วันนี้ผู้เขียนมีหนังสือดีที่อ่านแล้วช่วยสร้างแรงบันดาลใจที่ดีในการใช้ชีวิตของเราได้มานำเสนอค่ะ ผู้เขียนเพิ่งได้อ่านหนังสือเล่มนี้ไปเมื่อช่วงหยุดยาวปีใหม่ที่ผ่านมา หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า “วิ่งตามฝัน ยังไงก็ชนะ” คนที่เขียนหนังสือเล่มนี้ คือ ภัทรพล เหลือบุญชู มีชื่อเล่นว่าคุณบูม ผู้ที่มีโอกาสได้ไปร่ำเรียนจบมาจากญี่ปุ่น เข้าใจภาษาญี่ปุ่นและเรียกว่าหลงใหลในวัฒนธรรมการดำเนินชีวิตของคนญี่ปุ่น เขาได้นำเรื่องราวที่น่าสนใจมาแบ่งปันในหน้าเพจและได้นำมาเขียนในหนังสือพ็อกเก็จบุ๊คเล่มนี้ด้วย
หนังสือเล่มนี้ไม่ได้เป็นหนังสือที่มีตัวอักษรหรือเนื้อหาที่อัดแน่นในแต่ละหน้าจึงใช้เวลาไม่นานนักในการค่อย ๆ อ่านทีละเรื่องไปจนจบได้ภายในวันเดียว ด้วยความที่คุณบูมเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีอายุเพียงแค่ 28 ปีเท่านั้น มุมมองในการนำเรื่องราวของคนญี่ปุ่นมายกตัวอย่างและเล่าเป็นเรื่องราวจึงมักเป็นมุมมองใหม่ ๆ เป็นเรื่องราวใหม่ ๆ ที่เราเองก็ไม่เคยอ่านเจอที่ไหนมาก่อน ขนาดว่าบางเรื่องที่เราอยากหาอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมยังไม่สามารถค้นเจอได้แต่กลับเจอในหนังสือเล่มนี้ เรื่องที่คุณบูมนำมาเล่าไว้ในหนังสือเล่มนี้บางเรื่องจึงถือว่าค่อนข้างเป็นข้อมูลใหม่ที่ยังไม่เคยมีให้อ่านที่ไหนมาก่อน
คุณบูมได้สรุปวิธีวิ่งคว้าฝันในสไตล์ของคนญี่ปุ่นไว้ 8 วิธีด้วยกัน แต่ละวิธีจะมีตัวอย่างของคนญี่ปุ่นที่มีชีวิตที่น่าสนใจในด้านต่าง ๆ มาเล่าสู่กันฟัง พร้อมทั้งสอดแทรกสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่เป็นเรื่องราวของความเป็นญี่ปุ่นที่ทั้งน่าสนใจ น่าติดตามและน่าลองทำเป็นเยี่ยงอย่างมาก เราลองไปดูตัวอย่างกันค่ะ
- มนุษย์เงินเดือนผู้รักงานประจำยิ่งกว่าธุรกิจส่วนตัว
ไม่น่าเชื่อนะคะ เรามักจะอ่านเจอแต่เรื่องราวของคนที่อยากจะลาออกจากงานประจำเพื่อไปทำธุรกิจส่วนตัวกันเพราะมีโอกาสรวยได้มากกว่า แต่เรื่องนี้นั้นต่างออกไปค่ะ ผู้ชายคนนี้มีชื่อว่า Fukui Fukutaro ที่ได้ผันชีวิตของตัวเองจากการทำธุรกิจส่วนตัวของที่บ้าน มาทำงานประจำในบริษัทค้าหลักทรัพย์ให้กับเพื่อนสมัยเรียนในขณะที่เขามีอายุ 49 ปี ถือเป็นการเริ่มต้นชีวิตการเป็นมนุษย์เงินเดือนที่อายุ 49 ปี และคุณจะยิ่งต้องอึ้งมากขึ้น ถ้ารู้ว่าปัจจุบัน Fukui Fukutaro มีอายุ 103 ปีและยังคงทำงานประจำเป็นมนุษย์เงินเดือน ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อขึ้นรถไฟไปทำงานเหมือนกับคนหนุ่มสาวปกติ หลายคนคงสงสัยว่าเพราะอะไรผู้ชายคนนี้หรือเราควรเรียกเขาว่าคุณปู่ด้วยซ้ำ ถึงยังคงเดินทางไปทำงานทุกวันแทนที่จะตัดสินใจเกษียณอายุและอยู่บ้านใช้ชีวิตแบบสบาย ๆ สิ่งที่คุณปู่คิดก็มีแต่เพียงว่า “เกิดเป็นมนุษย์ควรทำอะไรอยู่ตลอดเวลา” นอกจากนั้นคุณปู่ยังยึดหลักที่คนญี่ปุ่นใช้คำว่า “ริตะ” แปลว่า ให้คำนึงถึงประโยชน์ของผู้อื่นก่อนเสมอ ทำให้คุณปู่กลายเป็นคนที่ทุกคนทำงานด้วยแล้วสบายใจและเป็นที่รักของทุกคนนั่นเอง คุณปู่เป็นผู้หนึ่งที่สามารถค้นพบเจอในสิ่งที่ตัวเองรักและตัดสินใจว่าจะทำมันไปจนวาระสุดท้ายของชีวิต
- อาชีพใฝ่ฝันของหนุ่มสาวยุคใหม่ Youtuber
