บัตรกดเงินสด หรือที่เรียกให้ถูกคือสินเชื่อเงินสด จริง ๆ แล้วควรจะเรียกว่าบัตรประจำตัวผู้กู้ไปเลย คนที่คิดจะมีบัตรจะได้มีความยำเกรงกันก่อนกด เพราะคำว่าบัตรกดเงินสดช่างฟังดูเป็นมิตรน่าคบหาไว้ถ้ามีอยู่ใกล้ตัวแลดูอุ่นใจไม่น้อย เมื่อมีบัตรแล้วก็กดกันเพลินหนี้งอกรวดเร็ว ฤาเห็นทีจะต้องทำการเปลี่ยนชื่อกันเป็นเรื่องเป็นราว เรียกไปเลยว่าบัตรหนี้ ประชาชนคนกดจะได้รู้ว่ากดแล้วเป็นหนี้
หนี้ที่เกิดจากการกดบัตรเงินสดมีอัตราการเติบโตขึ้นรวดเร็วนับจากปี 49 เป็นต้นมา เป็นภาระหนี้หนี้หลักที่ก่อให้เกิดภาวะภาระหนี้ในครัวเรือนซึ่งมีอัตราสูงขึ้นเกินกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ โดยในเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์นี้เป็นหนี้นอกระบบถึงเกือบครึ่งเลยทีเดียว (49.1% เมื่อ ก.ค. 57) ยังดีที่หนี้จากบัตรกดเงินสดนั้นอยู่ในระบบ รัฐบาลควบคุมดูแลให้เป็นไปตามกฎหมายทั้งในเรื่องอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไข อัตราดอกเบี้ยนั้นรัฐสามารถคุมได้อ้อม ๆ แต่หากความต้องการกดบัตรเงินสดของประชาชนมีมาก รัฐก็ไม่สามารถควบคุมได้เบ็ดเสร็จ เพราะไม่อาจฝืนกระแส Demand & Supply ได้ ส่วนเงื่อนไขในการอนุมัติ รัฐควบคุมได้เพียงแค่ขอความร่วมมือ ถ้าได้ยินตามข่าวเราจะเห็นภาพลวงตาว่าบรรดาธนาคารที่เป็นเจ้าของบัตรเงินสดให้ความร่วมมือดี แต่หลาย ๆ ทีก็ทำในลักษณะตรงข้าม ทั้งนี้ก็เพราะประชาชนคนจะกดมีมากขึ้นมาก ๆ นั่นเอง
อ่านเพิ่มเติม >> บัตรกดเงินสด สร้าง หรือ ลด การเป็นหนี้ ? <<
บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อเงินสดนั้นมีทั้งบัตรที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์และผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินนั่นเอง (bank หรือ non-bank) โดยจะทำการพิจารณาออกบัตรให้โดยกำหนดวงเงินสูงสุดไว้ให้ หลังจากนั้นสามารถกดเงินสดจากตู้บริการ (โดยมากใช้ตู้ ATM) ได้ตลอดเวลา จนกว่าจะกดเกินถึงวงเงินสูงสุด
ถ้าจะว่าไปแล้ว การมีบัตรกดเงินสดเหมือนเป็นดาบสองคม เพราะเมื่อก่อนการจะได้เงินกู้สักก้อนจากธนาคารนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อประชาชนมีความจำเป็นก็ต้องพึ่งพิงเงินนอกระบบ รัฐบาลสมัยก่อนคงจะหวังใช้บัตรกดเงินสดเป็นเครื่องมือในการเอาหนี้เข้ามาอยู่ในระบบ แต่ในความเป็นจริงกลับตรงกันข้าม และที่สำคัญเลวร้ายกว่าเดิม เพราะปัญหาหนี้นอกระบบไม่ได้ลดความรุนแรงลงเลย แต่บัตรสินเชื่อเงินสดกลับเป็นตัวขยายฐานลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่มพนักงานเงินเดือนผู้ซึ่งสามารถเข้าถึงระบบหนี้ชนิดนี้ได้ง่ายเพราะกำหนดเงื่อนไขขั้นต่ำเงินเดือนแค่ 8,000 บาทก็สามารถอนุมัติทันใจได้แล้ว หลายคนอาจแปลกใจ ในเมื่อรัฐต้องการควบคุม แต่ทำไมถึงปล่อยให้แข่งขันอย่างเสรี เช่น ปัจจุบันนี้ โฆษณาที่เห็น (ที่เกี่ยวกับการเงิน) แทบจะเป็นการเสนอบริการบัตรกดเงินสดอย่างเดียว นาน ๆ จะเห็นเสนอบริการเงินออมบ้างซึ่งก็ไม่บ่อย ถ้าจะโฆษณากันขนาดนี้ อนุญาตให้เสนอขายยาบ้าผ่านโฆษณาเลยก็ไม่แตกต่างกัน
