ต้องบอกว่ามีมานานแล้วสำหรับธุรกิจรับรูดบัตรเครดิตเป็นเงินสดที่ร้านค้าที่มีเครื่องรูดบัตรเครดิตเพื่อใช้สำหรับลูกค้ารูดซื้อสินค้าหรือบริการ แต่ร้านค้าหัวใสนำมาใช้ต่อยอดธุรกิจด้วยการเปิดรับรูดบัตรเครดิตเพื่อแลกเป็นเงินสดโดยที่ไม่ต้องซื้อสินค้าหรือใช้บริการด้วย โดยร้านค้าจะคิดค่าธรรมเนียมเป็นเปอร์เซ็นต์ของยอดเงินที่รูด ปกติจะอยู่ที่ราว 2-5% แล้วแต่ วงเงินที่ให้รูดได้ก็จะเท่ากับวงเงินที่เหลืออยู่ในบัตรเครดิตเท่านั้น เงินสดที่ลูกค้าจะได้ไปก็จะถูกหักเปอร์เซ็นต์ค่าธรรมเนียมไว้เลย ถึงเวลาร้านค้าก็เอาสลิปไปขึ้นเงินกับธนาคารเหมือนกับที่ใช้สลิปรูดขายสินค้าหรือให้บริการไปแลกเป็นเงินสด ในขณะที่ลูกค้าก็จะได้เงินสดไปใช้ตามที่ต้องการ เมื่อถึงเวลาครบกำหนดก็ไปจ่ายคืนเงินธนาคารเอา
ดูเผิน ๆ ก็เหมือนกับว่าการที่ร้านค้าให้ลูกค้ารูดบัตรเครดิตเพื่อแลกเป็นเงินสดก็ไม่เห็นจะมีผลเสียอะไร ดูเหมือนว่าทุกฝ่ายก็ได้ผลประโยชน์อย่างที่ตัวเองต้องการ ร้านค้าก็ได้ค่าธรรมเนียม ลูกค้าก็ได้เงินสดไปใช้ก่อน ส่วนธนาคารก็จ่ายเงินสดหลังหักค่าธรรมเนียมให้ร้านค้าแล้วลูกค้าจ่ายเงินคืนเข้ามาเมื่อครบกำหนด ขั้นตอนและขบวนการทุกอย่างก็เหมือนกับการรูดซื้อสินค้าและบริการธรรมดา แล้วจะเป็นปัญหาที่ตรงไหน
หากมองให้ลึกลงไปจะเห็นว่าการที่ร้านค้าใช้เครื่องรูดบัตรมาเปิดให้บริการรับรูดบัตรเครดิตแลกเงินสดโดยคิดค่าธรรมเนียมกับลูกค้านั้น เป็นการใช้เครื่องรูดบัตรเครดิตแบบผิดวัตถุประสงค์ ไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ที่มีกับทางธนาคาร ธนาคารไม่ได้ต้องการได้ค่าธรรมเนียมจากยอดเงินที่รูดเพื่อแลกเงินสดกับลูกค้า เพราะที่จริงธนาคารก็มีบริการให้ลูกค้าบัตรเครดิตสามารถกดเงินสดฉุกเฉินได้จากตู้เอทีเอ็มอยู่แล้ว เพียงแต่ข้อกำหนดในการกดเงินสดอาจได้ไม่เต็มวงเงินเท่าที่เหลืออยู่ในบัตรเครดิต บางธนาคารก็กำหนดไว้ว่าลูกค้าบัตรเครดิตจะกดเงินสดได้วันละไม่เกิน 15,000 บาท ในขณะที่หากลูกค้าเลือกใช้บริการกับร้านค้าที่รับรูดเพื่อแลกเงินสดจะได้เงินสดตามวงเงินที่เหลืออยู่ในบัตร เรียกว่าได้เงินสดแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่า นอกจากนั้นการกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มโดยใช้บัตรเครดิต ธนาคารยังคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันแรกที่กดไม่เหมือนกับการใช้บัตรเครดิตรูดซื้อสินค้าที่จะมีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยให้กับลูกค้าด้วย แม้จะผิดวัตถุประสงค์การใช้งาน แต่ร้านค้าก็เลือกทำเพราะมีลูกค้าสนใจรับบริการตลอดเวลา
การรับรูดบัตรเครดิตเพื่อแลกเงินสดยังทำให้ยอดการรูดบัตรในแต่ละเดือนที่แสดงนั้นผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง ที่ตัวเลขจำนวนเงินควรจะเป็นรายได้จากการขายสินค้าหรือให้บริการเท่านั้น แต่หากเป็นแบบนี้ก็เท่ากับธนาคารจะไม่สามารถวิเคราะห์ร้านค้าได้ว่าร้านไหนขายดีหรือขายไม่ดี เพราะมีตัวเลขของการรับรูดบัตรปนเข้ามาด้วย
