หลังจากที่ E-Commerce ยักษ์ใหญ่ในจีนอย่าง Alibaba ได้ประกาศแล้วว่าจะควบกิจการกับ Lazada ด้วยเงินลงทุนถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งแน่นอนว่าใครหลายๆคนอาจจะรู้สึกสงสัยว่าเพราะอะไร ที่ E-Commerce ยักษ์ใหญ่ในจีนอย่าง Alibaba ถึงต้องเลือกควบกิจการกับ Lazada ด้วย ความยิ่งใหญ่ของ Alibaba ก็น่าจะยิ่งใหญ่มากพอที่ไม่จำเป็นต้องพึ่ง E-Commerce อื่นๆ แต่ในต้อนนี้ Jack Ma กลับตัดสินใจเลือกซื้อ Lazada แล้วนะ
Lazada ก่อตั้งในปี 2012 โดย Rocket Internet จากประเทศเยอรมนี ซึ่ง Lazada ก็มีแนวคิดเดียวกับ Amazon และ Alibaba แต่ว่า Lazada ได้เลือกที่จะเจาะกลุ่มตลาดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นแถบที่ Amazon และ Alibaba เลือกที่จะมองข้ามไป Lazada เติบโตได้ดีที่สุดในสิงคโปร์ ส่วนในประเทศอื่นๆนั้นก็ยัยเติบโตได้ไม่ดีเท่าที่ควรเพราะด้วยปัจจัยอะไรหลายๆอย่าง
เราจะเห็นได้ว่า Lazada ได้ทำตลาดในจุดที่ Amazon และ Alibaba เลือกที่จะมองข้ามไป แต่ว่าในตอนนี้ Jack Ma เจ้าของ Alibaba ได้เล็งเห็นความสำคัญในจุดนี้แล้ว เรามาดูกันเลยดีกว่าว่าเพราะอะไร Alibaba ต้องซื้อกิจการ Lazada นะ
- เพราะถึงเวลาแล้วที่ต้องหาตลาดอื่นนอกจากจีน
ความสำเร็จของ Alibaba นั้นส่วนใหญ่จะอยู่ภายในประเทศจีน ซึ่ง Alibaba นั้นก็ได้มีลูกค้าจากเว็บ Taobao และ Tmall มากกว่าปีละ 407 ล้านคน โดยนับได้ว่าเป็นสองเท่าของคู่แข่งอย่าง JD และ Amazon ในจีน ซึ่ง Jack Ma ก็ยังวางแผนและประกาศกลยุทธ์ที่จะขยายพื้นที่ของ Alibaba ไปยังพื้นที่ต่างๆในประเทศจีนโดยเฉพาะพื้นที่ตามแถบชนบทที่ยังไม่เคยใช้บริการ E-commerce พร้อมทั้งเพิ่มศักยภาพในการขนส่งสิ่งของเพื่อที่จะเข้าถึงพื้นที่ต่างๆในประเทศจีนได้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าเป็นการเข้าถึงทุกพื้นที่และเพื่อให้ Alibaba เป็นที่รู้จักของคนทั่งประเทศเลยก็ว่าได้
ซึ่งในปี 2003 Jack Ma เปิดตัว Taobao แล้วก็สามารถเอาชนะ E-Bay ในจีนได้ และการเทคโอเวอร์ Lazada ครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็นการลงทุนข้ามชาติที่น่าติดตามอย่างมากเลยล่ะ
- เพราะชนชั้นกลางใน Southeast Asia ได้มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว
ฐานลูกค้าของ Alibaba นั้นส่วนใหญ่ก็คือชนชั้นกลาง จึงทำให้ Lazada ได้พุ่งเป้าไปที่ชนชั้นกลางด้วย และใน Southeast Asia ชนชั้นกลางก็เป็นกลุ่มคนที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งในตอนนี้ Southeast Asia มีประชากรประมาณ 618 ล้านคน และมีกลุ่มชนชั้นกลางเพียง 190 ล้านคน โดยนับจากผู้ที่มีรายได้ 500 – 3,000 บาทต่อวันหรือประมาณ 15,000 – 90,000 ต่อเดือน แน่นอนว่าในตอนนี้กลุ่มชนชั้นกลางจะยังดูค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับประชากรทั้งหมด แต่ในอนาคตกลุ่มชนชั้นกลางจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงถึง 400 ล้านคนเลยทีเดียว นับได้ว่าการลงทุน Lazada ในตอนนี้ เป็นการลงทุนในระยะยาว
- เพราะ Lazada มีการเติบโตที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
