การปลูกฝังและบ่มเพาะให้คน ๆ หนึ่งเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตได้นั้นจะต้องทำกันมาตั้งแต่ยังเล็ก ๆ ต้องเริ่มต้นที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ที่ต้องช่วยกันอบรมสั่งสอนเลี้ยงดูให้ลูกมีคุณธรรมในด้านต่าง ๆ พ่อแม่ต้องปฏิบัติตามนั้นและพร้อมเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกด้วย
สำหรับเด็กเล็ก ๆ แล้วการสอนในเรื่องต่าง ๆ ผ่านเรื่องเล่าโดยเฉพาะถ้ามีภาพเป็นการ์ตูนสีสันสวยงามจะยิ่งทำให้เด็ก ๆ ชอบที่จะฟัง โดยถือเป็นการดึงดูดความสนใจของเด็กให้พร้อมที่จะรับในสิ่งที่พ่อแม่ต้องการสอนผ่านสื่อที่ให้ความสนุกสนาน โดยที่สื่อนั้นแทรกคติสอนใจเข้าไปด้วย ลูกจะได้รับทั้งความสนุกและได้เรื่องราวที่เป็นประโยชน์ค่อย ๆ ซึมซับเข้าไปในสมองน้อย ๆ ของเขา
นิทานเป็นรูปแบบหนึ่งที่ผู้ใหญ่มักใช้ในการเล่าเรื่องให้กับเด็ก ๆ ฟังโดยนิทานส่วนใหญ่จะมีการสอดแทรกข้อคิดดี ๆ เข้าไปในเนื้อเรื่องด้วย อย่างนิทานที่เด็กชอบฟังกันเพราะเป็นเรื่องที่มีสัตว์เป็นตัวละคร ก็คือ นิทานอีสป การใช้สัตว์เป็นตัวละครทำให้เด็ก ๆ ชอบเพราะเข้าใจง่ายและเป็นเรื่องใกล้ตัว นิทานอีสปเนื้อเรื่องจะไม่ยาวหรือซับซ้อนจนเกินไป ตอนจบที่เป็นบทสรุปของเรื่องก็จะมีคำว่า นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เด็กที่อ่านหรือฟังนิทานอีสปบ่อย ๆ ก็จะจำกันได้
เรามาลองดูตัวอย่างของนิทานอีสปที่มีข้อคิดสอนใจเด็ก ๆ ที่พ่อแม่หรือคุณครูจะใช้เพื่อสอนให้เด็ก ๆ นำไปปฏิบัติเพื่อให้สามารถประสบความสำเร็จในอนาคตได้กันค่ะ
กระต่ายกับเต่า
นึกถึงนิทานอีสปขึ้นมาเมื่อไหร่ก็จะต้องนึกถึงเรื่องกระต่ายกับเต่าเป็นอันดับแรกทุกที คิดว่าทุกคนน่าจะเคยได้ยินได้ฟังกันมา แม้แต่เด็กรุ่นใหม่ก็ไม่ควรพลาดกับนิทานที่ให้คติสอนใจดี ๆ แบบกระต่ายกับเต่านี้ หากเราเปรียบเส้นชัยของการวิ่งแข่งกับการประสบความสำเร็จนั้น คนที่เก่งกว่า วิ่งได้เร็วกว่า แบบกระต่าย ก็ไม่จำเป็นเสมอไปที่จะต้องเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จวิ่งถึงเส้นชัยก่อน คนที่ช้ากว่า เดินต้วมเตี้ยมกว่า แบบเต่า ก็มีโอกาสประสบความสำเร็จถึงเส้นชัยก่อนได้เช่นกัน สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จได้ ก็คือ ความเพียรพยายาม ไม่ย่อท้อ นอกจากนั้นแม้เราจะเป็นคนเก่ง แต่เราก็ต้องไม่ประมาท ไม่ควรคิดว่าเราเก่งอยู่แล้ว อย่างไรก็ประสบความสำเร็จได้แน่นอน ทำให้เราไม่มีความพยายาม เหมือนอย่างกระต่ายที่คิดว่าอย่างไรตัวเองก็ต้องถึงเส้นชัยก่อนอย่างแน่นอน จึงเลือกที่จะนอนหลับพักผ่อนที่ใต้ต้นไม้ แต่เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าเต่าซึ่งแม้เดินช้าแต่เดินต่อเนื่องไม่ได้หยุด กลับเป็นฝ่ายเข้าเส้นชัยไปก่อนได้สำเร็จ
แมวกับหนู