คนเป็นหนี้นั้นเป็นทุกข์ โดยเฉพาะเป็นหนี้โดยยังไม่รู้ว่าจะหาเงินจากไหนมาใช้หนี้ ถ้าอยากจะ ปลดหนี้บัตรกดเงินสด ก่อนอื่นเลยต้องตั้งสติให้มั่น อย่าหนี ต้องสู้และกล้า “เผชิญหน้า” ที่บอกว่ากล้าเผชิญหน้า คือกล้ารู้ความจริงว่าหนี้มีกี่ก้อน ก้อนละเท่าไหร่ อะไรบัตรไหนบ้าง เงื่อนไขชำระเงินเป็นอย่างไร สำหรับคนที่กำลังจะจัดการเรื่องหนี้แล้ว การเผชิญหน้ากับความจริง (หนี้) เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกสุด เหมือนถามคนอ้วนว่ากลัวเป็นเบาหวานหรือไม่ ใจบอกกลัว แต่ไม่กล้าไปเจาะเลือดตรวจเพราะกลัวจะรู้ความจริง เรื่องหนี้ก็ทำนองเดียวกัน จึงเป็นสิ่งที่ต้องเน้นย้ำกันเป็นอันดับแรก
เมื่อเผชิญหน้าแล้ว ก็จะเกิดการ “จัดการ” คือการจัดสรรปันส่วนรายรับรายจ่าย โดยให้แยกรายละเอียดปลีกย่อยให้มากที่สุดเท่ามากได้ เช่น รายได้ มีรายได้จากงานประจำ ปันผลจากกองทุน หรือรายได้อื่น ๆ รายจ่ายก็ให้ระบุให้ชัดเจนแยกปลีกย่อยให้ละเอียดมากพอ แล้วจับกลุ่มว่าเป็นรายจ่ายประเภทไหน นำสองก้อนใหญ่ที่ย่อยแล้วมาวางตัวเลขไว้ข้าง ๆ หนี้ เมื่อเขียนภาพรวมได้ เราจะได้ Mind Map ย่อม ๆ เรื่องหนี้ของเราทั้งหมด จากนั้นเราจะรู้วิธีการจัดการมันได้ เช่น รายจ่ายส่วนนี้อาจต้องลดลง รายรับที่เห็นมีไม่พอแน่ ๆ หนทางเดียวคือหารายได้เพิ่ม หลายคนอาจเริ่มหารายได้จากสิ่งใกล้ตัว อย่างทำคุกกี้ขายคนในออฟฟิศช่วงปีใหม่ หรือถ้ามีกระเป๋าแบรนด์เนมก็ปล่อยให้เช่าได้ ขอให้แค่ระลึกถึง Mind Map หนี้ของเราไว้และตระหนักว่าเราต้องหารายได้เสริม ค่อย ๆ มองไปรอบตัวก็อาจจะพบหนทางหาเงินที่เหมาะกับตัวเองได้
“หาความรู้เรื่องการเงิน” ต้องยอมรับก่อนว่าความรู้เรื่องการเงินมีอยู่ดาษดื่นหาได้ง่ายทั่วไป เพียงแต่คนที่เป็นหนี้ไม่สามารถเปิดใจรับความรู้ประเภทนี้ได้ เพราะความรู้สึกเหมือนต้องเก่ง ต้องรู้เลขรู้คำนวณ ไม่เก่งเลข เรียนมาน้อยอ่านไปก็ไม่เข้าใจ แต่การหาความรู้เรื่องการเงินไม่ได้เกิดจากการอ่านอย่างเดียว อาจหาเพื่อน หรือคนใกล้ตัวพูดคุยขอฟังคำแนะนำ หรือโพสต์ตั้งประเด็นถามในพันทิป มีคนที่ตั้งใจและอุทิศเวลาพร้อมช่วยเหลือ เมื่อพอมีความรู้เรื่องหนี้ของตัวเองบ้างแล้ว ให้เดินเข้าธนาคารที่เราเป็นหนี้แล้วขอคำปรึกษาอย่างจริงใจเลย ไม่แนะนำให้โทรไปคุย แต่ให้นัดเข้าไปคุย จะก้อนเล็กก้อนใหญ่ให้เข้าไปคุย แบงค์ที่ออกบัตรจะให้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด เราสามารถคุยต่อรองเพื่อขอเงื่อนไขใหม่ได้ มันไม่ง่ายเลย แต่มันก็ง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะ
อ่านเพิ่มเติม >> รู้ให้ลึกกับ บัตรกดเงินสด ใช้ให้เป็นไม่มีหนี้ <<
การเป็นหนี้ย่อมเป็นทุกข์ การเป็นทุกข์อาจทำให้จิตไม่อยู่ในสติสมบูรณ์พอจะเกิดปัญญาแก้ปัญหา ไม่ใช่สิ่งง่ายคุมสติและแก้ปัญหาหนี้ได้โดยไม่มีความทุกข์เกาะกุมจิตใจ แต่หากลองมีความตั้งใจแก้ปัญหา โดยการ “เผชิญหน้า” “จัดการ” และ “หาความรู้เรื่องการเงิน” บางครั้งเราอาจจะสู้กับมันและผ่านมันไปได้ง่ายกว่าที่คิด