วิน หนุ่มใหญ่วัยย่าง 50 ปี เป็นพ่อของเด็กสาว คือ เกสร กับเด็กชายชื่อ พอดี ทั้งสองวัยไล่เลี่ยกันคือ สิบหกและ สิบสี่ปี วินเป็นคนที่ประสบความสำเร็จจากการทำธุรกิจส่วนตัว ที่ลุยมาด้วยลำแข้งของตัวเอง เขาสั่งสมประสบการณ์มานานหลายสิบปี เรียกว่า ลำบากมาตั้งแต่จำความได้จนมาประสบความสำเร็จเอาเมื่ออายุ 40 กว่าๆ ด้วยความที่เขาตระหนักในขวากหนามและอุปสรรคที่ฝ่าฝันมาว่าเป็นสิ่งมีค่า และไม่อยากให้ลูกๆต้องลำบาก ผ่านความล้มเหลวและทุกข์แสนสาหัสดังเช่นตนเอง เขาจึงมักสอนลูกๆและแทรกบทเรียนต่างๆ เขียนเป็นจดหมายส่งถึงลูกเสมอ
บทความนี้จะนำเสนอเรื่องที่พ่อสอนลูกๆ เกี่ยวกับความท้าทาย เหตุเกิดจากที่ลูกสาวสอบเข้าโรงเรียนดี มีชื่อเสียงมากในด้านคุณภาพการสอน และระเบียบวินัยที่เคร่งครัด แต่กลับกลัว กังวล และรู้สึกว่าไม่อยากไปเรียน ผู้เป็นพ่อจึงเขียนจดหมายถึงลูกสาว มีใจความสรุปเป็นแง่คิดได้ดังนี้
พ่อจะไม่บังคับฝืนใจลูกเพียงแต่ประหลาดใจเล็กน้อย ที่ลูกมีท่าทีไม่กระตือรือร้น อยากที่จะไปเรียน เพราะยังมีคนที่อยากเรียนที่นี่อีกมากมายหลายคน แต่พวกเขาไม่มีโอกาส หรือไม่ได้รับโอกาสนั้น แต่ก็ไม่ใช่หน้าที่ของพ่อที่จะฉุดลากลูกไปตามทางที่ลูกไม่ชอบ มีลูกๆมากมายที่ถูกพ่อแม่บังคับ จนล้มเหลวในชีวิตอย่างน่าเสียดาย
พ่อเคยพบเห็นคนวัยกลางคนมากมายที่บ่นว่า ชีวิตเขาผิดพลาดมาเยอะ คนเหล่านี้มักมีข้ออ้างและข้อแก้ตัวต่างๆนาๆ แล้วก็ปล่อยชีวิตผ่านไปวันๆ แต่มีบางคนที่ยอมรับว่า ไม่กล้าสู้กับความท้าทายที่มีเข้ามาสมัยหนุ่มๆ
การที่บางคนไม่ยอมรับที่จะออกไปสู้กับความท้าทาย เพราะจะต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตหลายๆด้าน ต้องพบกับความไม่เคยชิน เปลี่ยนระบบความเป็นอยู่ ขณะที่ตัวพ่อเองนั้นเคยต้องจากบ้านไปหลายพันกิโลเมตร ไปอยู่เมืองใหญ่ที่ไม่รู้จักใคร แต่เพราะในเมืองเป็นที่ที่จะมอบความสำเร็จให้ พ่อจึงยอมที่จะผจญกับความท้าทายนั้น แม้จะกลัวมากเพียงใด พ่อก็จะเดินไปบนหนทางที่แสนเหงาและว้าเหว่นี้
ตอนนี้ลูกกำลังพบกับความท้าทาย ชีวิตเดินทางมาถึงทางแยกให้ต้องเลือก แต่ลูกไม่กล้าลองเหยียบเดินบนถนนสายใหม่ที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าเป็นหนทางที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ เพราะลูกไม่อยากต้องเปลี่ยนแปลง และกลัวลำบาก หากลูกลังเล กลัวความลำบากตั้งแต่อายุยังน้อย ก็เป็นไปได้ว่าเมื่อเติบใหญ่ลูกจะปล่อยให้โอกาสดีๆหลุดลอยไป และใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ
การท้าทายครั้งนี้สามารถที่จะทดลองดูก่อนได้ หากทำไม่สำเร็จ ก็ไม่เป็นไร ไม่มีใครมาทำร้าย ตัดแขนขา หรือเอาตุ๊กตาตัวโปรดไปทิ้งเสียหน่อย ความล้มเหลวเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่กลัว คิดวิตกกังวลไปต่างๆนาๆ แต่เมื่อเผชิญกับความล้มเหลวนั้นจริงๆ กลับไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เคยนึกคิด
ลูกคิดว่าตัวเองคงไม่ได้ดีเหมือนกับคนอื่นๆ ลูกคิดว่าทุกคนที่เรียนที่นี่มีแต่คนเก่ง คงสู้ใครเขาไม่ได้ แม้ลูกจะเป็นคนที่ดูปานกลางก็จริง แต่ลูกจะซึมซับ และมานะพยายามจนเข้ากันได้กับกลุ่มและจะพัฒนาตัวเองได้ในที่สุด
คนเราตีความหมายของคำว่าท้าทายต่างกัน คนที่ขี้กลัวมักไม่ยอมทำอะไร ชีวิตจึงจำเจอยู่ที่เดิม ขณะที่อีกคนแสวงหาความท้าทายตลอดเวลา ก็จะทำให้ชีวิตพบกับความสำเร็จในที่สุด เมื่อลูกกล้าเผชิญกับความท้ามาย เรียนรู้และอยู่กับมันบ่อยๆ ลูกจะรู้เองว่ามันนำชัยชนะหรือความพ่ายแพ้มาให้เราบ่อยกว่ากัน
ที่กล่าวมาคือแนวคิดที่พ่อสอนลูกให้รับมือกับความท้าทาย เป็นการนำเสนอแนวทาง ไม่ได้บังคับให้ลูกต้องทำตามสิ่งที่พ่อบอก ลูกต้องตัดสินใจเอง การเผชิญกับความท้าทาย แม้จะล้มเหลวก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด การจะเรียนรู้และรับมือกับความท้าทาย คือต้องเผชิญกับมันแล้วประสบการณ์จะบอกเราเอง ผู้อ่านสามารถนำแนวคิดนี้ไปปรับใช้กับตัวเองหรือนำไปสอนลูกๆได้ แต่อย่าลืมว่าต้องไม่ใช้วิธีบังคับฝืนใจ เพียงคอยดูอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆในใจก็พอ หากเรื่องราวไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปช่วย ปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้จากความล้มเหลว และลุกขึ้นยืนด้วยตนเอง จะเป็นการดีที่สุด