อาชีพของหนุ่มสาวยุคใหม่ที่มีความหลงใหลและความชอบในเรื่องอะไรเป็นพิเศษที่ก็จะถ่ายคลิปลงเป็นเรื่องราวไว้ใน Youtube เพื่อให้มีคนเข้าชม เมื่อเจอกลุ่มคนที่ชอบสิ่งเดียวกันก็จะติดตาม พอมีคนติดตามมาก ๆ ก็สามารถหารายได้จากค่าโฆษณาได้ ก็คืออาชีพ Youtuber
คุณบูม ภัทรพล ได้เล่าเรื่องของคลิปวิดีโอหนึ่งที่เขาได้เปิดเจอ เป็นคลิปของสาวญี่ปุ่นตัวเล็ก ๆ ที่มีชื่อว่า Kinoshita Yuka สิ่งที่ทำให้คลิปนี้น่าสนใจก็คือ เธอนั่งอยู่กับกองแฮมเบอร์เกอร์กองโตตรงหน้า จากนั้นเธอก็ค่อย ๆ แกะแฮมเบอร์เกอร์ออกทีละชิ้นและกินมันเข้าไปเรื่อย ๆ เธอค้นพบความสามารถพิเศษของตัวเองจากการที่เคยไปนั่งทานอาหารบุฟเฟต์กับเพื่อน โดยร้านมีเวลาจำกัดให้ 2 ชั่วโมง เพื่อนบางคนเริ่มหยุดทานเมื่อเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง บางคนหยุดเมื่อครบชั่วโมง สุดท้ายเหลือเธอเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทานต่อจนครบ 2 ชั่วโมง
หลังจากที่เธอค้นพบว่าเธอมีความสามารถพิเศษในเรื่องกิน เธอก็ได้เข้าแข่งขันรายการกินจุอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแม้ว่าเธอจะไม่ได้เป็นแชมป์ในรายการใด แต่อย่างน้อยเธอก็ได้ค้นพบแล้วว่าความสามารถของเธอคืออะไรและเธอก็มีความสุขกับมัน เธอไม่ได้ยอมแพ้และได้นำประสบการณ์จากเพื่อนที่เข้าร่วมแข่งขันมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างเส้นทางชีวิตของตัวเองด้วยการโหลดคลิปกินอาหารลง youtube เพื่อต้องการสื่อสารให้คนเห็นถึงความสนุกของการกิน เธอจะมีความสุขมากเมื่อมีคนเปิดดูคลิปของเธอแล้วมีความสุขจนอยากกินอาหารขึ้นมา ไม่เว้นแม้แต่สาว ๆ ที่กำลังลดน้ำหนักไม่กล้ากินมาก ปัจจุบันเธอมีผู้ติดตามคลิปใน youtube มากกว่า 1 ล้านคน
นี่เป็นตัวอย่าง 2 เรื่องจากทั้งหมด 8 เรื่องที่คุณบูมได้นำมาเล่าและแบ่งปันไว้ในพ็อกเก็จบุ๊คของเขา อ่านแล้วได้ข้อคิดและสร้างแรงบันดาลใจที่ดีได้จริง ๆ ไม่ใช่ว่าเราจะต้องทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนจนอายุเกินร้อยเหมือนกับคุณปู่ Fukui Fukutaro แต่อย่างน้อยให้เราหันมามองตัวเราเองว่าในฐานะมนุษย์เงินเดือนทุกวันนี้เราทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่แล้วหรือยัง ถามตัวเองว่าหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงานต้องการความช่วยเหลืออะไรจากเราหรือไม่ ที่ผ่านมาเราได้มีส่วนในการพัฒนาผู้ช่วยหรือลูกน้องของเราบ้างหรือเปล่า ลูกค้าได้รับบริการสูงสุดจากการทำงานของเราแล้วหรือยังและก็ไม่ได้ว่าจะให้เราไปนั่งตั้งหน้าตั้งตากินแฮมเบอร์เกอร์กองโตเหมือนกับ Kinoshita Yuka แต่ให้เราลองค้นหาตัวเองซิว่าเรามีความสุขกับอะไร และเราจะสร้างเส้นทางชีวิตจากกิจกรรมที่สร้างความสุขของเรานั้นได้อย่างไรบ้าง …เพื่อที่เราจะสามารถใช้เวลาอยู่กับมันไปได้ตลอดชีวิตของเรา
ใครสนใจอยากอ่านเพิ่มเติมจนครบถ้วนทั้ง 8 วิธีวิ่งคว้าฝันสไตล์คนญี่ปุ่น สามารถหาซื้อหนังสือพ็อกเก็จบุ๊ค “วิ่งตามฝัน ยังไงก็ชนะ” ของ ภัทรพล เหลือบุญชู เจ้าของแฟนเพจ JapanSalaryman มาอ่านกันได้ค่ะ รับรองว่าคุณจะได้อะไรดี ๆ จากหนังสือเล่มนี้ไม่น้อยทีเดียว