หากเจตนาของร้านค้าก็เพื่อสร้างรายได้เพิ่มจากค่าธรรมเนียมรับรูดบัตรไม่ได้มีเรื่องอื่น ๆ ก็จะถือว่าเป็นการผิดวัตถุประสงค์การใช้งานเท่านั้น มาตรการการจัดการก็จะขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละธนาคาร หากธนาคารจริงจังในเรื่องนี้ เช่น ตรวจเจอว่ายอดเงินรูดของร้านค้านี้ทำไม 2-3 เดือนที่ผ่านมา จึงสูงขึ้นจนผิดสังเกต ธนาคารก็มีสิทธิ์ที่จะอายัดบัญชีของร้านค้าไว้เพื่อตรวจสอบได้
อย่างที่อ่านเจอในกระทู้ http://pantip.com/topic/35544840 ที่เจ้าของกระทู้มาตั้งกระทู้ว่าตนเองเป็นร้านค้าขายนาฬิกาที่มีเครื่องรูดบัตรเครดิตไว้บริการลูกค้าที่ต้องการจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิต แต่ภายหลังมีลูกค้ามาขอให้ช่วยรับรูดบัตรเพื่อแลกเป็นเงินสด เมื่อลองค้นหาในกูเกิ้ลก็พบว่าไม่ผิดกฎหมายและมีร้านค้ามากมายที่ลงโฆษณารับรูดบัตรแลกเงินสดกัน จึงให้ลูกค้าแลกเงินสดไป แต่ภายหลังเจ้าของกระทู้ถูกธนาคารอายัดบัญชีไว้ จึงเดือดร้อนเพราะไม่สามารถทำธุรกิจต่อได้ ที่เรื่องนี้เกิดขึ้นก็เป็นเพราะเจ้าของกระทู้เห็นแก่ลูกค้าและค่าธรรมเนียม 5% จึงยอมให้ลูกค้ารูดเงินไปเป็นแสนบาท เมื่อธนาคารเห็นตัวเลขก็น่าจะสงสัยเพราะรายได้สูงขึ้นแบบผิดปกติ นอกจากนั้นรายการขายสินค้าจากเครื่องรูดบัตรเครดิตถือเป็นข้อมูลที่สรรพากรสามารถตรวจสอบได้ง่าย การรับรูดบัตรแลกเงินสดอาจทำให้ธุรกิจต้องบันทึกเป็นรายได้และต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นด้วย
หากจะมองให้ลึกลงไปอีก เงินสดที่ร้านค้ารับรูดบัตรเพื่อแลกให้กับลูกค้านั้นมาจากไหน เรื่องนี้อาจทำให้เป็นที่สงสัยได้เรื่องที่มาของเงินสดเหล่านั้น ยิ่งหากมีเงินให้รูดเป็นจำนวนมาก ๆ ด้วยแล้ว ก็มีโอกาสเข้าข่ายเป็นธุรกิจฟอกเงินได้เช่นกัน หากมีการสงสัยและตรวจสอบเจอว่าเป็นกรณีนี้ก็จะไม่เพียงเป็นการใช้เครื่องรูดบัตรผิดวัตถุประสงค์ แต่ถือว่าเป็นความผิดตามกฎหมายด้วยทาง ปปง. ก็จะเข้ามาเกี่ยวข้องและสามารถสั่งอายัดบัญชีของเราไว้เพื่อตรวจสอบได้เช่นกัน
เรียกว่ามีแต่ความเสี่ยงเต็มไปหมดสำหรับธุรกิจที่รับรูดบัตรเครดิตเพื่อแลกเงินสด ดังนั้น หากเราเป็นธุรกิจที่ขายสินค้าหรือบริการอยู่แล้ว ก็ควรใช้เครื่องรูดบัตรให้ถูกวัตถุประสงค์ตามข้อตกลงที่มีไว้กับธนาคารจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นก็มีโอกาสเป็นเหมือนเจ้าของกระทู้ที่อยู่ดีดีก็โดนอายัดบัญชีเข้าให้ โดยที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะรู้ที่มาที่ไปสืบสาวราวเรื่องได้ กระทบกับธุรกิจขายนาฬิกาที่ทำอยู่ เพราะเงินหมุนเวียนที่อยู่ในบัญชีไม่สามารถเบิกถอนมาใช้ได้จนกว่าเรื่องจะเรียบร้อย ก็เพราะไปรับบริการรูดบัตรเพื่อแลกเงินสดนี่เอง