ตัวเลขเศรษฐกิจที่รัฐบาลประกาศออกมาในแต่ละเดือนหรือในแต่ละไตรมาสนั้น อาจไม่ได้เป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่ประชาชนอย่างเรา ๆ เข้าใจได้ดีเท่ากับภาวะเศรษฐกิจที่เราต้องเจอกับตัวเอง เช่น คนที่ถูกเลิกจ้างเพราะบริษัทปิดตัวลง คนขายของที่ต่างก็บ่นเป็นทิวแถวว่าลูกค้าหายไปไหนกันหมด คนทำงานกินเงินเดือนที่ปีนี้ได้โบนัสนิดเดียว สาวโรงงานที่งานล่วงเวลาแทบไม่มี ฟรีแลนซ์ที่ทั้งสายโทรศัพท์ ไลน์หรืออีเมล์ต่างเงียบกริบ จนต้องคอยหยิบดูว่าลืมเปิดเครื่องรึเปล่า
กระทู้ต่าง ๆ ในโลกโซเชียลก็เป็นอีกแหล่งข้อมูลหนึ่งที่คนยุคใหม่มักจะเข้ามาตั้งกระทู้ เข้ามาเม้นท์หรือบางคนก็เข้ามาอ่าน อย่างกระทู้นี้ http://pantip.com/topic/35791890 ที่เมื่อเข้าไปอ่านต้องบอกเลยว่าเห็นภาพว่าคนที่ทำธุรกิจต้องเจอกับอะไรอยู่ในตอนนี้ อินเดียน่า-ชื่อเจ้าของกระทู้ ได้เข้ามาบ่นเรื่องเศรษฐกิจว่าร้านขายของชำแถวชานเมืองของเขาตอนนี้แย่มาก ยอดขายตกฮวบเป็นสิบเท่า ผู้คนไม่รู้ว่าหายไปไหนกันหมด ถนนหนทางโล่งว่าง ร้านแทบไม่มีลูกค้าเข้ามาซื้อของ คนงานตามโรงงานก็ถูกปลดออกไปกว่าครึ่ง แถมร้าน 7-11 ยังมาเปิดใกล้ ๆ ห่างออกไปไม่เกิน 500 เมตรอีก จากที่เคยพอมีกำไร ตอนนี้กำไรไม่เหลือ ขาดทุนมา 3 เดือนแล้ว ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
ยังนับว่าเป็นเรื่องดีที่ อินเดียน่า-เจ้าของกระทู้ไม่ได้เข้ามาบ่นอย่างเดียว แต่เหมือนกับเข้ามาให้กำลังใจตัวเองและคนอื่นกลาย ๆ ด้วยว่า เราจะต้องอดทนและสู้กันต่อไป เพราะไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว ตัวเขาก็เลยเสนอวิธีเอาตัวรอดจากความเครียดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ เรียกว่าเป็นวิธีเอาตัวรอดฉบับโซเชียลก็แล้วกัน และก็มีอีกหลายความเห็นที่เข้ามาเสนอแนะวิธีเพิ่มเติม เลยขอสรุปมาไว้เพื่อเป็นแนวทางสำหรับใครที่กำลังเครียดอยู่ตอนนี้ แบ่งปันกันเอาไปใช้แบบไม่หวงห้ามค่ะ
- จำศีล ในเมื่อตอนนี้รายได้หด เงินไม่มี ก็ต้องจำศีล ใครชวนไปไหนก็ปฏิเสธไปก่อน อยู่บ้านประหยัดที่สุด ที่สำคัญเรื่องเอนเตอร์เทนต่าง ๆ กินข้าว ดูหนัง ช้อปปิ้ง ก็ต้องลดหรืองดไปก่อน กับข้าวก็ทำกินเองแบบง่าย ๆ เมนูไข่ทั้งหลายแหล่ ไข่เจียว ไข่ดาว ไข่ตุ๋น ไข่พะโล้ ก็ช่วยได้
- ยอมรับความจริง หลายคนที่เคยทำธุรกิจแล้วกำไรดี เมื่อถึงเวลาต้องประสบกับปัญหา รายได้ไม่เหมือนเดิม ก็ทำใจไม่ได้ คิดแต่ว่ามันจะต้องเหมือนเดิม ซึ่งบางครั้งก็ไม่ได้ช่วยอะไร สิ่งที่ต้องทำอย่างแรกก็คือต้องยอมรับความจริงเสียก่อนว่า นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น ต่อมาก็ต้องปรับตัวให้ได้ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ชะลอหรือผัดผ่อนได้ก็ต้องทำ ส่วนค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่าย ก็ต้องพยายามจ่ายให้ได้ต่อไป
- อย่าเพิ่งลงทุนเพิ่ม ด้วยภาวะเศรษฐกิจแบบนี้น่าจะต้องประคองตัวเองไปเพื่อไม่ให้เจ็บตัว ยังไม่ควรที่จะลงทุนอะไรเพิ่ม โดยเฉพาะถ้าต้องกู้หนี้ยืมสิน อย่าเด็ดขาด
