คำถามแรก ๆ ที่ผุดขึ้นมาในใจของคนที่อยากมีบ้านหรือคอนโดเป็นของตัวเองบ้าง ก็คงจะไม่พ้นคำถามที่ว่าจะซื้อบ้านหรือคอนโดควรจะต้องเก็บเงินเท่าไหร่ดี
เหมือนอย่างในกระทู้นี้ https://pantip.com/topic/36080306 ที่เจ้าของกระทู้ได้เข้ามาตั้งคำถามเดียวกันนี้ โดยได้เล่าว่าตัวเองปัจจุบันอายุ 23 ปี อยากซื้อคอนโดไว้สักห้องราคาไม่เกิน 3 ล้าน ตอนอายุ 25 ปี มีเวลาเก็บเงินอีก 2 ปี อยากจะรู้ว่าตัวเองจะต้องเก็บเงินให้ได้เท่าไหร่ในตอนนั้นจึงจะเป็นเจ้าของคอนโดกับเขาได้บ้าง เจ้าของกระทู้ได้บอกถึงรายได้ของตัวเองว่ามีเงินเดือนประจำที่ 40,000 บาท และมีรายได้จากการเป็นฟรีแลนซ์ตกเดือนละ 10,000 บาท ก็เท่ากับมีรายได้รวม ๆ ประมาณเดือนละ 50,000 บาท เพิ่งเริ่มทำงานได้เพียงปีเดียว แต่ยังไม่มีเงินเก็บซักบาทเพราะเอาเงินไปเที่ยวต่างประเทศหมด แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีเงินเก็บ แต่ก็ไม่มีหนี้ ค่าใช้จ่ายประจำก็มีค่าหอพักเดือนละห้าพัน และให้พ่อแม่เดือนละห้าพัน
คำตอบที่ดีที่สุดของคำถามที่ว่าจะซื้อคอนโด 3 ล้านบาท ควรเก็บเงินให้ได้เท่าไหร่ดีนั้นก็คือ
ต้องเก็บเงินให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะยิ่งมีเงินเก็บมากเท่าไหร่ เงินก้อนนั้นจะสามารถนำไปจ่ายเป็นเงินดาวน์ที่มากกว่าได้ ทำให้เงินส่วนที่จะต้องหนี้ในการผ่อนชำระอีกหลายปีต่อจากนั้นน้อยลงมากที่สุด ซึ่งจะทำให้เราเสียดอกเบี้ยน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ด้วยนั่นเอง เรียกว่ามีเงินดาวน์มากอนาคตก็จะเหนื่อยน้อยลง และหมดหนี้ได้เร็วขึ้น นอกจากเงินดาวน์ที่เป็นเงินก้อนใหญ่แล้ว เรายังจะต้องมีเงินไว้สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีกด้วย
เราไปดูกันดีกว่าค่ะว่าที่เราต้องเก็บเงินเพื่อซื้อคอนโดนั้น เงินก้อนนั้นจะต้องนำไปเป็นค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
- เงินจอง ส่วนใหญ่เมื่อลูกค้าถูกใจคอนโดห้องใดแล้วก็มักจะต้องจ่ายเงินจองไว้ก่อน ซึ่งเงินจองนี้จะเป็นการรับประกันว่าโครงการจะไม่ขายห้องนี้ให้กับลูกค้าคนอื่นอีก เงินจองจะเป็นจำนวนเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการและราคาของคอนโด เงินจองส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาท – 50,000 บาท
- เงินค่าทำสัญญา ปกติแล้วเมื่อมีการจองคอนโดไป 1-2 สัปดาห์ เจ้าของโครงการจะกำหนดวันทำสัญญาจะซื้อจะขาย เมื่อถึงวันนั้นลูกค้าจะต้องมีเงินอีกจำนวนหนึ่งเพื่อนำไปจ่ายในวันทำสัญญา เงินก้อนนี้เราเรียกว่า เงินค่าทำสัญญา ซึ่งเงินค่าทำสัญญานี้จะมากกว่าเงินจอง โดยสูงถึงหลักหมื่นหรือแสนบาทได้เลยทีเดียว
- เงินดาวน์ แม้ว่าธนาคารที่เราจะยื่นกู้ตอนที่ซื้อคอนโดนั้น เขามีข้อเสนอของเงินดาวน์ที่หลากหลาย เช่น 10% 15% 20% หรือ 25% ก็ตาม แต่เมื่อถึงคราวที่ธนาคารพิจารณาเพื่ออนุมัติเงินกู้จริง ๆ ก็มีโอกาสที่ธนาคารอาจจำเป็นต้องขอให้เรามีเงินดาวน์เพิ่มขึ้นเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงลงทำให้ไม่ได้กู้ตามวงเงินที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก ซึ่งหากเราไม่มีเงินเก็บไว้จำนวนหนึ่งก็จะทำให้เรามีปัญหาในการยื่นกู้เงินได้
