ข้อควรรู้ ก่อนซื้อบ้านหลังแรก ให้คุ้มค่า รู้ไว้ไม่เจ็บใจทีหลัง
ความฝันของใครหลาย ๆ คนคือการมีบ้านเป็นของตนเองอย่างเป็นหลักเป็นแหล่ง เพราะบ้านเป็นสินทรัพย์ที่มีราคาสูง ดังนั้นเราจึงเก็บหอมรอมริบ และวางแผนทางการเงินเป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตาม มีผู้คนจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวที่ต้องมานั่งเจ็บใจในภายหลังเมื่อซื้อบ้านครั้งแรก แต่ดันกู้ไม่ผ่านบ้าง ซื้อบ้านมาแล้วกลับไม่เป็นอย่างที่หวังเอาไว้บ้าง ด้วยเหตุนี้เราจึงจะพาทุกคนมาดูกันว่า ข้อควรรู้ ก่อน ซื้อบ้านหลังแรก จะมีอะไรกันบ้าง ไปดูกันเอง
สิ่งที่ต้องประเมินก่อนตัดสินใจซื้อบ้าน
การซื้อบ้านจำเป็นที่จะต้องพิจารณาและวางแผนทางการเงินให้รอบคอบ โดยเฉพาะการขอสินเชื่อบ้านที่มันจะกลายมาเป็นหนี้สินติดตัวคุณยาวนานอย่างน้อย 5 ปี ด้วยเหตุนี้ เราจึงอยากจะพาทุกคนมาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจจะซื้อบ้านเป็นของตนเองครั้งแรกในชีวิต
-
การประเมินรายรับ – รายจ่าย
เมื่อเราต้องการจะซื้อบ้าน สิ่งแรกที่เราต้องวางแผนเลยก็คือดูว่ารายรับรายจ่ายของเรามีมากน้อยแค่ไหน เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าตนเองมีความสามารถในการผ่อนค่างวดบ้านเดือนละประมาณเท่าไหร่ สามารถวางแผนได้ว่าจะกู้คนเดียวหรือใช้วิธีการกู้ร่วมเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อมากขึ้นกว่าเดิม อย่างแรกเลยก็คือให้เรารวมรายรับของเราที่มีความมั่นคงก่อนว่ามีเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ จากนั้นให้นำเอารายรับทั้งหมดมาคูณกับ 40% จะเป็นจำนวนเงินที่เรามีความสามารถในการผ่อนชำระในแต่ละเดือน
ตัวอย่าง หากคุณมีเงินเดือน 20,000 บาทต่อเดือน จะมีความสามารถในการผ่อนชำระ 20,000 x 40% = 8,000 บาท วงเงินกู้โดยประมาณก็จะอยู่ที่ 1.2 ล้านบาท ด้วยเหตุนี้ยิ่งรายได้ของเรามากเท่าไหร่ก็จะช่วยให้วงเงินกู้เพิ่มมากขึ้นไปเท่านั้น แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่มีหนี้สินก้อนอื่นติดตัวมาก่อนอยู่แล้ว มีภาระค่าใช้จ่ายที่มากกว่า 60% ของเงินเดือนในแต่ละเดือน คุณอาจจะต้องพิจารณาซื้อบ้านที่มีราคาต่ำลงมาจากวงเงินกู้โดยประมาณที่ประเมินมาจากความสามารถในการผ่อนชำระ 40% ของเงินเดือนเช่นเดียวกัน ก็จะช่วยให้คุณไม่ต้องแบกรับภาระหนี้สินจากการซื้อบ้านหนักจนเกินไป
-
มีเงินเก็บ
การจะซื้อบ้านหรือที่อยู่อาศัย บางครั้งขอสินเชื่อไปอาจไม่ได้รับการอนุมัติแบบเต็มวงเงิน บางครั้งอนุมัติแบบเต็มวงเงินก็จริงแต่มีค่าใช้จ่ายบางส่วนที่เราต้องออกเงินเองก่อน อย่างเช่น กรณีที่คุณซื้อที่ดินเพื่อปลูกสร้างบ้าน คุณต้องนำเอาเงินสดไปซื้อที่ดินก่อนจึงจะสามารถยื่นขอสินเชื่อกับทางธนาคารได้ จึงจะได้รับเงินที่เราซื้อที่ดินกลับคืนมาในภายหลัง ดังนั้น เราจึงควรมีเงินเก็บอย่างน้อย 10% จากราคาบ้าน ถ้าจะให้ดีควรเป็น 10% จากราคาบ้านที่รวมค่าตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์แล้ว จะช่วยให้คุณไม่ต้องเผชิญปัญหาทางการเงินในภายหลังได้เป็นอย่างดี
