ในหนึ่งองค์กร แน่นอนว่าย่อมมีคนอยู่หลากหลายประเภทด้วยกันและบุคคลหลากหลายประเภทเหล่านี้ ก็จะมีผลกับธุรกิจ มีผลต่อองค์ที่แตกต่างกันไป จะช่วยทำให้บริษัท ช่วยให้องค์กรพัฒนาไปได้มากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับเหล่าพนักงานหรือบุคลากรภายในองค์กรหรือบริษัท ซึ่งบางองค์กรหรือบางบริษัทก็สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วเพียงเพราะบุคลากรที่มีคุณภาพและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของ CEO แต่บางองค์กรหรือบางบริษัทก็ไม่ได้มีการเติบโตเท่าที่ควรถึงแม้ว่าจะมีพนักงานที่เยอะก็ตาม
ซึ่งการดึงศักยภาพของคนภายในองค์กรหรือภายในบริษัทที่ง่ายที่สุดก็คือ การจำแนกประเภทให้กับพวกเขาเหล่านั้น โดยการจำแนกประเภทนั้น สามารถแบ่งได้หลากหลายรูปแบบ แต่ยังมีการจำแนกบุคคลภายในองค์กรหรือภายในบริษัทอีกหนึ่งรูปแบบที่สามารถใช้ได้กับทุกๆที่เลยก็คือ Jack of all trades กับ Entrepreneur โดยทั้งสองประเภทนี้ มีลักษณะดังนี้
Jack of all trades หมายถึงบุคคลที่ไม่ได้มีความสามารถโดดเด่นอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ว่าสามารถทำงานได้ทุกอย่าง สามารถทำงานได้อย่างหลากหลายและพร้อมที่จะพัฒนาตัวเองเสมอ
Entrepreneur หมายถึง บุคคลที่มีความสามารถทางธุรกิจ มีความสามารถในการแสวงหาโอกาสและใช้สิ่งนั้นเพื่อสร้างความเหนือกว่าคู่แข่ง สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ปรับตัวกับสภาพแวดล้อม โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผู้ประกอบการที่มุ่งหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้รับบริการ
ทั้ง Jack of all trades กับ Entrepreneur ย่อมส่งผลกับบริษัท ส่งผลกับองค์กรที่แตกต่างกันไป โดยเราสามารถเปรียบเทียบได้อย่างง่ายๆดังนี้
- ความเหมาะสมในงานที่ทำ
Jack of all trades จะเหมาะที่จะเป็นผู้จัดการร้าน ผู้จัดการในงานที่ทำ เพราะว่าต้องอาศัยความรู้ที่หลากหลายในการควบคุมงานให้เหล่าคนงานทำตามที่ต้องการ และมีความสามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเมื่องานที่ทำอยู่เกิดปัญหาขึ้นมา
Entrepreneur จะเหมาะในการเป็นผู้ประกอบการ เพราะมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล เห็นว่าธุรกิจที่กำลังทำอยู่ สามารถตอบโตได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งความสามารถของ Entrepreneur ยิ่งมาก ก็จะทำให้องค์กรหรือบริษัทสามารถเติบโตได้ง่าย เติบโตไปในทิศทางที่ต้องการได้มาก
การนำความสามารถของบุคคลทั้งสองประเภทมารวมกัน จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าไปได้ไกล จัดงานได้หลากหลายรวมไปถึงการสร้างความตื่นเต้นใหม่ๆให้กับเหล่าผู้ใช้บริการได้เป็นอย่างดี ทำให้องค์กรหรือบริษัทเป็นที่น่าจับตามอง
- ในด้านของความสามารถในการหารายได้
Jack of all trades จะมีรายได้หลายช่องทางจากความสามารถที่หลากหลายของตัวเอง ซึ่งใครที่มีความสามารถที่มากและมองเห็นโอกาสที่มาก ก็จะสามารถทำรายได้ต่อเดือนได้ไม่น้อยเลยล่ะ แต่ด้วยการที่มีรายรับหลายๆช่องทาง การที่จะเอาดีจากช่องทางใดช่องทางหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยล่ะ และอาจจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากเลย
