สิ่งที่ต้องทำ
- สร้างประวัติการเงินให้ขาวสะอาด เพิ่มความน่าเชื่อถือ ในการทำบัตรเครดิต หรือการขอสินเชื่อต่างๆไม่ต่างจากการกู้หนี้หรอกนะคะ ดังนั้นคุณจะต้องทำให้ทางธนาคาร หรือสถาบันการเงินที่คุณต้องการขอสินเชื่อมองเห็นเลยว่าเงินก้อนที่เขาจะให้คุณมานั้นไม่สูญเปล่า และคุณเองก็สามารถชำระ หรือส่งได้ตามกำหนดที่ทางธนาคาร หรือสถาบันการเงินหมดไว้ ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำในอันดับแรกหากมีคุณเองมีหนี้สินเก่า หรือประวัติที่ไม่ค่อยดีนัก คือการที่คุณเองจะต้องจัดการเคลียร์หนี้ก้อนนั้นให้หมดก่อน ที่จะดำเนินการขอสินเชื่ออย่างน้อย 6 เดือน เพื่อจะได้ล้างประวัติของตนเองให้ขาวสะอาดนั่นเองจ้า
ก็อย่างที่ได้กล่าวมาในข้างต้นนั่นล่ะค่ะว่าก่อนที่จะดำเนินการขอสินเชื่อคุณเองจะต้องมีความมั่นเรื่องประวัติทางการเงินของคุณเป็นอย่างดีแล้วจะทำอย่างไร หรือจะทราบได้อย่างไร วันนี้เรามีคำตอบมาฝากกันค่ะ
- ใช้สำเนาบัตรประชาชน เพื่อขอรับข้อมูลได้ที่ธนาคารสงเคราะห์ ( ธอส. ) อาคาร 2 ชั้น2 จะเปิดให้บริการในวันจันทร์- ศุกร์ เวลา 9.00-16.30 น.
- สถานีรถไฟฟ้า BTS ศาลาแดง เปิดให้บริการจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.00 – 18.00 น. ซึ่งจะเปิดให้บริการสำหรับุคคลธรรมดาเท่านั้นนะคะ
- ที่ห้างเจ-เวนิว ช็อปปิ้ง เซ็นเตอร์ (นวนคร)จะเปิดทำการทุกวัน หยุดเฉพาะวันหยุดนักขัตฤกษ์
- ผ่านธนาคารพาณิชย์ต่างๆ หรือเคาน์เตอร์ธนาคารธนชาติ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารอาคารสงเคราะห์ทั่วประเทศ
- สำหรับผู้ที่ทำการขอสินเชื่อจะต้องต้องมีรายได้ที่สม่ำเสมอ มีเงินไหลเวียนเข้าบัญชีเงินฝากเป็นประจำ ซึ่งจะต้องมีหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อที่ทางสถาบันการเงิน หรือธนาคารที่คุณขอสินเชื่อได้ทำการตรวจสอบ นั่นคือ Statement หรือสำเนาบัญชีออมทรัพย์ ที่มีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง 3-6 เดือน สำหรับบุคลธรรมดา 3 เดือน แต่เจ้าของกิจการจะมีการพิจารณาย้อนหลัง 6 เดือน
- เอกสารที่สามารถยืนยันได้ว่าคุณเองมีอาชีพประจำ มีหลักแหล่ง เพื่อการพิจารณา ส่วนใหญ่แล้วพนักงานบริษัท หรือบุคคลธรรมดาจะมีสลิปเงินเดือนด้วยกันทั้งนั้นนะคะ ซึ่งจะใช้ของเดือนล่าสุด ที่มีอายุไม่เกิน 90 วัน สำหรับใครที่ไม่ได้เป็นสลิป คุณอาจขอหนังสือรับรองเงินเดือนจากบริษัทที่คุณทำงานเพื่อการพิจารณา ซึ่งหัวกระดาษต้องเป็นตราบริษัท สำหรับข้าราชการต้องเป็นตราครุฑ จะต้องแจ้งวันเริ่มงาน ตำแหน่ง เงินเดือน รายได้อื่นๆ พร้อมทั้งประทับตราและลายเซ็นของผู้บังคับบัญชา
