อนุมัติกันไปเรียบร้อยแล้วสำหรับงบ 7,000 ล้าน ล้างคลองแสนแสบ เพื่อปรับปรุงพัฒนาคลองแสนแสบให้กลับมาใสเหมือนในอดีตและปรับปรุงภูมิทัศน์ริมคลองสร้างทางปั่นจักรยานและติดกล้อง CCTV ซึ่งระยะทางของคลองแสนแสบนั้นมีประมาณทั้งหมด 72 กิโลเมตรอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร 45.5 กม.และส่วนที่เหลืออยู่ในพื้นที่ของ จ.ฉะเชิงเทราโดยเป็นการร่วมมือกันระหว่างกรุงเทพมหานคร และกรมเจ้าท่า
อ่านแล้วรู้สึกอย่างไรกันบ้างกับงบ 7,000 ล้าน ที่จะนำมาปรับปรุงสภาพน้ำในคลอง ปรับภูมิทัศน์และจัดการปัญหาน้ำเสียอย่างยั่งยืน ??
ในมุมความคิดของชาวบ้านทั่วไปคงจะมองว่ามันเยอะไปไหมงบขนาดนี้นำมาใช้จ่ายแก้ปัญหาในส่วนที่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ๆเช่นเรื่องท่อระบายน้ำในกรุงเทพฯ,กล้องCCTV ตามจุดต่างๆที่มีข่าวว่ามีแต่กล่องไม่มีกล้อง,การแก้ปัญหาจราจรเช่นซ่อมถนนที่มีปัญหา,และอื่นๆอีกมากมายที่เป็นปัญหาหลักๆของเมืองหลวงหรือภูมิภาคอื่นๆ แต่ข้อดีของการทำให้คลองแสนแสบสะอาดน้ำใสเหมือนสมัยรัตนโกสินทร์มันก็จะมีส่วนช่วยให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ เพราะมีการคมนาคมในคลองอยู่แล้ว หากน้ำสะอาดก็อาจจะช่วยทำให้นักท่องเที่ยวสนใจ ส่วนทางจักรยานตลอดแนวคลองก็เป็นการส่งเสริมให้คนหันมาปั่นจักรยานเที่ยวหากทำทางจักรยานได้ตามระยะทางทั้งหมดริมสองฝั่งคลอง ก็อาจจะเป็นการสร้างรายได้ให้ชุมชนริมคลองได้เหมือนกันหากมีการจัดการบริหารตามชุมชนริมคลองให้เป็นแหล่งพักระหว่างทาง
แต่ทั้งหมดคงต้องดูกันในอนาคต แต่เชื่อว่าคงมีอีกหลายคนที่ได้อ่านข่าวนี้แล้วคงมองว่ามันเป็นการลงทุนที่ยังไม่เห็นถึงความเป็นไปได้เพราะเรื่องของน้ำเสียไม่ใช่เพิ่งจะมีการแก้ไข มีการรณรงค์จากหน่วยงานต่างๆมานานมากกว่า 20 ปีตั้งแต่การไม่ให้ทิ้งขยะลงคลอง ไม่ให้ปล่อยน้ำเสียลงคลองแต่ทุกอย่างไม่มีผลตอบรับที่ดีกลับคืนมา อาคารบ้านเรือนต่างๆที่อยู่ริมคลองทุกสายไม่ว่าจะกรุงเทพหรือต่างจังหวัดต่างปล่อยน้ำเสียลงคลองกันมานานแล้ว อีกทั้งโรงงานต่างๆทั้งในเมืองและนอกเมืองต่างไม่ช่วยกันแก้ปัญหาไม่มีระบบบำบัดน้ำเสียที่ดี บางโรงงานมักง่ายประหยัดค่าใช้จ่ายปล่อยน้ำเสียเหล่านี้ลงคลองบ้าง แหล่งน้ำอื่นๆบ้าง รวมทั้งปล่อยลงท่อระบายน้ำ ทางราชการเองก็จัดการบำบัดน้ำเสียตามจุดต่างๆ แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ และเรื่องของการล้างคลองแสนแสบให้น้ำกลับมาใสด้วยการทุ่มงบประมาณบำบัดน้ำเสียครั้งนี้มันจึงดูเป็นเรื่องที่สิ้นเปลือง เพราะคลองแสนแสบยังมีคลองย่อยอื่นๆที่เชื่อมต่อดังนั้นการจำทำให้น้ำใสก็ต้องบำบัดคลองย่อยเหล่านั้นด้วย
ในฐานะประชาชนคนเสียภาษีหลายๆคนคงอยากมีคำถามว่า เงินงบประมาณมาจากไหนมาจากภาษีประชาชนใช่ไหม ทำไมถึงไม่เอางบประมาณไปทำในสิ่งที่แก้ปัญหาให้ประชาชนก่อน
เชื่อว่าหลายคนที่ได้อ่านข่าวนี้คงคิดแบบนี้ แม้ว่าเรื่องปัญหาน้ำเสียเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขแต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ในปัจจุบันปัญหาอื่นๆที่รอให้แก้ไขน่าจะมีอีกหลายอย่างที่สำคัญกว่าเรื่องนี้ และเรื่องของน้ำเสียน่าจะมีวิธีการจัดการมาได้นานแล้วและควรหาวิธีที่จะจัดการได้ยั่งยืนมากกว่าการทุ่มงบประมาณที่เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ หากมองในมุมของเศรษฐกิจเงินจำนวน 7,000 ล้านสามารถทำอะไรได้หลายอย่างที่สามารถเห็นได้เป็นรูปธรรม ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคส่วนต่างๆ หรือใช้จ่ายในส่วนที่จำเป็นจริงๆ และที่นำข่าวนี้มานำเสนอไม่ใช่ว่าจะต่อต้านหรือวิจารณ์เพียงแต่อยากให้ลองคิดวิเคราะห์กันว่าสภาพเศรษฐกิจการเมืองและสังคมในบ้านเราตอนนี้ มันมีปัญหาอะไรบ้างที่ควรจะนำเงิน 7,000 ล้าน ไปแก้ไขบ้าง
และหากมองในมุมของนักลงทุนเงิน 7,000 ล้าน ควรจะจัดการอย่างไรกับโครงการนี้ควรจะบริหารอย่างไร และแน่นอนการคอรัปชั่นสำหรับโครงการนี้คงต้องมีแน่นอนแต่จะมากหรือน้อย และเมื่อลงมือทำแล้วน้ำในคลองจะใสแจ๋วเหมือนอย่างที่คิดกันไหมระยะเวลาแค่สองปีจะทำสำเร็จจริงไม่ เพราะกำหนดการจะต้องแล้วเสร็จในปี 2560 นี่ก็ปลายปี 2558 แล้วอีกไม่นานเราคงได้รู้กัน
ที่มาข่าว : www.posttoday.com/biz/gov/399001