Entrepreneur จะมีรายได้จากเพียงช่องทางเดียว แต่ด้วยความสามารถเฉพาะด้านที่สูง ทำให้รายได้ในด้านนั้นมาจากงานใหญ่ๆ หรือมาจากกิจการใหญ่ๆที่ทำเงินได้มหาศาล ซึ่งแน่นอนว่าถึงแม้ว่าจะเป็นรายได้เพียงทางเดียวก็จริง แต่ด้วยความสามารถเฉพาะด้านที่สูง ทำให้สามารถทำเงินได้มากกว่าคนที่มีหลายได้หลายๆทางนะ
การนำความสามารถของบุคคลทั้งสองประเภทมารวมกัน จะทำให้องค์กรหรือบริษัทมีมุมมองใหม่ๆตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นมุมมองในเรื่องของวิสัยทัศน์ที่สามารถเป็นไปในทิศทางไหนได้บ้าง มุมมองในเรื่องของการทำรายได้ที่ช่องทางใดสามารถทำรายได้ และด้วยความสามารถเฉพาะทาง จะช่วยให้มุมมองใหม่ๆนั้นถูกทำให้เป็นจริง
- ในด้านความก้าวหน้าที่ตัวบุคคล
Jack of all trades สามารถพัฒนาให้เป็น Entrepreneur ได้ไม่ยากเลยล่ะ เพราะว่า Jack of all trades มีคุณสมบัติหลักๆเลยก็คือ มีความสามารถที่หลากหลาย และการพัฒนาให้เป็นผู้ประกอบการหรือ Entrepreneur ก็เพียงแค่เลือกพัฒนาความสามารถของตัวเองเพียงด้านใดด้านหนึ่งและแน่นอนว่าด้วยความสามารถที่หลากกหลาย ทำให้การเลือกพัฒนาสักความสามารถหนึ่งที่สามารถใช้ทำเงินได้ จึงไม่ใช่เรื่องยากเลย
Entrepreneur เหมาะที่จะพัฒนาให้เป็น Investor หรือนักลงทุน ด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลประกอบกับความสามารถในการหาเงินโดยใช้เงินทำงาน ซึ่งคนเหล่านี้พร้อมที่จะนำเงินไปลงทุน ซื้อกิจการใหม่ๆไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ ลงทุนหุ้น และอื่นๆอีกมากมาย
การรู้จักความสามารถของคนภายในองค์กรหรือบริษัท เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมากในการเติบโตขององค์กรหรือบริษัท ถึงแม้ว่าคนเหล่านั้นภายในองค์กรหรือบริษัทของเรา จะมีความสามารถที่ใกล้เคียงกันก็ตาม แต่ว่าภายในลึกๆแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาเหล่านั้นล้วนมีความสามารถที่แตกต่างกันไปอย่างแน่นอน บางคนก็มีความสามารถแบบเดียวกับ Jack of all trades หรือบางคนก็มีความสามารถแบบ Entrepreneur โดยการจะดึงศักยภาพของ Jack of all trades และ Entrepreneur มาใช้งานให้ได้มากที่สุดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของ CEO อีกทีหนึ่ง
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หากว่า CEO ขององค์กรหรือบริษัท มีความสามารถที่มาก มองเห็นความสามารถในตัวของพนักงานได้ดี ไม่ว่าจะเป็น Jack of all trades และ Entrepreneur หรืออื่นๆ มั่นใจได้เลยว่าองค์กรนั้นสามารถเติบโตและมีขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าหากว่า CEO ขององค์กรหรือบริษัทนั้น ไม่ได้มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลเท่าที่ควร ไม่สามารถมองเห็นความสามารถของตัวบุคลากรของคนภายในองค์กร ถึงแม้ว่าองค์กรหรือบริษัทนั้นจะมีบุคลากรที่มีความสามารถมากขนาดไหน องค์กรหรือบริษัทนั้นก็จะไม่มีการพัฒนาเท่าที่ควรอย่างแน่นอน