เศรษฐกิจจริงๆ ตอนนี้ เป็นอย่างไร มีแถลงอะไรอ้างอิงได้ไหม และคนชั้นกลางจะเป็นอย่างไร?!
มองเศรษฐกิจไทย 2559
ในปัจจุบันที่สถานการณ์ทางการเมืองยังคงตึงเครียดอันเป็นผลมาจากความขัดแย้ง ซึ่งยืดเยื้อมาอย่างยาวนาน ทำให้ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยไม่มีเสถียรภาพ และไม่สามารถประเมินคาดการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแน่นอนนัก ทั้งนี้ในแต่ละช่วงต่างก็มีนักวิชาการ นักเศรษฐศาสตร์ ตลอดจนถึงผู้ที่ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ออกมาวิเคราะห์สถานการณ์ทางเศรษฐกิจอยู่เสมอ บ้างกล่าวว่าเศรษฐกิจขยายตัวขึ้นอย่างมาก บ้างกล่าวว่าเศรษฐกิจนั้นเพียงทรงตัว หรือบ้างก็วิเคราะห์ไปคนละขั้ว ถึงขั้นที่กล่าวว่าเศรษฐกิจไทยกำลังตกต่ำ ทำให้ผู้ที่ติดตามไม่อาจตัดสินใจได้ว่าผลการวิเคราะห์จากสำนักใดเที่ยงตรงที่สุด บ้างก็ตั้งข้อสังเกตว่าบทวิเคราะห์จากแต่ละสำนักอาจเคลือบแฝงด้วยวาระทางการเมือง เป็นการบิดเบือนข้อมูลเพื่อโจมตีซึ่งกัน สำหรับวันนี้ภายใต้หัวข้อ “มองเศรษฐกิจไทย” จึงต้องขอเรียนไว้ในเบื้องว่า ไม่ว่าข่าวสารหรือบทวิเคราะห์ทางด้านเศรษฐกิจจะมีที่มาจากใคร หรือสำนักวิเคราะห์ใดก็ตาม สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือ วิจารณญาณที่ควรจะมีอยู่เสมอในการรับฟัง
ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในปี 2559 นั้น คงจะไม่อาจคาดการณ์ไปถึงช่วงปลายปีได้ เพราะสถานการณ์ทางการเมืองยังคงมีความไม่แน่นอนในหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องของร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังจะผ่านการทำประชามติ ซึ่งยังไม่ทราบผลว่าจะออกมาในรูปแบบใด แต่ที่แน่นอนก็คือไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรนั้นย่อมจะต้องเชื่อมโยงและเป็นตัวแปรในระบบเศรษฐกิจทั้งสิ้น ในเบื้องต้นนี้จึงทำได้เพียงติดตามผลการวิเคราะห์จาก ธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับเศรษฐกิจในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งได้ทำการวิเคราะห์และรายงานสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ไว้ สรุปได้ดังนี้
เศรษฐกิจและการเงินในช่วงเดือนมกราคม ปี 2559
ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมาผลวิเคราะห์ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยมีทิศทางที่ค่อนข้างจะแผ่วลง โดยปัจจัยหลักเป็นผลมาจากการชะลอตัวในการเบิกจ่ายงบของรัฐบาล อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากการหดตัวของเศรษฐกิจในประเทศจีน จึงส่งผลให้ราคาสินค้าส่งออกลดลง ธุรกิจในภาคการผลิตจึงมีความต้องการลงทุนในระดับที่ค่อนข้างต่ำ อย่างไรก็ตามประเทศไทยก็ยังสามารถอาศัยธุรกิจในภาคการท่องเที่ยวที่กำลังขยายตัวเข้ามาทดแทนได้ จึงทำให้เศรษฐกิจโดยภาพรวมไม่แย่จนเกินไปนัก
เศรษฐกิจและการเงินในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2559
