First Jobber หรือมนุษย์เงินเดือนที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานได้ไม่นาน โดยมีอายุระหว่าง 22-25 ปีนั้น ถือเป็นกลุ่มหลักที่สนใจ ‘การเปิดบัตรเครดิต’ เนื่องจากเป็นกลุ่มคนที่เริ่มมีรายได้ประจำเป็นของตัวเอง และมีความสนใจที่จะจับจ่ายใช้สอยเงินดังกล่าวไปกับไลฟ์สไตล์ที่ตัวเองชื่นชอบ ไม่วาจะเป็นด้านสุขภาพ อาหารการกิน หรือการท่องเที่ยว ซึ่งแน่นอนว่าการมีบัตรเครดิตนั้น สามารถช่วยตอบโจทย์พฤติกรรมการใช้เงินเหล่านี้ได้ รวมทั้งยังเป็นหนึ่งในวิธีของการวางแผนทางการเงินที่น่าสนใจอีกด้วย
อย่างไรก็ตามแม้บัตรเครดิตจะมีประโยชน์หลายประการ เพราะช่วยให้เรามีอิสระทางการเงินมากขึ้น แต่เราก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการใช้งานบัตรเครดิตอย่างไม่ระมัดระวังสามารถก่อหนี้มหาศาลได้ เพราะด้วยอัตราดอกเบี้ยของการหยิบยืมเงินในอนาคตมาใช้จ่ายก่อนนั้น สามารถทับถมกันจนกลายเป็นดินพอกหางหมูให้ใครต่อใครมานักแล้วนั่นเอง จนถึงกับเคยมีผลสำรวจออกมาว่า คนไทยเป็นหนี้เร็วตั้งแต่อายุยังน้อย และยังไม่สามารถชะระหนี้ดังกล่าวให้หมดก่อนแก่ (เกษียญ) ได้เลยนั่นเอง!
ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เหล่ามนุษย์เงินเดือนที่เริ่มต้นชีวิตการทำงานประจำต้องมีหนี้ท่วมหัวจากการใช้บัตรเครดิต พร้อมกับเริ่มสร้างพื้นฐานวินัยทางการเงินที่ดีไปในตัว อาจจะลองมาดูเคล็ดไม่ลับไม่กี่ข้อต่อไปนี้ เพื่อให้เป็นแนวทางการเปิดบัตรเครดิตใบแรก ใช้งานได้อย่างสบายใจ
‘วิเคราะห์ความต้องการ’ ของตัวเองให้ดีก่อนตัดสินใจ เปิดบัตรเครดิตใบแรก
เพราะก้าวแรกสำคัญที่สุด ดังนั้นมันคงจะดีไม่น้อยถ้าเราเริ่มต้นเปิดบัตรเครดิตใบแรกได้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ซึ่งในขั้นตอนนี้ ก็สามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ จากการวิเคราะห์ว่าส่วนใหญ่แล้วเราให้ความสำคัญกับด้านใดมากที่สุด เช่น อาหาร การท่องเที่ยว หรือการซื้อสินค้า เนื่องจากบัตรเครดิตมีหลายประเภท และให้สิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกัน บัตรบางยี่ห้อก็เน้นให้สิทธิประโยชน์เมื่อใช้ที่ร้านอาหาร โดยอาจจะได้เป็นส่วนลด หรือเครดิตเงินเมื่อใช้จ่ายตามยอดที่กำหนด ในขณะที่บัตรเครดิตบางยี่ห้อ ก็ให้สิทธิประโยชน์ในด้านการซื้อของแบบผ่อนจ่ายด้วยระยะเวลาที่ยาวนานกว่า พร้อมดอกเบี้ย 0%
‘วิเคราะห์รายได้’ ก่อนตัดสินใจสร้างหนี้
เพราะเงื่อนไขของอายุงานในการเปิดบัตรเครดิตถูกผ่อนปรนมากขึ้น รวมทั้งวงเงินในบัตรก็มีจำนวนมากกว่าที่คาดไว้ จึงทำให้หลายคนใช้งานอย่างชะล่าใจ จนกลายเป็นว่าสร้างหนี้จำนวนมากอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว! ดังนั้นเพื่อป้องกันให้ตนเองมีสติก่อนรูดปรื๊ด เราจึงควรคำนวณรายได้ของตัวเอง และนำมาหักลบกับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่างๆ ก่อน เช่น ค่าเช่าห้องพัก ค่าเดินทาง ค่าเดินอาหาร เป็นต้น จากนั้นก็พิจารณาว่าเหลือเงินอีกเท่าไร ที่เราจะสามารถนำไปชำระหนี้บัตรเครดิตได้ ซึ่งทางที่ดีนั้น เราไม่ควรจ่ายหนี้เกิน 40% ของรายได้/ เดือน เพื่อไม่ให้มีภาระทางการเงินที่มากเกินไปนั่นเอง