ธุรกิจที่ดีคือธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างเรื่อยๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นธุรกิจยักษ์ใหญ่หรือเป็นที่รู้จักของคนอื่นๆเสมอไป
Lazada เป็น E-Commerce ที่ไม่ได้เป็นเว็บชั้นนำของประเทศใดเลยก็ตาม อีกทั้งยังมีความสำเร็จที่แลดูน้อยนิดเมื่อเทียบกับ Alibaba แต่สิ่งหนึ่งที่ Jack Ma ได้มองเห็นใน Lazada ก็คือความก้าวหน้าที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่ง Lazada สามารถทำยอดขายได้เพียง 433 เหรียญสหรัฐในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2015 แต่เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว กลับพบว่ารายได้ของ Lazada เพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่าเลยทีเดียว และจำนวนลูกค้าในปี 2015 ก็มีถึง 5.7 ล้านคน ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2014 ที่มีเพียง 1.4 ล้านคนแล้ว เรียกได้ว่า Lazada มีการเติบโตอย่างรวดเร็วเลยทีเดียว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ Jack Ma จะสนใจใน Lazada
Lazada ได้เริ่มต้นธุรกิจตามแบบ Amazon นั่นก็คือขายของในโกดังของตัวเองก่อนแล้วค่อยเปิดให้มีร้านค้าและแบรนด์อื่นๆเข้ามาวางขาย จนในตอนนี้ Amazon มีร้านค้ารวมทั้งหมด 27,000 ร้านค้าจาก 6 ประเทศ
- เพราะ Lazada ได้วางระบบต่างๆเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
ความยากของการทำตลาดในต่างประเทศ ก็คือการศึกษาอะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับประเทศนั้นๆไม่ว่าจะเป็นจำนวนประชากร วัฒนธรรมต่างๆ ภาษา กฎหมาย ระบบภาษี วิธีการชำระเงิน การลดราคาและอื่นๆอีกมากมายรวมไปถึงสถานที่จัดส่งโดยในส่วนของวิธีการจัดส่งก็ยังมีแยกย่อยลงไปอีกว่าจะส่งทางรถไฟ รถยนต์หรืออื่นๆ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยล่ะ ยิ่งประเทศไหนที่ระบบขนส่งไม่สามารถรองรับความเติบโตของ Lazada ได้ ทาง Lazada ก็ต้องตั้งบริษัทขนส่งเป็นของตัวเองขึ้นมา และการที่ Jack Ma ตัดสินใจซื้อ Lazada ที่ได้วางระบบต่างๆใน 6 ประเทศเสร็จแล้ว เรียกได้ว่าช่วยย่นระยะเวลา ลดต้นทุนและลดความเหนื่อยอย่างมากเลยล่ะในการสร้างระบบในประเทศนั้นๆ
5.เพราะการซื้อมา มันง่ายกว่าทำเอง
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยล่ะที่จะวางระบบต่างๆใน 6 ประเทศอย่างที่ Lazada ได้ทำเอาไว้ และที่สำคัญ มันจะเป็นอะไรที่ยากอย่างมากที่ Alibaba จะวางระบบ 6 ประเทศนี้ด้วยตัวเอง ฉะนั้นแล้วการที่ Alibaba ซื้อ Lazada จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าที่จะไปแข่งขันนะ
- เพราะจะช่วยให้ผู้ค้าชาวจีนได้เปิดโอกาสกับตลาดใหม่ๆ
นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะนำสินค้าที่เรามี ส่งออกขายไปยังต่างประเทศ ซึ่งการที่ Alibaba ซื้อกิจการ Lazada ก็จะช่วยให้ผู้ค้าและลูกค้าหน้าใหม่ ได้มีโอกามาเจอกันมากขึ้น มีตัวเลือกเพิ่มมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงได้เลือกซื้อสิ่งของใหม่ๆมากยิ่งขึ้น เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างดีเลยล่ะ และเมื่อไหร่ก็ตามที่ผู้ค้าจาก Taobao และ Tmall เริ่มชะลอตัวลงและ พวกเขาก็ยินดีที่จะค้าขายกับ Lazada แน่นอน ช่วยสร้างรายได้ได้อย่างมากเลย