บัตรเครดิตที่เราใช้กันอยู่ทั่วไปโดยมากเป็นบัตรที่เราเป็นคนยื่นเรื่องสมัครเอง โดยต้องกรอกใบสมัคร แนบหลักฐานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสำเนาบัตรประชาชน ใบสลิปเงินเดือน หรือหลักฐานอื่น ๆ ตามที่ธนาคารขอเพื่อประกอบการพิจารณารับสมัคร ใช้เครดิตของตัวเอง เมื่อได้รับการอนุมัติแล้ว ธนาคารก็ส่งบัตรเครดิตมาทางไปรษณีย์ถึงมือลูกค้า นั่นคือบัตรหลัก พูดให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือเป็นบัตรเครดิตที่เราเป็นผู้สมัครเอง โดยใช้เครดิตของตัวเอง ถึงเวลาก็ใช้และรับผิดชอบคืนเงินที่รูดไปเอง เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นใดใดกับบัตรเครดิต เราในฐานะผู้ถือบัตรหลักก็จะเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว
นอกจากบัตรหลัก บัตรเครดิตยังมีบัตรเสริมที่สามารถสมัครควบคู่กับบัตรหลักไปด้วยได้ บางคนยังไม่ทราบเลยว่ามีบัตรเสริมด้วย หรือบางคนทราบว่ามีบัตรเสริมแต่ก็ไม่ทราบถึงวัตถุประสงค์ว่าใครควรจะได้ใช้บัตรเสริมนี้ ทั้งยังไม่ทราบด้วยว่าบัตรหลัก บัตรเสริม ต่างกันยังไง บางคนมีคำถามว่าเราสามารถสมัครบัตรเสริมกับทางธนาคารได้เลยหรือไม่โดยไม่มีบัตรหลัก วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจในเรื่องบัตรหลัก บัตรเสริมกัน
บัตรหลักคืออะไร
บัตรเครดิตใบหลักก็อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้น ก็คือบัตรเครดิตที่เราเป็นผู้สมัครโดยใช้เครดิตของเราเอง การอนุมัติบัตรเครดิตหลักของทางธนาคารก็จะดูหลักฐานทางการเงิน เช่น ใบสลิปเงินเดือน บัญชีหมุนเวียนธนาคาร ประวัติหนี้สินที่มีในเครดิตบูโร ภาระหนี้สินในปัจจุบัน เพื่อพิจารณาอนุมัติบัตรเครดิต รวมถึงวงเงินสูงสุดในบัตรเครดิตด้วย ผู้ที่จะสมัครบัตรเครดิตได้หากเป็นผู้ที่ทำงานมีรายได้ประจำ จะต้องมีเงินเดือนขั้นต่ำตามที่ธนาคารกำหนดในคุณสมบัติ ประวัติการชำระคืนหนี้ก็ต้องดี ไม่เคยมีประวัติเป็นหนี้เสียหรือค้างชำระบ่อย ๆ รายละเอียดในการอนุมัติบัตรเครดิตหลักของแต่ละธนาคารก็จะแตกต่างกันไปตามนโยบายการปล่อยสินเชื่อบัตรเครดิตในช่วงนั้น ๆ และเป็นไปได้เช่นกันที่บางคนไม่เคยมีประวัติสินเชื่อมาก่อน อาจไม่ได้รับการอนุมัติบัตรเครดิตที่สมัครไป เพราะทางธนาคารไม่มีประวัติของการชำระหนี้ในอดีตให้เห็นเพื่อพิจารณาลูกค้า และหลักฐานการเงินอื่น ๆ ก็ยังไม่สามารถทำให้ธนาคารมั่นใจได้ว่าเราจะมีความสามารถในการชำระหนี้บัตรเครดิตตามวงเงินได้หรือไม่ด้วย
บัตรเสริมคืออะไร
ส่วนบัตรเสริมนั้นเป็นบัตรที่เราต้องสมัครโดยต้องมีบัตรเครดิตหลักอยู่ก่อน ไม่สามารถสมัครบัตรเสริมได้อย่างเดียวโดยไม่มีบัตรหลัก วัตถุประสงค์ของบัตรเสริมก็คือเป็นการอนุมัติบัตรเครดิตอีกใบหนึ่งโดยให้ใช้วงเงินเดียวกับบัตรหลัก ยึดหลักอนุมัติตามเครดิตของผู้ถือบัตรหลัก เช่น หากวงเงินของบัตรหลักอยู่ที่ 100,000 บาท วงเงินของบัตรเสริมก็จะอยู่ที่ 100,000 บาทด้วย เป็นการใช้วงเงินร่วมกัน หมายความว่า หากบัตรหลักไม่ได้ใช้วงเงิน บัตรเสริมก็สามารถใช้ได้ที่สูงสุด 100,000 บาท แต่หากบัตรหลักใช้วงเงินไปแล้ว 80,000 บาท บัตรเสริมก็จะใช้วงเงินได้เพียง 20,000 บาทเท่านั้น เป็นต้น ส่วนมากผู้ที่สมัครบัตรเสริมจะเพื่อให้คนในครอบครัว เช่น ภรรยา ลูกหรือคนใกล้ชิดไว้ใช้งานเพื่อความสะดวกไม่ต้องพกเงินสด หน้าบัตรจะระบุชื่อของผู้ที่ใช้บัตรเสริมซึ่งเป็นผู้ที่สามารถนำบัตรเสริมไปใช้เป็นบัตรเครดิตภายใต้ชื่อของตนเองได้เลย
