ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นปัญหาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยมาช้านาน ทุกรัฐบาลพยายามที่จะแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเพื่อช่วยบรรเทาภาระของประชาชน เพราะทุกฝ่ายทราบดีว่าหนี้นอกระบบไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจให้กับประชาชนได้อย่างแท้จริง ตรงกันข้ามกลับทำให้ปัญหาต่าง ๆ ยิ่งรุนแรงมากขึ้นไปอีก ทั้งเรื่องความไม่เป็นมาตรฐานและไม่เป็นธรรมในการปล่อยกู้ ดอกเบี้ยที่ถือว่าแพงแบบมหาโหด แถมหากไม่มีเงินไปชำระหนี้คืนตามกำหนดก็มีสิทธิ์โดนทวงหนี้ในรูปแบบต่าง ๆ ที่เราเองก็คาดไม่ถึงด้วย
ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ออกมาตรการมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้น้อยในสังคม เพื่อให้ไม่ต้องหันหน้าไปพึ่งหนี้นอกระบบด้วยการออกสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ที่มีวัตถุประสงค์ในการปล่อยกู้ให้กับผู้ที่มีรายได้น้อยและไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้อื่น ๆ ของธนาคารหรือสถาบันการเงินได้ เน้นให้กู้กับคนที่มีอาชีพอิสระมีรายได้ที่ไม่แน่นอน รวมถึงผู้ทำงานประจำที่มีรายได้ไม่ถึง 15,000 บาท ด้วย สำหรับสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์นี้ ผู้กู้ต้องนำเงินกู้ไปใช้ในการประกอบอาชีพหรือประกอบกิจการ เพื่อให้มีรายได้และสามารถใช้คืนหนี้นอกระบบได้ วงเงินกู้นาโนไฟแนนซ์นี้ให้กู้ได้สูงสุดรายละไม่เกิน 200,000 บาท ส่วนอัตราดอกเบี้ยก็คิดสูงสุดที่ไม่เกิน 36% ต่อปี
เมื่อมาตรการสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ออกมาได้สักพัก หลายฝ่ายก็มีการประเมินและทราบถึงสถานการณ์ว่าสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาของหนี้นอกระบบได้จริง แม้เป้าหมายของสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์จะเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้น้อยที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนอื่น ๆ ได้ แต่พอเอาเข้าจริง ๆ แล้ว ประชาชนก็ยังไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ได้อยู่ดี เนื่องจากขั้นตอนในการขอสินเชื่อก็ยังต้องมีการยื่นเอกสารหลักฐานแสดงรายได้ เหมือนกับการสมัครสินเชื่อประเภทอื่นอยู่ดีและการกู้เงินจากสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ก็ไม่ใช่สินเชื่ออเนกประสงค์ที่จะนำเงินไปใช้ทำอะไรก็ได้ แต่เป็นสินเชื่อที่ผู้กู้จะต้องกู้เพื่อไปลงทุนหรือค้าขายเท่านั้น การพยายามทำให้หนี้นอกระบบกลับเข้ามาในระบบโดยผ่านสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ของรัฐบาลจึงยังดูไม่ค่อยน่าจะมีทางสำเร็จได้ง่ายนัก
รัฐบาลทราบในเรื่องนี้ดีจึงให้ธนาคารออมสินไปคิดหาสินเชื่อตัวใหม่ที่จะสามารถอนุมัติให้ได้ง่ายและไม่มีขั้นตอนยุ่งยากเหมือนกับนาโนไฟแนนซ์ เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งของแหล่งเงินกู้ของประชาชนที่มีรายได้น้อยจะได้ไม่ต้องไปกู้หนี้นอกระบบ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2559 ผลการประชุมของคณะรัฐมนตรีก็ได้มีมติออกมาแล้ว ถึงมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยตามแนวทางประชารัฐ เน้นให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ง่ายขึ้นเพื่อลดปัญหาหนี้นอกระบบอย่างที่ตั้งใจตั้งแต่ต้น จึงได้มีมาตรการให้ความช่วยเหลือออกมาทั้งหมด 3 มาตรการด้วยกัน ดังนี้