ก้าวเข้าสู่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ผลวิเคราะห์ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในสภาวะทรงตัวจากเดือนก่อน การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐยังคงชะลอตัว ในขณะที่การใช้จ่ายภาคเอกชนก็ยังคงทรงตัวอยู่เท่าเดิม และผลกระทบจากการหดตัวของเศรษฐกิจจีนยังคงทำให้ภาคธุรกิจภาคเองชนยังคงชะลอการลงทุนอยู่เช่นเดิม ส่วนในภาคการท่องเที่ยวนั้นมีการขยายตัวขึ้นอย่างชัดเจน
จะเห็นว่าผลวิเคราะห์จากธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเรียกว่าพอจะเชื่อถือและอ้างอิงได้นั้น ปรากฏออกมาในลักษณะ ที่ไม่หวือหวาน่าประหลาดใจมากนักเสมือนอย่างที่นักวิเคราะห์จากบางสำนักให้คำอธิบาย ประเทศไทยไม่ได้กำลัง จะล่มสลายด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำอย่างถึงที่สุด ขณะเดียวกันก็ไม่ได้กำลังขยายตัวอย่างก้าวกระโดดเช่นที่หลายคนกล่าวไว้ เพียงเท่านี้จึงคงพอจะเป็นบทเรียนได้ในระดับหนึ่งว่าการทำความเข้าใจสถานการณ์ทางเศรษฐกิจนั้น นอกจากจะต้องติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่องแล้ว สิ่งสำคัญที่จะละเลยไม่ได้ก็คือการพิจารณาเช่นกันว่าแหล่งข่าว มีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด
คนชั้นกลางกับ ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ
แน่นอนว่าเมื่อกล่าวถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในเชิงมหภาคแล้ว สิ่งซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องกล่าวถึงตามมาก็คือ ผลกระทบในระดับจุลภาคหรือผลกระทบที่มีต่อตัวของแต่ละบุคคลนั่นเอง และอีกเช่นกัน ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองที่เต็มไปด้วยอคติและการแบ่งเป็นฝักฝ่ายเช่นทุกวันนี้ คงยากที่จะเชื่อถือได้ว่าผลวิเคราะห์ จากสำนักหรือบุคคลใดมีความเที่ยงตรงที่สุด และเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่ภายใต้สถานการณ์เดียวกัน บางคนกล่าวว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของตนนั้นดีขึ้น สามารถใช้จ่ายโดยไม่ฝืดเคือง ขณะที่บางคนกลับกล่าวว่าสถานการณ์ทางการเงินของตนนั้นย่ำแย่กว่าแต่ก่อนเป็นอย่างมาก
และเมื่อเป็นเช่นนั้น คำถามสำคัญที่เกิดขึ้นตามก็คือ “จะเชื่อถือใครได้มากที่สุด” โดยหากยึดเอาผลการวิเคราะห์สถานการณ์ทางเศรษฐกิจจากธนาคารแห่งประเทศไทยมาใช้ก็คงจะสรุปแบบเป็นกลางได้ว่าจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจดังกล่าว ไม่ส่งผลกระทบต่อคนชั้นกลางมากนัก ทั้งในแง่บวกและแง่ลบ เป็นสถานการณ์ที่ทรงตัว จะมีขึ้นลงบ้างก็เพียงเล็กน้อย แต่ทั้งนี้ก็เชื่อว่าเป็นผลวิเคราะห์ที่ไม่สอดรับกับความรู้สึกของใครหลายต่อหลายคนอยู่ดี จึงไม่อาจสรุปเป็นคำตอบที่หยุดนิ่งได้
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์วิกฤตทางด้านข้อมูลข่าวสารดังกล่าวก็พอที่จะมีทางออก โดยหากท่านเป็นบุคคลหนึ่งที่นิยามตนเองว่าเป็นคนในกลุ่มชนชั้นกลาง คำตอบต่อประเด็นที่กล่าวถึงผลกระทบนี้ก็คงจะไม่ใช่สิ่งที่ค้นหาได้ยากจนเกินไปนัก เพียงท่านลองสำรวจตนเองว่าทุกวันนี้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจหรือการเงินส่วนตัวของท่านมีสภาวะเป็นอย่างไร ท่านรู้สึกว่าสามารถใช้จ่ายได้อย่างคล่องตัวหรือฝืดเคืองลงเมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา คำตอบที่ท่านประจักษ์ขึ้นนั้นก็อาจนับได้ว่าเป็นความจริงชุดหนึ่งซึ่งท่านเข้าถึงมันได้ด้วยตนเอง