หลายคนคงเคยได้ยินนิทานอีสปเรื่องแมวกับหนูเช่นกันที่เรื่องมีอยู่ว่าพวกหนูได้มีการประชุมกันว่าจะมีวิธีทำอย่างไรถึงจะทำให้พวกมันรู้ความเคลื่อนไหวของแมวซึ่งถือเป็นศัตรูตัวฉกาจของพวกมันได้ เพื่อที่เมื่อแมวเข้ามาใกล้จะได้รู้ตัวและหนีได้ทันไม่ถูกแมวจับไป มีหนูตัวหนึ่งเสนอไอเดียสุดเจ๋งขึ้นมาว่าให้นำลูกกระพรวนไปคล้องที่คอแมว เมื่อแมวเดินไปที่ใดก็ตามเสียงกระพรวนก็จะสั่นบอกให้รู้ว่าแมวมาใกล้แล้ว พวกหนูดีใจกันมากและกล่าวชมว่าเป็นความคิดที่ดีมาก เชื่อว่าคราวนี้เราจะไม่ต้องกลัวแมวอีกต่อไป แต่เมื่อถึงคราวที่จะต้องหาหนูตัวที่จะต้องไปใส่กระพรวน ก็กลับไม่มีใครกล้าที่จะรับอาสาเป็นคนไปใส่เลย เท่ากับสุดท้ายแล้วไอเดียสุดเจ๋งนี้ก็ไม่ได้ใช้อยู่ดี และพวกหนูก็ต้องคอยหนีแมวกันต่อไป
ข้อคิดที่ได้จากนิทานเรื่องแมวกับหนูนี้ก็จะมีสองมุมมอง มุมแรกเป็นเรื่องของไอเดียที่ดีเลิศแต่หากไม่ได้นำไปใช้ก็ถือว่าไร้ประโยชน์ เปรียบได้กับชีวิตของคนเราที่แม้เราจะมีความคิดที่ดีเลิศต่าง ๆ มากมาย แต่หากมันเป็นเพียงแค่ความคิดที่ไม่ได้มีการลงมือทำแล้วล่ะก็ ก็ถือว่าไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี ส่วนอีกมุมมองหนึ่งก็คือในเรื่องของการวางแผนในชีวิตของเรา เราต้องเลือกวางแผนที่เราสามารถปฏิบัติได้ด้วย คือต้องเป็นเป้าหมายที่ไม่ยากหรือไม่ง่ายจนเกินไป ในกรณีนี้ก็คือเป็นเป้าหมายที่ยากมากที่จะทำได้ในการที่จะนำกระพรวนไปคล้องคอแมว โอกาสในการที่จะทำได้สำเร็จก็จะยากขึ้นด้วยเช่นกัน
เด็กเลี้ยงแกะ
เด็กเลี้ยงแกะก็เป็นนิทานอีสปอีกเรื่องหนึ่งที่พ่อแม่นิยมนำมาเล่าให้เด็ก ๆ ฟัง เพราะการโกหกหรือพูดไม่จริงหากเริ่มทำตั้งแต่เด็ก ๆ ก็จะติดเป็นนิสัยที่ไม่ดีต่อไปในอนาคตได้ จึงต้องสอนกันตั้งแต่ยังเล็ก ๆ ถึงจะได้ผลดีที่สุด สำหรับเรื่องเด็กเลี้ยงแกะนั้น เนื้อเรื่องก็คือมีเด็กเลี้ยงแกะที่วิ่งร้องโกหกชาวบ้านว่ามีหมาป่าจะมากินแกะ ชาวบ้านต่างก็คว้าเครื่องไม้เครื่องมือเพื่อเตรียมไปช่วยกันไล่หมาป่า แต่เมื่อมาถึงกลับพบว่าเป็นเรื่องโกหก ต่อมาเมื่อมีหมาป่ามากินแกะจริง ๆ เด็กเลี้ยงแกะร้องเรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีใครมาช่วย เพราะทุกคนคิดว่าเป็นเรื่องที่เด็กเลี้ยงแกะโกหกอีกนั่นเอง
ข้อคิดที่ได้จากเรื่องเด็กเลี้ยงแกะก็คือเรื่องของคำพูดที่ออกจากปากของเราไปจะต้องเชื่อถือได้ต้องเป็นเรื่องจริง คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตได้นั้น คุณสมบัติประการหนึ่งก็คือการเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจ คนอื่นสามารถไว้ใจในคำพูดของเราได้ ยิ่งหากเราต้องการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ด้วยแล้ว คำพูดและความไว้ใจถือว่าสำคัญที่สุด หากเราเสียชื่อเสียงในเรื่องนี้แล้วก็ยากที่จะกู้ให้กลับคืนมาได้ เรื่องคำพูดจึงเป็นเรื่องที่ควรระวังมากที่สุด หากอยากประสบความสำเร็จต้องท่องไว้ว่า จะต้องคิดทุกคำที่พูด แต่อย่าพูดทุกคำที่คิดและต้องพูดแต่ความจริงเท่านั้น