มาตรการสินเชื่อประชารัฐเพื่อประชาชน
- คุณสมบัติ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ พ่อค้า แม่ค้า มอเตอร์ไซด์รับจ้าง คนขับรถสาธารณะ กลุ่มรัฐวิสาหกิจชุมชน ฯลฯ ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป และไม่เกิน 65 ปี หลังจากรวมระยะเวลาที่ชำระหนี้แล้วมีที่อยู่อาศัยถาวรที่สามารถติดต่อได้ สามารถยื่นขอสินเชื่อได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2559 นี้
- วงเงินที่ให้กู้จะดูตามความจำเป็นในแต่ละรายสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท แต่มีเงื่อนไขว่าหากผู้กู้มีหนี้เดิมตามโครงการธนาคารประชาชนทุกประเภท เมื่อรวมกับเงินกู้ในครั้งนี้แล้วยอดหนี้จะต้องไม่เกิน 200,000 บาทต่อราย ระยะเวลาที่กู้ให้ที่ 5 ปี โดยคืนเป็นรายเดือน 60 งวด
- อัตราดอกเบี้ยปีแรกไม่คิดดอกเบี้ย ปีที่ 2-5 คิดที่ร้อยละ 1 ต่อเดือน ต้องมีหลักประกันเงินกู้โดยใช้บุคคล หลักทรัพย์หรือค้ำประกันโดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม
มาตรการพักชำระเงินต้นของธนาคารออมสิน
มาตรการนี้เป็นมาตรการของธนาคารออมสินที่ออกมาเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ของธนาคารที่ประสบภาวะเศรษฐกิจหรือภาวะจากภัยธรรมชาติทำให้มีปัญหาในการชำระหนี้คืน โดยที่ธนาคารออมสินไม่ได้ขอรับเงินชดเชยจากรัฐบาลในส่วนนี้ด้วย มาตรการนี้จึงไม่ต้องใช้งบประมาณของรัฐบาลแต่อย่างใด ธนาคารออมสินก็จะมีมาตรการในการให้ความช่วยเหลือในเรื่องนี้เป็น 2 มาตรการด้วยกัน คือ
- การพักชำระเงินต้น จ่ายเฉพาะดอกเบี้ยเป็นเวลานานสูงสุดได้ถึง 3 ปี
- ขยายเพิ่มเวลาชำระหนี้ออกไปได้เท่ากับระยะเวลาที่พักชำระเงินต้นหรือขยายเพิ่มเวลาชำระหนี้ออกไปเป็น 2 เท่าของระยะเวลาที่เหลืออยู่ตามสัญญาเงินกู้ โดยการขยายระยะเวลานี้ให้ได้สูงสุดไม่เกิน 20 ปี
สำหรับผู้ที่ต้องการพักชำระหนี้หรือขยายเวลาในการชำระหนี้ออกไป สามารถติดต่อที่ธนาคารออมสินได้ ภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2559 นี้
มาตรการให้ความรู้ทางการเงินกับประชาชน
มาตรการนี้รัฐบาลออกมาเพื่อให้ความรู้กับประชาชนทั่วไปในเรื่องของการประกอบอาชีพเพื่อหารายได้ รวมถึงความรู้ในเรื่องการเงินเกี่ยวกับการบริหารจัดการเงิน การจัดการเรื่องหนี้ ความสำคัญของการออม โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นประชาชนในเมืองที่มีอาชีพอิสระเป็นผู้ประกอบการรายย่อยหรือผู้ที่สนใจ จำนวน 150,000 ครอบครัว ครอบครัวละ 1 คน โดยโครงการนี้จะกระจายทำในพื้นที่ทั่วประเทศ ระยะเวลาในการทำโครงการนี้จะเป็นช่วงเดือนกรกฎาคม – ธันวาคม 2559 งบประมาณรวม 163 ล้านบาท รัฐบาลสนับสนุน 150 ล้านบาท ที่เหลือเป็นงบของธนาคารออมสินอีก 13 ล้านบาท
นี่น่าจะเป็นอีกทางเลือกของประชาชนที่มีรายได้น้อยในการได้เงินกู้เพื่อนำมาประกอบอาชีพหรือแก้ปัญหาการเงินภายในครอบครัวให้ผ่านพ้นไปได้ หรือผู้ที่มีหนี้กับธนาคารออมสินอยู่แล้วก็สามารถทำเรื่องเพื่อขอพักชำระหนี้ได้ เราทุกคนต่างก็หวังว่ามาตรการดี ๆ แบบนี้จะเป็นอีกมาตรการหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาหรือแก้ปัญหาหนี้นอกระบบให้ลดน้อยลงได้จริง ๆ
ขอบคุณข้อมูลส่วนหนึ่งจาก http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1470137762