คงไม่มีใคร ไม่เคยได้ยินคำนี้ คำว่า”สินเชื่อ” คำนี้ดูเหมือนจะเป็นที่นำกลัว แต่หลายคนคงได้สัมผัสมาแล้ว บางคนบอกเลยว่าเหนื่อยอย่างมากกันการเป็นหนี้ ไม่เอาอีกแล้ว แต่ก็หลายคนที่กลับมาใช้บริการสินเชื่ออีก และบางคนก็หลายครั้ง เรียกว่าทั้งชีวิตมีแต่หนี้สินเชื่อ
สินเชื่อ ก็คือการที่เราไปยืมเงินมาจากเจ้าหนี้ที่เป็นสถาบันการเงิน ก็ต้องมีสัญญา มีหลักฐานที่มั่นคงด้วยสภาพคล่องของเรา ความเสี่ยงของเจ้าหนี้ที่ให้เรากู้ยืม อายุของสัญญาที่จะต้องคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย ซึ่งเวลาเราจะขอสินเชื่อ เราต้องดูอะไรอันดับแรกเลย ตอบว่าต้องดู อัตราดอกเบี้ย ก่อนเป็นอันดับแรก เพราะถ้าดอกเบี้ยโหดมากเกินไปก็ไม่ควรจะกู้อย่างเด็ดขาด เพราะเราอาจจะจมกับดอกเบี้ย ไม่มีวันได้ผุดได้เกิดเลยก็ว่าได้ จะยากจนตลอด เพราะหนี้อาจเพิ่มมากขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยบวกเงินต้นที่คงชำระ ชาตินี้คงไม่มีวันได้รวยกับเขาอย่างแน่นอน สำหรับอัตราดอกเบี้ยมีอัตราใดบ้าง มาดูกัน
1.ดอกเบี้ยคงที่
คือสถาบันการเงินที่ให้เรากู้ คิดอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ตายตัว จะเพิ่มหรือลดลงไม่ได้ อย่างเช่นถ้าเราทำสัญญากู้สินเชื่อไปแล้ว มีกำหนด 10 ปี คิดดอกเบี้ยในอัตรา 7% ต่อปี อยู่มาได้ 1 ปี สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้เรา จะไปเปลี่ยนสัญญากู้สินเชื่อเป็นคิดอัตราดอกเบี้ย 9% อย่างนี้ไม่ได้ ต้องเป็นแบบดอกเบี้ยตามตัว ดอกเบี้ยแบบนี้เราคงชอบและพอใจ เพราะอย่างน้อยเราไม่ต้องกังวลว่าสถาบันการเงินจะขึ้นดอกเบี้ยเรา แม้ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร คือเศรษฐกิจโลกหรือของประเทศไทยเราจะดีหรือไม่ดี ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือคณะกรรมการการเงินจะประกาศขึ้นดอกเบี้ยหรือลดดอกเบี้ยก็ตาม สถาบันการเงินที่เราไปทำสัญญากู้มาก็ไมสามารถขึ้นดอกเบี้ยเราได้
2.ดอกเบี้ยลอยตัว
คือสถาบันการเงินสามารถเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยได้ ก็จะมีรายละเอียดอยู่ในสัญญา หรือเจ้าหน้าที่สถาบันการเงินจะแจ้งให้ทราบก่อน ไม่เราไมรู้ต้องถามก่อนให้แน่ใจ เพราะถ้าเราทำสัญญากู้สินเชื่อเรียบร้อยแล้วจะแก้ไขไม่ได้ และผลของดอกเบี้ยแบบลอยตัวมีผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของเราไม่มากก็น้อย อย่างเช่นถ้าเรากู้เป็นจำนวนเงินมากๆ ดอกเบี้ยก็จะมากอยู่แล้ว ยิ่งระยะเวลานานก็ดอกเบี้ยยิ่งมากเข้าไปใหญ่ แต่ถ้าเป็นดอกเบี้ยแบบลอยตัวด้วยแล้วก็จะทำให้เราเป็นหนี้มากขึ้น เพราะดอกเบี้ยที่เราทำสัญญาไว้กับสถาบันการเงิน สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าดอกเบี้ยเปลี่ยนไปมากขึ้น เราลองคิดดูว่าลำพังดอกเบี้ยที่เราทำสัญญาไว้ถ้าคิดรวมยอดก็มากอยู่แล้ว แต่ถ้าสามารถเปลี่ยนแปลงเป็นเพิ่มขึ้นมาละก็ยิ่งมากเข้าไปใหญ่ เพราะบวกระยะเวลาที่เรากู้ที่ต้องใช้เวลานาน ดอกเบี้ยมันยิ่งจะมากขึ้น และยังจะมีดอกเบี้ยลอยตัวต่างๆ อีก 3 แบบมีอะไรบ้าง