- เงินค่าประเมินราคา ในขั้นตอนของการยื่นกู้ธนาคารจะต้องมีการประเมินราคาคอนโดเพื่อพิจารณาอนุมัติเงินกู้ ค่าใช้จ่ายค่าประเมินราคานี้ธนาคารส่วนใหญ่มักจะคิดกับลูกค้า ธนาคารส่วนใหญ่ไม่มีนโยบายในการคืนเงินค่าประเมินราคาให้กับลูกค้า แม้ว่าจะกู้ไม่ผ่านก็ตาม ค่าใช้จ่ายที่เป็นเงินค่าประเมินราคาจะอยู่ที่ประมาณ 2,000-3,000 บาท แล้วแต่ธนาคาร
- ค่าจดจำนอง / ค่าธรรมเนียมการโอน ค่าจดจำนองและค่าธรรมเนียมการโอนเป็นค่าใช้จ่ายที่จะต้องจ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์โดยจ่ายให้กับสำนักงานที่ดิน ค่าจดจำนองจะคิดที่ 1% ของมูลค่าทรัพย์สินที่นำมาจดจำนอง ส่วนค่าธรรมเนียมการโอนคิดที่ 2% ของราคาประเมินที่ดิน โดยค่าธรรมเนียมการโอนนี้ขึ้นอยู่กับตกลงกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายว่าใครจะเป็นผู้ออกหรือแบ่งกันออกอย่างไร ค่าจดจำนองและค่าโอนนี้รวมกันก็อาจเป็นค่าใช้จ่ายสูงเป็นหลักหมื่นบาทเช่นกัน
- เงินกองทุนสำรองส่วนกลาง / ค่าประกันมิเตอร์น้ำ-ไฟฟ้า เป็นค่าใช้จ่ายที่จะต้องจ่ายให้กับทางโครงการคอนโด เงินกองทุนสำรองส่วนกลางเป็นเงินที่ทางโครงการจะเก็บจากเจ้าของห้องชุดทุกห้องไว้ในครั้งแรกเป็นการจ่ายครั้งเดียวเพื่อเป็นกองทุนส่วนกลางนำไปบริหารจัดการคอนโดในระยะยาว เงินกองทุนส่วนกลางจะคิดตามพื้นที่ห้อง และจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการ นอกจากเงินกองทุนส่วนกลาง เจ้าของห้องชุดยังจะต้องจ่ายค่าประกันมิเตอร์น้ำและไฟฟ้า ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะตกที่ประมาณ 2,500-5,000 บาท
- ค่าตกแต่งห้อง / ค่าเฟอร์นิเจอร์ / ค่าเครื่องใช้ไฟฟ้า นอกเหนือไปจากค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ว่ามาข้างต้นแล้ว เมื่อคอนโดสร้างเสร็จเจ้าของห้องอาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายที่เป็นเงินก้อนใหญ่อีกก้อนซึ่งเป็นค่าตกแต่งห้อง ค่าเฟอร์นิเจอร์และค่าเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ ค่าใช้จ่ายส่วนนี้อาจสูงได้ถึงหลักหลายแสนบาทเลย
เมื่อเห็นแล้วว่าเมื่อต้องการจะเป็นเจ้าของคอนโดสักห้อง ต่อให้ตั้งใจที่จะกู้เงินจากธนาคารก็ตาม แต่เงินก้อนที่จะต้องเตรียมไว้เพื่อเป็นเงินดาวน์และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ นั้น ก็ต้องถือว่าไม่น้อยเลย บางคนบอกว่าซื้อคอนโดราคา 3 ล้าน เก็บเงินให้ได้แค่สองแสนบาทก็พอแล้ว เมื่อย้อนกลับไปดูค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ตามด้านบนแล้วก็ต้องบอกว่าไม่แน่ใจว่าจะพอหรือไม่ หากจะเอาให้ชัวร์ก็ควรเก็บเงินให้ได้ไม่น้อยกว่า 20-25% ของราคาคอนโด ราคาคอนโด 3 ล้านก็ควรเก็บเงินให้ได้ไม่ต่ำกว่า 600,000-750,000 บาท
อ่านเพิ่มเติม : เคล็ดลับการซื้อคอนโดฯ แบบมืออาชีพ
สรุปเพื่อให้ได้เงินตามเป้า เจ้าของกระทู้ควรเก็บเงินให้ได้เดือนละ 25,000 – 32,000 บาทต่อเดือน ภายใน 2 ปีก็จะได้เงินตามเป้าที่จะดาวน์คอนโดสักห้องได้แบบมั่นใจมากขึ้น เจ้าของกระทู้ถือว่าอายุยังน้อย ภาระหนี้ก็ไม่มี ภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็ยังถือว่าไม่มากนัก เป้าหมายนี้จึงน่าจะทำได้ไม่ยากนักและในขณะที่ผ่อนคอนโดอยู่ หากว่าเดือนไหนที่มีรายได้มากก็ให้นำไปโปะคอนโด วิธีนี้จะทำให้หนี้หมดเร็วขึ้น ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยมากและไม่ต้องผ่อนนาน เราก็จะได้เป็นเจ้าของคอนโดแบบเต็มตัวอย่างแท้จริงได้เร็วขึ้น