- ออกกำลังกาย ทำอะไรไม่ได้มาก นั่งเฉย ๆ ก็เครียดเปล่า ๆ ออกกำลังกายเช้าเย็น ช่วยให้หายเครียดได้ พอเหนื่อยกลางคืนก็นอนหลับสบายดี ไม่มีกังวล
- ปลูกต้นไม้ ปลูกผัก ร้านขายไม่ดี คนไม่เข้า ก็อย่านั่งเฉย ปลูกผักปลูกต้นไม้หลังบ้านกันไป แก้เซ็งแล้วยังได้ผักมาทำกับข้าวกินอีก ดีงามและประหยัด พื้นที่ระเบียงจับมาปลูกผักให้หมดเลือกปลูกผักออร์แกนิคทานเองไม่หมด นำมาวางขายหน้าร้านได้อีก
- ซื้อของกับเพื่อนบ้าน ไม่ต้องหวังอะไรมากกับเพื่อนบ้านใกล้ ๆ ตัวนี่แหละ มีอะไรก็อุดหนุนช่วยเหลือกันไป ให้เงินมันหมุนเวียนกันอยู่ในชุมชนนี้ เริ่มทำก่อนก็ได้ เดี๋ยวคนอื่นเขาคิดได้ เขาก็มาซื้อของจากเราเอง
- เข้าวัด ทำบุญ ตอนสมัยที่ร้านขายดีเราก็ไม่มีเวลา ตอนนี้ถือว่าว่างละกัน หาเวลาเข้าวัด ทำบุญ ทำจิตใจให้ผ่องใส สะสมบุญบารมีกันไป
- คิดไอเดียสำหรับร้าน มีเวลาก็จัดระบบร้านขายของชำของเราให้ดีขึ้น ปัดกวาดเช็ดถูให้สะอาด จัดของให้เป็นระเบียบเป็นหมวดหมู่ ดูน่าเข้า ลองคิดโปรโมชั่นเลียนแบบ 7-11 ดูบ้าง ไม่ต้องเอาให้เหมือนเอาให้ดีกว่าไปเลย ลด แลก แจก แถม
- หาของวางขายเพิ่ม หาของกินง่าย ๆ มาวางขายหน้าร้าน พวกซาลาเปา ขนมจีบ ลูกชิ้นปิ้ง หมูปิ้ง ขนมปังปิ้ง ผลไม้สด เสื้อผ้า ฯลฯ หรือขายของที่ 7-11 ไม่มี คิดว่าน่าจะมีลูกค้าหลายคนที่ไม่อยากเข้า 7-11 แต่อยากอุดหนุนร้านขายของชำแบบเราอยู่เหมือนกัน
- หาความรู้เพิ่มเติม วันไหนปิดร้านก็หาคอร์สเข้าอบรมเพิ่มพูนความรู้แตกยอดออกไป เลือกคอร์สอบรมที่ไม่แพงจนเกินไป ถือเป็นการสร้างโอกาสให้กับตัวเอง อาจมีอาชีพเสริมหรือช่องทางในการหารายได้ใหม่ ๆ ที่เรานึกไม่ถึงว่าเราจะทำได้ก็ได้
- ใช้เฟซบุ้คให้เป็น เลิกงานนั่งสไลด์เฟซบุ้คอย่างเดียว ไม่เกิดประโยชน์อะไร ลองรับของเล็ก ๆ น้อย ๆ มาขายในเฟซบุ้คหรือเอาของเก่าที่เรามีอยู่มาลองขาย เปลี่ยนของที่ไม่ใช้ให้เป็นเงิน แม้เล็กน้อยก็ยังดี
- ใช้เทคโนโลยีแบบกลาง ๆ ของใช้พวกเครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์หรือมือถือ เลือกใช้ให้เหมาะสม ไม่ต้องไล่ตามกระแส เพราะอย่างไรก็ไม่ทันแถมยังสิ้นเปลือง
- ไม่มองข้ามค่าใช้จ่ายเล็กน้อย อย่างเช่น ค่าเนตบ้านกับค่าเนตมือถือ ถ้ามันซ้ำซ้อนกัน ก็จัดระเบียบบริหารให้ค่าใช้จ่ายถูกลง
- ใช้ชีวิตแบบเบา ๆ ถ้าจำเป็นจะต้องท่องเที่ยวก็เลือกเที่ยวในประเทศแบบประหยัด ไปเช้าเย็นกลับได้ยิ่งดี ไม่ต้องเสียค่าที่พัก
- สร้างสมดุลในชีวิต ถ้ายังไม่ได้ถึงกับลำบากจนต้องเครียด ก็ไม่ต้องไปเครียดถึงขนาดนั้น หาความสุขทางใจเพื่อชดเชยกับรายได้ที่เสียไป
วงจรของชีวิตคนเราก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ มีขึ้นมีลงก็ต้องปรับตัวเพื่อให้อยู่ได้กันไป สิ่งสำคัญก็คืออย่าเครียด พยายามปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา หาข้อมูลใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาสมองและปัญญาของเรา ไม่ใช่มีแต่เราที่ต้องเจอกับสภาพแบบนี้เพียงคนเดียว หลายคนก็ต้องเจอแบบเดียวกัน ทุกคนต่างก็ต้องดิ้นรนพึ่งตัวเองให้ได้กันต่อไป เป็นกำลังใจให้คุณอินเดียน่า-เจ้าของกระทู้และทุกคน สู้ สู้ ค่ะ