นเองครับ
6. ส่วนลดและค่าธรรมเนียมต่างๆ
ทั้งจากการที่เราไปซื้อของแล้วได้ส่วนลดมา 5 % 15 % 20 % 50 % หรือฟรีค่าธรรมเนียมในการจ่ายบิลต่างๆ ให้เราคืนส่วนลดพิเศษนั้นคืนเข้าบัญชีเงินออมของเราครับ เพราะส่วนลดต้องนี้เราได้มาฟรีๆ อย่างเช่น เราไปซื้อเสื้อผ้าจากป้ายราคา 590 บาท ลด 50 % เหลือ 295 บาท เราจ่ายไป 295 บาท และเราก็ต้องหักอีก 295 บาทไว้ในบัญชีด้วยครับ นอกจากจะเป็นการเพื่อฝึกนิสัยในการออมเงินแล้วยังจะทำให้เราจะตระหนักและรู้จักที่จะประเมินค่าใช้จ่ายของฟุ่มเฟือยไม่จำเป็นได้อีกด้วยครับ
7. เก็บเงินที่ได้จากการทำงานพิเศษ
เช่นบางคนที่ยังอยู่ในวัยเรียนช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ อาจจะออกไปทำงานพิเศษตามร้านพิซซ่า ร้านไอศกรีม หรือร้านเคเอฟซี ร้านหนังสือต่างๆ ได้ค่าแรงชั่วโมงละ 35-40 บาท หรือคนทำงานที่มีอาชีพเสริมเป็นฟรีแลนซ์ ทำงานอิสระ ได้ค่าจ้างงานตามโปรเจค เมื่อได้เงินจากการทำงานพิเศษเหล่านี้ไม่ว่าจะมากจะน้อยเท่าไหร่ก็ตาม ให้คุณเปิดบัญชีหนึ่งเก็บไว้เฉพาะเลยครับ ฝากเข้าเรื่อยๆโดยไม่ต้องไปเบิกถอน ทำเช่นนี้นอกจากจะเป็นการเพิ่มรายได้แล้วยังเป็นการเก็บเงินที่ได้ผลลัพธ์แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยและยังได้เงินก้อนเร็วขึ้นครับ
การออมนั้น จะเป็นไปไม่ได้เลยครับ ถ้าเราไม่มีจิตใจที่ตั้งมั่น แน่วแน่ ขาดวินัยและไม่มีความสม่ำเสมอ เอาชนะความอยากหรือกิเลสไม่ได้ ซื้อของตามใจที่อยากได้อยู่แบบนี้ เงินออมก็จะไม่เกิดครับ
อย่าโทษแต่เด็กๆที่ซื้อของไม่จำเป็นเลยครับ บางทีผู้ใหญ่แบบเราๆนี่แหละครับเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี บางทีก็ทำอะไรตามใจ หาเงินเองได้แล้ว ก็ใช้เงินสนองความต้องการไปเสียหมด เมื่อเราขาดการออมก็ไม่มีเงินสำรองไว้ใช้จ่ายในอนาคต ครั้นจะหาใครให้หยิบยืมสักหน่อยยามที่เราจำเป็นก็ยากครับ เพราะต่างคนต่างก็มีเรื่องจำเป็นที่ต้องใช้เงินเหมือนๆกัน ทางที่ดีเราควรคิดวางแผนทางการเงินให้รอบคอบ ใช้อย่างประหยัดมัธยัสถ์ เพื่อความสุขในอนาคตข้างหน้าครับ