เงินเดือนขึ้นเท่าไหร่ ถึงจะอยู่รอดใน สังคมเงินเฟ้อ
ปัญหาทางเศรษฐกิจ และภาวะเงินเฟ้อที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นทั่วโลก ส่งผลให้ค่าครองชีพสูงขึ้น เงินที่มีในกระเป๋าก็ซื้อของได้น้อยลง วางแผนการเงินได้ยากขึ้น ลำบากต้องหาเงินก้อนมาหมุน หลายคนจึงกังวลว่าหากเงินเดือนไม่ขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ จะอยู่รอดได้อย่างไร? ต้องมีเงินเดือนขึ้นเท่าไหร่ ถึงจะอยู่รอดใน สังคมเงินเฟ้อ ได้อย่างสบายใจ และเพื่อให้มนุษย์เงินเดือนสามารถรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ และเตรียมตัวเพิ่มทักษะ เงินเดือน สามารถดูข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อในไทย และแนวทางในการรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ ในบทความนี้กัน
เงินเฟ้อ (Inflation) คืออะไร?
เงินเฟ้อ หรือ Inflation เป็นสถานะที่ราคาของสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นตามเวลา ทำให้มูลค่าของเงินลดลง เราจึงต้องใช้จำนวนเงินมากขึ้นเพื่อซื้อสินค้าและบริการเดิมที่เป็นไปได้ นอกจากนี้ เงินเฟ้อสามารถเกิดจากตัวปัญหาภายนอกหรือปัญหาภายใน ตัวอย่างของปัญหาภายนอกได้แก่ การเพิ่มราคาของวัตถุดิบ หรือต้นทุนพลังงานที่มีราคาสูงขึ้น เป็นต้น
สาเหตุการเกิดภาวะเงินเฟ้อ ?
หลังจากที่เรารู้กันแล้วว่า ภาวะเงินเฟ้อ (Inflation) คืออะไร? ทีนี้เรามาดูสาเหตุของการเกิดภาวะเงินเฟ้อกันบ้าง โดยสาเหตุของการเกิดภาวะเงินเฟ้อ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
- ความต้องการสินค้า และบริการเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณสินค้า และบริการมีจำกัด
สาเหตุประเภทนี้ เกิดจากความต้องการสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณสินค้าและบริการมีจำกัด ส่งผลให้ผู้ผลิตปรับราคาสินค้าและบริการให้สูงขึ้น เพื่อให้สามารถรักษากำไรไว้ได้ สาเหตุประเภทนี้ มักเกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น การท่องเที่ยว การลงทุน เป็นต้น
ตัวอย่าง :
- ในช่วงเทศกาลท่องเที่ยว ความต้องการสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก อาหาร เพิ่มขึ้น แต่ปริมาณสินค้าและบริการมีจำกัด ส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการเหล่านี้สูงขึ้น
- ในช่วงที่เศรษฐกิจขยายตัว การลงทุนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความต้องการสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน เช่น เครื่องจักร วัตถุดิบ แรงงาน เพิ่มขึ้น แต่ปริมาณสินค้าและบริการมีจำกัด ส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการเหล่านี้สูงขึ้น
- ต้นทุนการผลิตสินค้า และบริการเพิ่มขึ้น
สาเหตุประเภทนี้ เกิดจากต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น เช่น ต้นทุนแรงงาน ต้นทุนพลังงาน ต้นทุนวัตถุดิบ เป็นต้น ส่งผลให้ผู้ผลิตปรับราคาสินค้าและบริการให้สูงขึ้น เพื่อรักษากำไรไว้ได้ สาเหตุประเภทนี้ มักเกิดจากปัจจัยภายใน เช่น นโยบายภาครัฐ สภาพอากาศ เป็นต้น
ตัวอย่าง :
- เมื่อรัฐบาลขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ต้นทุนแรงงานก็จะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้ผลิตปรับราคาสินค้าและบริการให้สูงขึ้น
- เกิดภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ภัยแล้ง ต้นทุนวัตถุดิบก็จะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้ผลิตปรับราคาสินค้าและบริการให้สูงขึ้นตามมา
- การอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากเกินไป การขาดแคลนสินค้าหรือบริการ นโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลาย เป็นต้น
ข้อเสียของภาวะเงินเฟ้อ
เงินเฟ้อเป็นภาวะที่ระดับราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไปในประเทศสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าเงินลดลง และประชาชนมีอำนาจซื้อลดลง เงินเฟ้อจึงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในหลายด้าน และก่อให้เกิดข้อเสียหลายประการ ดังนี้
- ทำให้ค่าเงินลดลง : เงินจำนวนเท่าเดิมสามารถซื้อของได้น้อยลง ส่งผลให้ประชาชนต้องใช้จ่ายเงินมากขึ้นเพื่อซื้อสินค้าและบริการในปริมาณเท่าเดิม เช่น หากอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 5% เงิน 100 บาท จะสามารถซื้อของได้เท่ากับของที่ราคา 95 บาท
- ทำให้ประชาชนมีอำนาจซื้อลดลง : ประชาชนสามารถซื้อสินค้าและบริการได้น้อยลง ส่งผลให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ลดลง เช่น หากอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 5% ประชาชนที่มีรายได้ 30,000 บาท จะสามารถซื้อสินค้าและบริการได้น้อยกว่าเมื่อก่อน 5% หรือเท่ากับ 28,500 บาท
- ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว : ประชาชนมีรายได้น้อยลง จึงใช้จ่ายน้อยลง ส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตช้าลง เช่น หากอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 5% ประชาชนจะมีรายได้น้อยลง 5% จึงใช้จ่ายน้อยลง 5% ส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตช้าลง 5%
- ทำให้หนี้สินเพิ่มขึ้น : เงินที่ชำระหนี้สินมีค่าน้อยลง ส่งผลให้ภาระหนี้สินของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น เช่น หากอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 5% หนี้สิน 100,000 บาท จะมีค่าเท่ากับหนี้สิน 95,000 บาท
- ทำให้การลงทุนลดลง : อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนลดลง ส่งผลให้ผู้ลงทุนลังเลที่จะลงทุน เช่น หากอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 5% อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน 10% จะมีค่าเท่ากับอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน 9.5%
- ทำให้ความไม่เท่าเทียมกันทางรายได้เพิ่มขึ้น : ผู้ที่ถือครองสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง เช่น ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ จะได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อน้อยกว่าผู้ที่ถือครองสินทรัพย์ที่มีมูลค่าต่ำ เช่น เงินสด เงินฝาก
อัตราเงินเฟ้อในปัจจุบัน เป็นอย่างไร ?
