วันนี้เราจะได้ยินคำว่า Fin Tech กันบ่อยมาก และธนาคารใหญ่ของเมืองไทยก็มีนโยบายสนับสนุนเรื่องฟินเทคกันด้วย ไม่ว่าจะเป็นธนาคารกสิกรไทยก็เปิดตัวบริษัทลูกขึ้นมาเพื่อรองรับการพัฒนาด้านเทคโนโลยีโดยเฉพาะ คือ Kasikorn Technology – Business Group ส่วนธนาคารไทยพาณิชย์ก็ตั้งบริษัทย่อยขึ้นมาใหม่ คือ ดิจิตัล เวนเจอร์ เพื่อมารองรับการลงทุนในธุรกิจที่มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ทางด้านการเงิน ซึ่งจะให้ความช่วยเหลือในธุรกิจเหล่านั้นตั้งแต่ขั้นตอนการค้นคว้าและการทดลองก่อนที่จะออกมาเป็นผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีทางเงินกันเลยทีเดียว
แต่ก่อนที่เราจะไปไหนไกลกว่านี้ เรามารู้จักกันก่อนดีกว่าว่าฟินเทคหรือ Fin Tech คืออะไร
Fin Tech มาจากคำว่า Financial Technology และแปลได้แบบตรงตัวก็คือ เทคโนโลยีในการทำธุรกรรมทางการเงิน ให้แตกต่างออกไปจากการทำธุรกรรมแบบเก่า ไม่ว่าจะเป็นการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ การโอนเงิน การกู้ยืมเงิน การระดมทุน และการจัดการทรัพย์สิน ที่อาศัยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศหรือ IT ตลอดจนการพัฒนาแอพพลิเคชั่นต่างบนสมาร์ทโฟนที่มีอยู่ในยุคปัจจุบัน
หรือในอีกด้านหนึ่ง ฟินเทคยังถูกนำไปเปรียบเทียบว่าเป็นเหมือนศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยการนำความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลางที่จะนำมาคิดค้นผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ออกสู่ตลาด ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ Traditional Fintech ที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่ทำหน้าที่ให้การสนับสนุนทางการเงิน และ Emergent Fintech จะเป็นองค์กรขนาดเล็กที่จะเป็นผู้นำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาสร้างนวัตกรรมการให้บริการทางด้านการเงิน
และสิ่งที่ทำให้ FinTech เป็นที่น่าสนใจสำหรับวงการธนาคารของเมื่องไทยก็น่าจะเป็นจุดเด่นของฟินเทค ที่มีการสร้างมูลค่าให้กับตัวผลิตภัณฑ์ด้วยรูปแบบที่มีสามารถใช้งานได้ง่าย มีความสะดวกและรวดเร็ว มีต้นทุนหรือค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าการทำธุรกรรมทางการเงินในปัจจุบัน อีกทั้งยังถือได้ว่ามีความปลอดภัยในการทำธุรกรรมเพิ่มเข้ามาอีกด้วย โดยฟินเทคนี้จะแบ่งการพัฒนาออกเป็น 8 กลุ่ม คือ
- การให้ความรู้และส่งเสิรมทางด้านการเงินให้กับผู้บริโภค
เพราะว่าหลายๆ ที่เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจและมีผลกระทบไปทั่วโลกนั้นก็มักจะเกิดจากการใช้เงินไปโดยไม่มีความรู้ ใช้เงินไปโดยไม่ถูกต้อง ดังนั้นการพัฒนาฟินเทคในกลุ่มนี้จะเป็นตัวช่วยให้ผู้บริโภคทางการเงินอย่างเราๆ มีความรู้ความเข้าใจเรื่องการเงินของตัวเองมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคสามารถประเมินความสามารถทางด้านการเงินของตัวเองได้ สามารถที่จะวางแผนทางการเงินในเรื่องต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลงทุน การกู้ยืมเงิน เป็นต้น ซึ่งพอจะมีการพัฒนาขึ้นมาใช้งานบ้างแล้ว เช่น Planwise และ Nerdwallet
