เด็กรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบันขาดความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้พวกเขาใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือย และพัฒนาถึงขั้นเป็นหนี้สินตั้งแต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เช่น ใช้เงินรายวันที่ผู้ปกครองจ่ายให้จนเกินพอดี พอเงินขาดมือ แต่เห็นสิ่งที่อยากได้ ก็หันมาขอหยิบยืมเพื่อนฝูงไปซื้อก่อน วันรุ่งขึ้นก็หักจากยอดเงินรายวันมาจ่ายคืนเพื่อน ส่งผลให้ยอดเงินรายวันที่ได้รับติดลบ และต้องหยิบยืมเพื่อนๆอยู่เสมอ วนลูปอยู่อย่างนี้จนติดเป็นนิสัยไปโดยไม่รู้ตัว
ดังนั้น คุณจึงควรปลูกฝังนิสัยทางการเงินที่ดีให้กับเขาตั้งแต่ตอนเด็กๆ เพื่อให้นิสัยเหล่านี้ติดตัวเขาไปจนถึงวันที่ที่เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ จะได้ไม่ประสบสภาวะล้มเหลวทางการเงินในอนาคต บทความนี้จะช่วยแนะนำวิธีสอน เศรษฐศาสตร์ยุคใหม่ การใช้เงินอย่างง่ายๆให้กับเด็กๆในปกครองของคุณเองซึ่งไม่ยากและเด็กๆ ก็ทำตามได้ง่ายเลยล่ะ
-
การใช้ชีวิตประจำวัน คือต้นแบบที่ดี
หรือสรุปง่ายๆก็คือ คุณคือต้นแบบที่ดีของเขานั่นเองค่ะ เพราะเด็กๆจะมองผู้สอนเป็นแบบอย่าง และมีพฤติกรรมเลียนแบบ เนื่องจากคิดเอาเองว่าทุกสิ่งที่พวกเขาเห็นจากการกระทำของคุณนั้น คือสิ่งที่ถูกต้องและควรทำตามเป็นที่สุด
ดังนั้น หากปัจจุบันคุณยังใช้บัตรเครดิตแบบไม่ยั้งคิด ซื้อของฟุ่มเฟือยตามที่คุณอยากได้ และแสดงพฤติกรรมให้เขาเห็นว่าทุกอย่างได้มาง่าย เพียงแค่เป็นหนี้บัตรเครดิตก็มีวงเงินให้ใช้จ่ายอย่างอิสระเสรี โดยไม่ต้องเหนื่อยทำงานแลกเงินหรือทนเก็บออมอีกต่อไปแล้ว ก็ควรรีบปรับเปลี่ยนโดยด่วน เพราะแทนที่จะทำให้เขารู้ค่าของเงิน แต่จะกลายเป็นทำให้เขาใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยและมองการใช้เงินเป็นเรื่องสนุกแทนนั่นเอง
ซึ่งคุณสามารถเป็นแบบอย่างได้ง่ายๆ โดยลองปรับการใช้ชีวิตประจำวันลงดูบ้าง จากที่เคยทานข้าวนอกบ้านเป็นประจำ ก็ควรลดความถี่ลง พาเขาทำกับข้าวทานเองที่บ้านบ้าง เพื่อสอนเรื่องความประหยัดอดออมในทางอ้อม ซึ่งนิสัยนี้แหละที่จะติดตัวเขาไปจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เขาจะสามารถเอาตัวรอดในสังคมได้อย่างสวยงามโดยที่คุณไม่ต้องเป็นห่วงอีกต่อไป
-
สอนให้เขารู้ ว่าไม่มีอะไรที่ได้มาโดยง่าย
อย่าให้อะไรเขาง่ายนัก เพราะจะทำให้เขารู้สึกว่าความอดทนและความพยายามไม่ใช่สิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต เพราะทันทีที่เขาเอ่ยปากว่าต้องการหรืออยากได้อะไรสักอย่าง คุณก็พร้อมที่จะประเคนให้เขาในทันที ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว อนาคตทางการเงินของเขาก็จะมืดมน และยากที่จะเอาตัวรอดในสังคมยุคใหม่ได้