อัตราเงินเฟ้อปัจจุบัน หมายถึง อัตราการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไปในประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง โดยวัดจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในช่วงเดือนก่อนถึงเดือนปัจจุบัน อัตราเงินเฟ้อที่สูง หมายความว่า ราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไปในประเทศสูงขึ้น ส่งผลให้ประชาชนมีอำนาจซื้อลดลง อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทย ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2566 อยู่ที่ 7.66% ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบ 13 ปี สาเหตุหลักมาจากราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์และอาหารสดที่ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน
อัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันในต่างประเทศ ต่างก็อยู่ในระดับที่สูงเช่นกัน โดยประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อสูงที่สุด คือ สหรัฐอเมริกา อยู่ที่ 8.6% ตามมาด้วยสหราชอาณาจักร อยู่ที่ 9.1% และเยอรมนี อยู่ที่ 8.2% สาเหตุหลักมาจากราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์และอาหารสดที่ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน
เงินเดือนขึ้นเท่าไหร่ ถึงจะอยู่รอดใน สังคมเงินเฟ้อ
เงินเดือนขึ้นเท่าไหร่? ถึงจะอยู่รอดในสังคมเงินเฟ้อ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ระดับเงินเดือนเดิม อัตราเงินเฟ้อ ภาระค่าใช้จ่าย เป็นต้น โดยทั่วไปแล้ว เงินเดือนควรขึ้นอย่างน้อย 5% ของอัตราเงินเฟ้อ เพื่อให้สามารถรักษาอำนาจซื้อไว้ได้
ตัวอย่าง : หากอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 5% เงินเดือนเดิมอยู่ที่ 30,000 บาท เงินเดือนที่เพิ่มขึ้นถึงจะอยู่รอดในสังคมเงินเฟ้อคือ 30,000 x 1.05 = 31,500 บาท
แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเลข 5% เป็นเพียงตัวเลขคร่าว ๆ เท่านั้น ตัวเลขที่แท้จริงอาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่
1. ระดับเงินเดือนเดิมเงินเดือนที่สูงขึ้น จะช่วยลดภาระการจ่ายเงินกู้หรือหนี้สินได้
2. อัตราเงินเฟ้อ หากอัตราเงินเฟ้อสูง เงินเดือนที่เพิ่มขึ้นก็ควรสูงขึ้นตามไปด้วย
3. ภาระค่าใช้จ่าย หากมีภาระค่าใช้จ่ายมาก เงินเดือนที่เพิ่มขึ้นก็ควรสูงขึ้นตามไปด้วย
7 วิธีรับมือกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
- วางแผนการใช้จ่ายอย่างรอบคอบ : ทำรายรับ-รายจ่าย รวมถึงคำนวนค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนอย่างละเอียด จะช่วยให้เราสามารถประหยัดเงินได้
- ลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น : งดซื้อของฟุ่มเฟือย หรือลดจำนวนครั้งในการซื้อของ
- หารายได้เสริม : หาช่องทางหารายได้เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ตัวเอง
- ลงทุน : ลงทุนในสินทรัพย์ที่คาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น เช่น ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
- สำรองเงินเก็บ : พยายามเก็บออมสำหรับเงินฉุกเฉิน หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน รวมถึงเก็บเงินให้พอใช้ในยามเกษียณ จะช่วยให้เรารับมือกับภาวะเงินเฟ้อนี้ได้
- ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด : ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ นโยบายทางเศรษฐกิจของภาครัฐ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงได้
- ไม่ควรกู้เงินเพิ่ม : เพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เพราะจะทำให้ภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น
จะเห็นได้ว่า ภาวะเงินเฟ้อเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อทุกคน เราจึงควรเตรียมพร้อมรับมือล่วงหน้าอยู่เสมอ นอกจากนี้ หากเงินเดือนขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถอยู่รอดได้อย่างสบาย เพราะยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ต้องพิจารณา เช่น ภาระหนี้สิน เป็นต้น ดังนั้น ควรวางแผนทางการเงินอย่างรอบคอบ เพื่อให้สามารถรับมือกับภาวะเงินเฟ้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