อ่านเพิ่มเติม : บัตรเสริมค้างชำระ บัตรหลักต้องรับผิดชอบไหม
บัตรหลัก บัตรเสริม ต่างกันยังไง
ทีนี้มาถึงคำถามที่ว่า บัตรหลัก บัตรเสริม ต่างกันยังไง ที่จริงแล้วก็แทบจะเรียกได้ว่าไม่ต่างกันเลย ใช้รูดซื้อสินค้าหรือบริการต่าง ๆ ได้ตามร้านค้าเช่นเดียวกัน โดยใช้วงเงินเดียวกัน โปรโมชั่นต่าง ๆ ที่บัตรเครดิตหลักได้รับ บัตรเสริมก็ได้รับเช่นเดียวกัน ช่วงเวลาปลอดดอกเบี้ยก็เหมือนกัน คะแนนสะสมต่าง ๆ ที่ได้จากยอดการใช้จ่ายในบัตรเสริมก็มีเช่นเดียวกับบัตรหลัก เป็นคะแนนสะสมแยกบัญชีกัน แต่มีทางเลือกให้ลูกค้าสามารถแจ้งเพื่อรวมคะแนนบัตรหลักและบัตรเสริมเพื่อแลกของกำนัลได้ในบางธนาคาร
สำหรับใบแจ้งยอดบัญชีที่ธนาคารส่งมาให้กับลูกค้าทุกเดือน ทั้งบัตรหลักและบัตรเสริมก็จะได้รับใบแจ้งยอดบัญชีนี้เช่นเดียวกัน เป็นใบแจ้งยอดแยกกันคนละใบแต่จะจัดส่งมาให้อยู่ในซองเดียวกัน ส่งมาที่ผู้ถือบัตรหลัก การชำระยอดใช้จ่ายคืนก็มีขั้นตอนเหมือนกันคือนำใบแจ้งยอดไปชำระ แต่ต้องชำระแยกกัน หรือหากต้องการให้ส่งใบแจ้งยอดของบัตรเสริมแยกไปอีกที่อยู่ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน โดยให้ติดต่อกับทางธนาคารผู้ออกบัตร
ส่วนที่บัตรหลัก บัตรเสริม ต่างกันยังไงก็มีเพียงแค่ในเรื่องของค่าธรรมเนียมกับความรับผิดชอบในยอดการใช้จ่ายที่ธนาคารจะมุ่งมาที่ผู้ถือบัตรหลักเท่านั้น ในกรณีของค่าธรรมเนียมรายปีธนาคารจะคิดจากบัตรหลักเท่านั้น ปกติธนาคารจะมีข้อกำหนดว่ายอดใช้จ่ายภายในรอบบัญชี 12 เดือนหากถึงตามกำหนดจะไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมรายปี หากมีบัตรเสริมด้วยยอดใช้จ่ายในรอบบัญชี 12 เดือนของบัตรเสริมสามารถนำมารวมเพื่อรับสิทธิ์ฟรีค่าธรรมรายปีนี้ด้วยได้
ในกรณีที่มียอดค้างชำระขั้นตอนการทวงถามหรือติดตามหนี้ทางธนาคารจะติดตามที่ผู้ถือบัตรเสริมก่อน หากไม่สำเร็จก็จะมาตามที่ผู้ถือบัตรหลัก ดังนั้นผู้ถือบัตรหลักจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งบัตรหลักและบัตรเสริมที่อนุมัติไป เมื่อเราเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของการใช้งานบัตรเสริมดังนี้แล้ว การจะสมัครบัตรเสริมให้ใครก็ควรที่จะพิจารณาอย่างรอบคอบถี่ถ้วน เนื่องจากในฐานะผู้ถือบัตรหลักจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบยอดการใช้จ่ายทั้งหมดของบัตรเสริมด้วย หากให้เปรียบก็เหมือนเป็นผู้ค้ำประกันให้กับผู้ใช้บัตรเสริม หากเกิดปัญหาหนี้เสียกับบัตรเสริมชื่อของผู้ถือบัตรหลักและบัตรเสริมจะติดเครดิตบูโรทั้งสองคน แต่อย่างไรก็ตามผู้ถือบัตรหลักมีสิทธิ์ที่จะยกเลิกหรืออายัดบัตรเสริมได้ตลอดเวลาโดยต้องเคลียร์ยอดที่ค้างจ่ายอยู่ก่อนทั้งหมด จึงจะแจ้งปิดบัตรได้
จากการอธิบายว่าบัตรหลัก บัตรเสริม ต่างกันยังไงข้างต้น ทำให้เราเข้าใจได้ว่าเพราะเหตุใดส่วนใหญ่บัตรเสริมจะสมัครให้กับเฉพาะคนในครอบครัวเท่านั้น เช่น ลูกในวัยที่ยังไม่ได้ทำงาน เช่น เป็นนักศึกษาอยู่ หรือภรรยาที่เป็นแม่บ้านไม่ได้ทำงานและไม่มีรายได้ เพื่อช่วยให้เกิดความสะดวกคล่องตัวในการจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน โดยที่เราได้รับสิทธิประโยชน์จากการใช้บัตรเสริมด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของซื้อก่อนจ่ายทีหลังโดยไม่มีดอกเบี้ย คะแนนสะสมเพื่อแลกรางวัล การจองตั๋วหรือซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ เป็นต้น