คุณควรตั้งเงื่อนไขเพื่อให้เขารู้จักใช้ความอดทน และความพยายามด้วยตัวเขาเอง เช่น ให้เขาช่วยทำงานบ้านสักหนึ่งสัปดาห์ แล้วให้ของสิ่งนั้นเป็นรางวัลแก่เขา หรือแนะนำให้เขาออมเงินเพิ่มจากเดิมเพื่อซื้อของชิ้นนั้น กรณีนี้คุณสามารถสมทบทุนช่วยได้หากของชิ้นนั้นมีราคาสูงจนเขาอาจเก็บเงินได้ไม่ทันเวลา แต่ต้องตั้งเป้าหมายให้เขาด้วยนะ เช่น คุณจะออกเงินให้ครึ่งหนึ่ง เขาก็ต้องออมเงินให้ได้ครึ่งหนึ่งของราคาสินค้านั้นๆด้วยเช่นกัน ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เขารู้ว่าการจะได้อะไรมาสักอย่างนั้นไม่ได้ง่ายเลย และเขาจะต้องพยายามให้ได้สิ่งนั้นมาด้วยตัวเขาเองด้วย
-
สอนให้เขารู้จักค่าของเงิน
ด้วยการพาเขาไปซื้อของ หรือทานอะไรนอกบ้านบ้าง แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องทานให้หมดเป็นอย่างๆไป ไม่ใช่เห็นอะไรแปลกตา หรือสินค้าตามกระแสก็เอ่ยปากอยากกินหรืออยากได้ไปเสียหมด คุณควรสอนเขาด้วยการให้เหตุผลสั้นๆแต่มีใจความกระชับ และต้องเป็นเรื่องที่เขาอยากฟัง เช่น ของสิ่งนี้ไม่จำเป็นเลย สู้ชิ้นนั้นที่หนูอยากได้ก็ไม่ได้ แต่ถ้าหนูอยากได้ชิ้นนี้ ก็ควรเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นต้น เพื่อเป็นการสอนให้เขาตัดสินใจ และปล่อยวางได้ตั้งแต่วัยเด็ก
หรือคุณอาจพาเขาไปเลือกซื้อสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ต คุณก็สามารถสอนเขาได้เช่นกัน ด้วยการให้เขาช่วยเลือกสินค้าที่เขาคิดว่าคุ้มค่า คุ้มราคาที่สุด โดยคุณต้องอธิบายคุณสมบัติต่างๆให้เขาฟังโดยละเอียด ก่อนให้เขาช่วยตัดสินใจเสมอ
อ่านเพิ่มเติม : > สอนลูกให้ฉลาด รู้ค่าของเงิน <
-
สอนให้เขาเก็บออมจนเป็นกิจวัตร
การเก็บออมถือเป็นหัวใจสำคัญของหลักเศรษฐศาสตร์ เพราะถือเป็นรากฐานของอนาคตทางการเงินที่ดี คุณควรสอนให้เขาเริ่มจากการเก็บเงินรายวันกลับมาหยอดกระปุก แล้วรวบรวมไปฝากธนาคาร โดยพาเขาไปด้วยทุกครั้ง หลังจากนั้นค่อยพัฒนามาเป็นการออมเงิน หรือการหารายได้พิเศษเพื่อการออมต่อไปตามความเหมาะสม
เห็นไหมคะว่าการสอนเด็กสักคนให้รู้เรื่อง เศรษฐศาสตร์ยุคใหม่ นั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย ขอเพียงคุณมีความตั้งใจ และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเขา เพียงเท่านี้ เขาก็พร้อมจะเติบโตเป็นคนมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จด้านการเงินได้ในอนาคต
แค่ 4 ข้อนี้ ก็จะทำให้ลูกรักของคุณรู้คุณค่าของเงินและบริหารจัดการการใช้จ่ายเงินได้ง่ายขึ้นแล้ว แถมยังจะทำให้อนาคตของเขาเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ใช้เงินเป็น และประสบความสำเร็จทางด้านการเงินได้อย่างง่ายดายเลยล่ะ แถมคุณเองก็ยังจะได้ความภาคภูมิใจจากการเลี้ยงดูเขาอย่างถูกวิธี อีกด้วยนะ