- การให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎระเบียบ
อย่างที่เรารู้ๆ กันว่าการทำธุรกรรมทางการเงินนั้นมีกฎระเบียบและข้อบังคับทางกฎหมายมากมาย ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งถือได้ว่าการควบคุมให้การทำธุรกรรมต่างๆ เป็นไปตามกฎระเบียบนั้นเป็นเรื่องที่หนักพอสมควรกับสถาบันการเงินต่างๆ ดังนั้นการพัฒนาฟินเทคที่เกี่ยวข้องกับส่วนนี้ก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายอยู่ไม่น้อยสำหรับนักพัฒนาในกลุ่มนี้ ที่ปัจจุบันก็มีเพียงบริษัท Truelioo ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาซอฟท์แวร์เพื่อมาตอบสนองงานทางด้านนี้อยู่
- การซื้อของออนไลน์ที่ปัจจุบันนี้กันอย่างแพร่หลาย
ดังนั้นสิ่งที่ลูกค้าต้องการ คือ ความมั่นใจในระบบรักษาความปลอดภัยและความรวดเร็วในการใช้บริการซื้อผ่านออนไลน์ ที่มีผู้พัฒนาฟินเทคในกลุ่มนี้ ได้แก่ บริษัท Stripe WePay และ Flint ที่จะพัฒนาระบบการซื้อของออนไลน์ให้มีความปลอดภัยและรวดเร็วมายิ่งขึ้น
- การเพิ่มทางเลือกในการจ่ายเงิน
จะเป็นการเปลี่ยนรูปแบบในการจ่ายเงินจากที่ต้องใช้เงินสด การใช้บัตรเครดิต ก็จะมาทำผ่านตัวกลางทางด้านการเงินผ่านระบบกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่เรารู้จักกันดีอย่าง PayPal หรือจะเป็นระบบรับชำระเงินหน้าใหม่อย่าง Bitcoin เป็นต้น
- การพัฒนาช่องทางการกู้ยืมเงินในรูปแบบใหม่
ที่อาจจะทำให้เราไม่ต้องไปติดต่อกับธนาคารโดยตรงอีกต่อไป ที่เราจะเห็นได้จากปัจจุบันมีการพัฒนาออกมาเป็นรูปแบบของ Crowndfunding ที่มีการขอระดมทุนจากคนทั่วไปเพื่อนำมาลงทุนพัฒนางานขึ้นมา
- การติดตามและเรียกเก็บเงิน
จะเป็นฟินเทคที่พัฒนาขึ้นมาโดยทำตัวเป็นตัวกลางในการติดตามเรียกเก็บเงินให้บธุรกิจขนาดเล็กที่เกิดใหม่ทั้งหลาย เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายในเรื่องการติดตามเรียกเก็บค่าสินค้าและบริการ
- การคุ้มครองภัยจากการขโมยทรัพย์สิน
โดยฟินเทคกลุ่มนี้เน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยที่เกิดขึ้นระหว่างการทำธุรกรรมทางการเงิน และฟินเทคกลุ่มสุดท้ายคือ กลุ่มการลงทุนที่ผู้พัฒนา ฟินเทคทางด้านการลงทุนนั้นได้จะพัฒนารูปแบบการให้บริการด้านการลงทุนสำหรับลูกค้ารายย่อยมากขึ้น และจะมีค่าธรรมเนียมที่เกิดจากการลงทุนให้น้อยกว่าสถาบันการเงินในปัจจุบัน
จะเห็นได้ว่าฟินเทคจะเข้ามาทำให้การทำธุรกรรมในอนาคตเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย ที่ทำให้บางครั้งการพกเงินสดหรือแม้แต่บัตรเครดิตอาจจะไม่จำเป็นอีกต่อไป หรืออาจจะมีทางเลือกใหม่ทางด้านการเงินเพื่อมาตอบสนองกับการใช้ชิวิตที่เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบันก็เป็นได้