-
เคลียร์หนี้เก่าให้หมด
สินเชื่อบ้านเป็นสินเชื่อที่จะอยู่กับคุณไปอย่างน้อย 3-5 ปีอย่างแน่นอน หรือบางคนที่ไม่ได้ปิดหนี้ก่อนระยะเวลาตามที่กำหนดเอาไว้ในสัญญา อาจจะต้องผ่อนชำระสินเชื่อบ้านติดต่อกันเป็นเวลามากกว่า 20 ปีเลยทีเดียว มันเป็นภาระหนี้สินที่ยาวนานเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ เราจึงอยากแนะนำให้ทุกคนเคลียร์หนี้เก่าให้หมดก่อนเพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องแบกรับภาระหนี้สินต่อเดือนมากจนเกินไป นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อผ่านได้มากขึ้นกว่าเดิม และธนาคารอาจจะมีการอนุมัติวงเงินให้กับคุณเพิ่มเติมอีกด้วย เนื่องจาก หากธนาคารเช็คเครดิตบูโรแล้วพบว่าคุณยังมีหนี้สินก้อนอื่นอยู่ ธนาคารก็จะประเมินความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ของคุณน้อยลงกว่าเดิม ทำให้วงเงินที่คุณจะได้รับพิจารณาอนุมัติน้อยตามลงไปด้วย
-
สร้างประวัติทางการเงินที่ดี
เป็นการเพิ่มโอกาสที่จะช่วยให้คุณขออนุมัติสินเชื่อบ้านได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม เริ่มต้นจากประวัติในสมุดบัญชีธนาคาร พวกรายรับรายจ่ายทั้งหลาย หากจะให้ดีคุณควรมีรายรับมากกว่ารายจ่าย เมื่อหักลบแล้วเงินที่เหลืออยู่ควรเป็นจำนวนเงินที่พอดีหรือมากกว่าเงินงวดที่คุณจะผ่อนชำระค่าสินเชื่อบ้านในแต่ละเดือน ที่สำคัญ ไม่ควรมีประวัติหนี้เสียก่อนยื่นขอสินเชื่อบ้าน หากคุณมีบัตรเครดิตก็ให้จ่ายเต็มวงเงินตามระยะเวลาที่กำหนดเอาไว้ หากมีหนี้สินก้อนอื่นก็ให้ผ่อนชำระตรงเวลา ก็จะช่วยให้คุณมีประวัติทางการเงินที่ดีและธนาคารอยากจะอนุมัติสินเชื่อให้กับคุณมากขึ้นกว่าเดิม
-
ศึกษาสินเชื่อบ้านก่อนยื่นกู้
เป็นสิ่งสำคัญที่หลายคนไม่ทันได้พิจารณาให้ดี ธนาคารแต่ละแห่งจะมีโปรโมชั่นสินเชื่อบ้านที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละช่วงเวลา หากคุณศึกษาและมีการเปรียบเทียบข้อมูลสินเชื่อบ้านของแต่ละธนาคาร โอกาสที่คุณจะได้รับสินเชื่อบ้านที่มีดอกเบี้ยต่ำหรือมีเงื่อนไขดีๆ ก็จะเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ช่วยให้การซื้อบ้านของคุณมีความคุ้มค่ามากขึ้นไปด้วย ดูเงื่อนไขว่าแต่ละธนาคารต้องมีการวางเงินดาวน์เท่าไหร่ เราต้องจ่ายเงินส่วนไหนก่อนบ้าง อัตราดอกเบี้ยเป็นอย่างไร วิธีการคิดดอกเบี้ยเป็นอย่างไร มันจะทำให้คุณสามารถคำนวณได้ว่าในแต่ละเดือนคุณต้องจ่ายค่างวดเป็นจำนวนเท่าไหร่แบบคร่าวๆ และทำให้เราสามารถวางแผนทางการเงินได้อย่างรัดกุมมากขึ้นกว่าเดิม
สิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อบ้าน
การเลือกซื้อบ้านสิ่งที่เราต้องพิจารณาและควรรู้ก่อนตัดสินใจไม่ได้มีแค่เรื่องการเงินเพียงอย่างเดียวแต่อย่างใด เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายในภายหลัง ในส่วนของตัวบ้านและพื้นที่เองก็มีสิ่งที่เราจะต้องพิจารณาเช่นเดียวกัน ประกอบไปด้วย
-
เลือกทำเล
สิ่งแรกที่เราต้องพิจารณาว่าบ้านหลังนี้มีความเหมาะสม คุ้มค่า และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของเราหรือไม่ ก็คือทำเลนั่นเอง บ้านที่ดีควรเป็นบ้านที่อยู่ใกล้กับสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่ไกลจากร้านสะดวกซื้อ มีร้านอาหาร ใกล้กับขนส่งสาธารณะ ไม่ไกลจากโรงเรียนหรือที่ทำงาน มีโรงพยาบาลอยู่ใกล้เคียง สำหรับใครที่มีสัตว์เลี้ยงก็ต้องมองหาโรงพยาบาลสัตว์เลี้ยงและร้านอาหารสัตว์ที่อยู่ไม่ไกลจากกันด้วย
-
เลือกรูปแบบ และสไตล์
หลังจากที่เราได้ทำเลที่เหมาะสมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งต่อมาที่ต้องพิจารณาก็คือรูปแบบและสไตล์นั่นเอง อันดับแรกให้เราพิจารณาก่อนว่าบ้านมีความเหมาะสมกับการอยู่อาศัยหรือไม่ ครอบครัวที่จะอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้มีกี่คน จะเลือกเป็นแบบบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม บ้านแฝด หรือพวกห้องพัก ควรมีกี่ชั้น หากมีเด็กหรือผู้สูงอายุ ชั้นล่างของบ้านควรมีห้องนอนเอาไว้เพื่อความสะดวกสบาย มีห้องน้ำกี่ห้อง ห้องนอนกี่ห้อง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันหรือไม่ จากนั้นค่อยมาพิจารณาสไตล์ว่าตรงกับความชื่นชอบของเราหรือเปล่า อย่างเช่น บ้านสไตล์มินิมอล บ้านสไตล์ญี่ปุ่น บ้านสไตล์โมเดิร์น และอย่าลืมพิจารณาเรื่องการดูแลรักษาทั้งภายในและภายนอกด้วย
-
ตรวจสอบประวัติ และความน่าเชื่อถือ
หากเป็นบ้านมือสองและไม่ได้อยู่ในโครงการ เราควรตรวจสอบประวัติก่อนว่าบ้านหลังนี้เคยเกิดเหตุการณ์ไม่ชอบมาพากลอะไรหรือเปล่า หากเป็นบ้านโครงการหรือบ้านมือหนึ่ง เราก็ต้องตรวจสอบความน่าเชื่อถือของโครงการว่ามีการรับประกันมาตรฐานของตัวบ้านหรือไม่ โครงสร้างและความแข็งแรงทนทานมากน้อยแค่ไหน ยิ่งถ้าเป็นบ้านมือหนึ่งยิ่งควรสร้างวิศวกรมาตรวจสอบบ้านก่อนเซ็นรับโอน เพื่อให้เรามั่นใจว่าบ้านที่เราตั้งใจซื้อจะไม่มีจุดไหนที่เป็นข้อบกพร่องหรือไม่สามารถใช้งานได้นั่นเอง
สรุปแล้ว ข้อควรรู้ ก่อนซื้อบ้านครั้งแรกประกอบไปด้วยด้านการเงิน ทั้งการประเมินรายรับ-รายจ่าย การปิดหนี้เก่า การสร้างประวัติทางการเงิน การศึกษาเกี่ยวกับสินเชื่อ และด้านตัวบ้าน ทั้งทำเล รูปแบบ สไตล์ ประวัติ และความน่าเชื่อถือ หากคุณทำตาม รับรองว่าคุณจะได้บ้านที่ตรงใจ และไม่ต้องปวดหัวเรื่องสินเชื่อในภายหลังอย่างแน่นอน