Financial Freedom หรือ อิสรภาพทางการเงิน เชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยได้ยินกันมาบ้าง แต่เราจะทำอย่างไร ถึงจะสร้างอิสระทางการเงินได้ เพราะบางคนมีเงินแต่ไม่รู้วิธี แต่บางคนรู้วิธีกลับแต่ไม่มีเงิน ส่วนบางคนที่กำลังสร้างอยู่กลับเจอปัญหาระหว่างทาง หลากหลายปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นได้เสมอ
พอล ภัทรพล ศิลปาจารย์กับบทบาทอาชีพนักเขียน
พอล ภัทรพล ศิลปาจารย์ หนึ่งในผู้ที่ลองผิดลองถูกเกี่ยวกับอิสรภาพทางการเงิน Financial Freedom แต่ในปัจจุบันเขากลายเป็นผู้ประสบความสำเร็จ และเกษียณตัวเองได้เร็วกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ดาราหนุ่มผู้คว่ำหวอดแวดโลดแล่นในวงบันเทิงอย่าง “พอล ภัทรพล ศิลปาจารย์” ที่หลายๆ คนอาจจะเห็นภาพเบื้องหน้าของเขาที่เป็นดารา พิธีกร หรือนักร้อง แลละล่าสุดยังเป็นนักเขียน ที่เป็นอีกบทบาทหนึ่งที่ผู้ชายคนนี้ได้พลิกผันชีวิตตัวเองมาจับปากกา เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวผ่านหนังสือ “เหนื่อยชั่วคราว สบายชั่วโคตร” แค่เห็นชื่อหนังสือก็ทำให้อยากจะติดตามแล้วว่า สิ่งใดที่จะทำให้สบายได้ยาวนานขนาดนั้น
หลักการวางแผนการลงทุนเพื่อให้ตัวเองเกษียณเร็วขึ้น
หลายคนที่อยากจะเกษียณตัวเองเร็วๆ นั่นเพราะต้องการสบายหลังจากที่เก็บเงินมานาน ซึ่งส่วนใหญ่คนที่ทำงานมานานและเก็บเงินไปด้วย เมื่อเกษียณก็อยากจะใช้บั้นปลายชีวิตให้มีความสุขกับเงินที่หามาได้และใช้จ่ายโดยที่ตัวเองไม่เดือดร้อน ซึ่งดาราหนุ่มเองก็เผยออกมาว่า อยากเกษียณเร็วตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งก็เหมือนคนทั่วๆ เพราะหากต้องการเกษียณเร็วก็ต้องมีเงินเก็บให้มากและจะต้องมีเงินก้อนให้ให้เยอะที่สุด ทำให้เขาค่อนข้างทำงานอย่างหนักในช่วงก่อนหน้านี้ โดยงานในวงการบันเทิงก็เป็นงานอย่างหนึ่งที่เขาได้ทำมาตลอด และมีงานอย่างต่อเนื่อง และพอลเองก็สนุกกับงานที่ทำ แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งด้วยอายุที่เริ่มมากขึ้น นักแสดงใหม่ๆเยอะขึ้น ทำให้เขาต้องมองหาอะไรที่มั่นคงและรายได้ดี แต่ความต้องการที่อยากจะเกษียณเร็วยังอยู่ นั่นก็หมายความว่าเขาจะต้องทำอะไรเพื่อให้มีรายได้มากกว่านี้ หลังจากนั้นพอลก็ออกมาทำธุรกิจส่วนตัวแต่ก็ยังรับทำรายการทีวีควบคู่ไปด้วย โดยมีการวางแผนการเงินซึ่งระหว่างทางก็มีการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ และเข้าหุ้นกับเพื่อนทำบริษัทยา
เป้าหมายการเกษียณตั้งเป้าที่อายุ 45 ต้องมีเงินเก็บ10-50 ล้าน