- มีความพร้อมในเรื่องเอกสาร การเตรียมเอกสารให้พร้อมจัดได้เลยว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ซึ่งจะต้องทำการศึกษาก่อนเลยว่าทางธนาคารต้องการเอกสารออะไรบ้าง อย่างละเท่าไหร่ ต้องมีการเตรียมการล่วงหน้า 1 วัน อย่าลืมนยะคะว่าไม่ใช่เราเพียงคนเดียวที่ขอสินเชื่อ หากเอกสารไม่ครบทางธนาคารอาจไม่พิจารณาเลยด้วยซ้ำ
สิ่งที่ไม่ควรทำ
จากข้อความในข้างต้นได้บอกถึงข้อควรทำก่อนที่จะมีการขอสินเชื่อ เนื่องจากทุกวันนี้แม้ว่าการขอสินเชื่อไม่ได้ยากอย่างเช่นแต่เดิมก็จริง แต่พบได้บ่อยครั้งเลยสำหรับผู้ที่ไม่ผ่านการพิจารณา ซึ่งจะก่อให้เกิดการเสียเวลา ไปอย่างน่าเสียดาย ตอนนี้เราจะมาบอกในสิ่งที่ไม่ควรทำ หรือไม่ควรปล่อยให้ละเลยไป แม้ว่าจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยแต่ก็มีผลต่อการพิจารณาเช่นกัน อย่าลืมนะคะการขอสินเชื่อก็เหมือนกับการกู้เงิน ซึ่งมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและมากมายไปด้วยขั้นตอน
- กรอกข้อมูลในใบสมัครไม่ครบ แนะนำเลยว่าไม่ว่าคุณจะสมัครที่ไหนเมื่อกรอกเอกสารเสร็จแล้วควรที่จะมีการตรวจสอบ หรือกลับมาอ่านอีกรอบ รู้หรือไม่ว่าสถิติการขอสินเชื่อไม่ผ่านนั้นส่วนหนึ่งมาจากการกรอกเอกสารไม่ครบนี่ล่ะคะ ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ เบอร์โทร หรือข้อมูลการติดต่อ หากเราละเลยไปอาจให้พลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย และหากผ่านพิจารณาทางสถาบันการเงินก็ไม่สามารถติดต่อเราได้อยู่ดีนะคะ
- อย่าสมัครอย่างเด็กขาดหากคุณสมบัติ หรือเอกสารไม่พร้อม เนื่องจากธนาคารจะงดพิจารณาไป 6 เดือน แย่เลยนะคะ หากเราลืมเอกสารไปเพียงชิ้นเดียว ไม่ผ่านการอนุมัติ เป็นผลทำให้ต้องรอไปอีก 6 เดือน ดังนั้นรอให้พร้อมจริงๆก่อนแล้วค่อยสมัครมีโอกาสได้มากกว่ากันนะคะ
- สมัครเพื่อเอาของแถม การสมัครบริการทางการเงินเพื่อหวังเอาของแถมและบริการต่างๆ ที่มากเกินไป อาจทำให้คุณผ่อนชำระเงินคืนไม่ทันหรือลืมชำระเงิน ซึ่งจะนำไปสู่การเสียค่าธรรมเนียมที่คุณต้องไปชำระภายหลัง
เพื่อนๆ คนไหนที่เตรียมเอกสารครบแล้ว มั่นใจได้ว่ากรอกแล้ว แต่ยังไม่ผ่านการอนุมัตินั้น จะต้องกลับไปดูคุณสมบัตรของแต่ละธนาคารให้ดีก่อนนะคะ เพราะแต่ละสถาบันทางการเงินจะมีการกำหนดคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป คุณอาจขาดข้อใดข้อหนึ่งไปได้
สำหรับคนที่คุณสมบัติไม่เพียงพอเช่นอายุงานไม่ถึง ฐานเงินเดือนไม่ถึงอย่าไปลองเสี่ยงนะคะ รอให้ครบก่อนดีกว่าเพราะทางธนาคารไม่สามารถอนุมัติได้อย่างแน่นอน อาจทำให้คุณเสียเวลาและเสียเอกสารไปเปล่าๆ
ผู้ที่ผ่านการอนุมัตินั้นจะต้องรอบคอบและรู้จักการใช้จ่ายนะคะ เงินที่คุณได้มานั้นเปรียบเสมือนเงินกู้ที่คุณจะต้องทยอยจ่าย มิเช่นนั้นแล้วคุณอาจมีหนี้สิน และอาจนำไปสู่การฟ้องร้องเสียประวัติ และเสียโอกาสในการทำธุรกรรมทางการเงินอื่นๆอีกด้วย