- แบบแรกเป็นแบบ MLR
คืออัตราดอกเบี้ยแบบระยะยาว ส่วนใหญ่จะเป็นนักธุรกิจ นักลงทุนที่ต้องการกู้ในระยะยาว เพื่อไปทำธุรกิจการค้าการขายต่างๆ การตั้งบริษัท ห้างร้านที่ต้องใช้เงินลงทุน โดยต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้ และประวัติทางด้านการเงินที่น่าเชื่อถือ สถาบันการเงินถึงจะให้กู้สินเชื่อระยะยาวได้
- ส่วนแบบที่สองเป็นแบบ MOR
กู้แบบเบิกเงินเกินบัญชี ก็คล้ายๆ กับแบบ MLR แต่สามารถเบิกเงินเกินบัญชีได้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นนักธุรกิจ นักลงทุน เพื่อนำไปลงทุนกับธุรกิจการค้าการขาย แต่ต้องระมัดระวัง เพราะถ้าเราทำธุรกิจขาดทุนไม่มีเงินชำระหนี้ที่กู้มา อาจทำให้เราถูกฟ้องล้มลายได้ ถ้ากู้มาเป็นจำนวนมากๆ เพราะสถาบันการเงินเขาจะรวมยอดของดอกเบี้ยไปทบกับเงินต้นด้วย ถ้ายิ่งระยะเวลานานก็จะยิ่งสร้างความเสียหายให้กับธุรกิจ และเงินของเรา แล้วอาจถูกดำเนินคดีด้วย ดังนั้นจึงควรระมัดระวังอย่างมากเป็นพิเศษ
- และยังมีสินเชื่อแบบที่สามเป็นแบบ MRR
ซึ่งคนส่วนใหญ่จะรู้จักกันดีอย่างมาก เพราะเป็นเรื่องการขอกู้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อบัตรเครดิต เราจะเห็นว่าถ้าใครต้องการซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยก็ต้องมาขอกู้สินเชื่อแบบ MRR และสินเชื่อบัตรเครดิตก็ต้องใช้แบบเดียวกัน โดยเฉพาะผู้คนในยุคนี้แล้วเรื่องบ้านที่อยู่อาศัยไม่มีใครซื้อด้วยเงินสด จะมีก็คงน้อยมาก เพราะเงินซื้อบ้านจำนวนมากคนส่วนใหญ่ก็จะเก็บเอาไว้เผื่อลงทุนทำอะไรได้ดีกว่า และสินเชื่อก็เป็นทางเลือกที่ดี บางคนบอกว่าสินเชื่อซื้อบ้านทำให้เป็นการบังคับให้เราต้องผ่อนชำระหนี้ให้ได้ คือเป็นการบังคับเราในตัว ทำให้เรารู้จักเก็บออมไว้ในแต่ละเดือนเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ค่าบ้าน ส่วนเรื่องบัตรเครดิต คงเป็นวิถีชีวิตของคนไปแล้วที่ไม่พกเงินสดเพื่อความสะดวกสบาย ซื้อข้าวของเครื่องใช้จำเป็นก็ใช้บัตรเครดิตแล้วหลังจากนั้นก็ผ่อนชำระรายเดือนกันไป
อ่านเพิ่มเติม : หลุมพราง สินเชื่อเงินสด เดินไม่ดีก็ตกลงไปในบ่อหนี้ชัวร์ๆ
สินเชื่อเป็นประโยชน์ถ้าเรารู้หลักในการใช้ขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินให้เราได้ประโยชน์สูงสุด และเหมาะกับรายได้ของเรา แต่อย่างไรก็ตามก่อนขอสินเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่ออะไรก็ตาม ควรทำความเข้าใจให้ดีก่อนเสมอ เพื่อให้ได้สินเชื่อที่มั่นคงที่สุด มีความปลอดภัย และไม่โดนโกงนั่นเอง โดยเฉพาะเงื่อนไขในสัญญาการขอสินเชื่อ ห้ามละเลยเป็นอันขาดเลยทีเดียว