เมื่อก่อนพอล มีเป้าหมายที่จะเกษียณตอนอายุ 45 แต่เมื่อมีโอกาสคุยกับนักวางแผนทางการเงิน ซึ่งในช่วงนั้นเขาเพิ่งจะก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงใหม่ๆ ทำให้มีความจำเป็นต้องหาผู้ช่วยเข้ามาดูแลจัดการเรื่องภาษีและการลงทุน ซึ่งตอนเขาเองก็ยังไม่รู้วิธีการว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้คัวเองมีเงินเก็บเร็วๆ และเกษียณเร็ว และเมื่อนักวางแผนทางการเงินก็ถามนักแสดงหนุ่มว่า อยากมีเงินใช้เท่าไรหลังเกษียณ และอยากมีลูกกี่คน อยากให้ลูกเรียนต่างประเทศ หรือในประเทศ และอยากมีไลฟ์สไตล์แบบไหน ซึ่งเขาบอกว่าไม่คิดว่าจะถามระเอียดมาก แต่ทุกอย่างกลับเป็นขั้นตอนและกลายเป็นเรื่องจริง ทำให้เขาคิดว่า เรื่องเหล่านี้ ไม่เคยคิดเลย แต่สุดท้ายคำถามที่โดนที่สุดคือ จะตายเมื่อไร ทำให้เขาแทบสะอึก
และคิดได้ว่าความจริงแล้วมันไม่ได้สำคัญว่าจะมีเงินเท่าไร แต่สำคัญว่าจะมีชีวิตอยู่ยาวเท่าไร ซึ่งเขาเองก็ตอบไปว่าขอสักแค่อายุ 80 ละกัน เพราะจากที่ตั้งโจทย์ไว้คือการเกษียณที่ 45 ปี ซึ่งนักวางแผนทางการเงิน ดีดตัวเลขออกมากลายเป็นว่าเขาจะต้องมีเงินเก็บทั้งหมดประมาณ 300 ล้าน ณ ตอนนั้นเขาคิดว่า สัก 10-50 ล้านก็น่าจะพอ
มุ่งมั่นปั๊มเงินล้านเพื่อชีวิตสบายหลังเกษียณ
หลังจากนั้นเขาก็พยายามทำเงินให้มากโดยเฉพาะจากรายได้ที่ได้มาจากการทำงานฯลฯ แต่ใช้ให้น้อยลง เพื่อต้องการมีเงินก้อนสำหรับไว้ใช้ยามเกษียณที่อายุ 45 ปี เพราะเขาเองก็คิดอยู่เสมอว่าคนเราเกิดมาเพื่อใช้ชีวิตให้สบาย หลังจากที่ทำงานมานาน อย่างการท่องเที่ยว และทำสิ่งที่รักและชอบ ไปทำอะไรให้กับสังคม แต่ต้องมีเงิน ซึ่งเขาก็ทำตัวให้อยู่ในโหมดนี้มาตลอดคือ หาเงินให้เยอะใช้ให้น้อย
จุดเปลี่ยนของชีวิตและอิสรภาพทางการเงิน
แต่จุดเปลี่ยนของเขาก็คือ หนทางที่จะเกษียณได้เร็วขึ้นจะต้องมาจากเงินไหลไม่ใช่เงินเก็บ คือเป็นเงินไหลเข้ามาในลักษณะนี้ตลอดชีวิตโดยที่เขาเองก็ไม่ต้องทำอีก จึงเรียกว่าอิสรภาพทางการเงิน ทำให้เขามีเวลาและได้ใช้เงินในช่วงเวลาที่ยังแข็งแรง เขาบอกว่าทุกคนมีจุดประสงค์และการใช้จ่ายหลังการเกษียณไม่เหมือนกัน แต่ทั้งหมดก็ต้องไม่ลืมเงินที่ได้รับหลังเกษียณจะต้องเป็นเงินไหล เพราะหากมีเงินก้อน อาจจะไม่มีวันเกษียณได้แม้จะบอกว่าตั้งเป้าหลังเกษียณคือ อายุ 45 ถึงแม้ช่วงนั้นจะมีเงินเก็บเงินก้อนจริง แต่หากหยุดทำงาน จริงๆ เมื่ออายุ 60 เงินที่เก็บได้ก็คงจะพร่องไปและทำให้เกิดความไม่อุ่นใจ ทำให้เขาอาจจะต้องลุกขึ้นมาทำใหม่ในตอนแก่อีก
แต่ ณ วันนี้ เขาบอกได้เลยว่าเกษียณแล้ว เพราะมี อิสรภาพทางการเงิน แล้ว มีความสุขมีเวลาว่างให้กับคนในครอบครัว และได้ท่องเที่ยว ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก และไม่ลืมที่จะให้อะไรกลับคืนสังคมด้วย ปัจจุบันนอกจากเขาจะมีเงินไหลเข้ามาแล้ว เขาก็ไม่ลืมที่จะแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับสังคม ด้วยการับอุปการะและให้ทุนการศึกษาเด็กมาเรื่อยๆ เพราะเขามองว่าการให้การศึกษาเด็กๆนั้นมีประโยชน์ ตอนนี้มีการดูแลอยู่ประมาณ 15-20 คน สิ่งที่เขาไม่ลืมบอกคือ การที่เป็นคนมีบุญนั้นก็คือ มีเงินใช้อย่างไร้กังวล มีเวลาได้ใช้เงิน ได้ใช้ตอนที่ยังมีร่างกายแข็งแรง และได้อยู่กับคนที่รัก ซึ่งตอนนี้เขาเองก็เป็นเช่นนั้น