“…จะขอตามรอยของพ่อ ท่องคำว่า เพียงและพอ…จากหัวใจ” ทุกคนต้องเคยได้ยินและร้องท่อนนี้ได้อย่างแน่นอน เพราะเป็นท่อนหนึ่งของเพลงที่เราได้ยินคุ้นหู ยิ่งโดยเฉพาะช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ถ้าเราเปิดวิทยุหรือโทรทัศน์ก็จะมีการเปิดเพลงที่มีการแต่งเพื่อสดุดีพระเกียรติของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชอยู่ตลอดเวลา
แต่เพลงก็จะเป็นแค่เพลงที่เราได้ยินหรือร้องตามจากปากของเราเท่านั้น ถ้าเราไม่ได้คิดตามอยู่เสมอหรือนำไปปฏิบัติ เพลงท่อนนี้ได้บอกถึงว่าพวกเราจะขอเดินตามรอยเท้าของพ่อของพระองค์ท่านที่ได้เคยทำไว้ในทุกเรื่องราวดีๆ เราจะท่องคำว่าเพียงและพอจากหัวใจของเรา ไม่ใช่จากแค่ลมปากเท่านั้น พวกเราจะใช้หัวใจของพวกเราในการยึดหลักความพอเพียงเป็นหลักปฏิบัติในการใช้ชีวิตของเราในทุก ๆ เรื่อง
มีหลายคนที่ก็อยากจะพอเพียงกับเขาบ้าง แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าเราจะพอเพียงได้อย่างไรบ้าง โดยตลอดพระชนม์ชีพของในหลวงรัชกาลที่ 9 ถือเป็นแบบอย่างที่ดีในเรื่องของความพอเพียงที่เราสามารถนำมาปฏิบัติตามได้ทุกเรื่อง สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีก็ได้ทรงเคยพระราชดำรัสในเรื่องนี้ไว้ว่า
“ในสวนจิตรนี่ คนที่ประหยัดที่สุดคือในหลวง รัชกาลที่ 9 ประหยัดที่สุดทั้งน้ำ ทั้งไฟ เรื่องฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยไม่มี”
เราลองมาดูของใช้ส่วนพระองค์ของพระองค์ท่านกันว่าท่านทรงยึดหลักความพอเพียงมากเพียงใด
ฉลองพระบาท

สิ่งของที่จำเป็นจะต้องใช้ในชีวิตประจำวันทุกวันอย่างเช่น ฉลองพระบาทของพระองค์ท่านนั้น ต้องเรียกว่าเป็นต้นแบบของความพอเพียงของพระองค์ท่านได้เป็นอย่างดี ช่างซ่อมรองเท้าประจำพระองค์ได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า รองเท้าคู่แรกที่พระองค์ให้นำมาซ่อมนั้นเป็นรองเท้าหนังสีดำที่มีสภาพชำรุดทรุดโทรมผ่านการใช้งานมานานหลายปี ด้านในของรองเท้าสึกและผุ มีชิ้นส่วนที่หลุดลอกไปหลายแห่ง ถ้ารองเท้าคู่นี้เป็นของใครสักคนก็คงจะทิ้งแล้วซื้อคู่ใหม่ใช้ แต่พระองค์ท่านยังทรงให้นำมาซ่อมแซมเพื่อให้สามารถใช้งานต่อได้
หันมามองดูรองเท้าของเรากันบ้าง มูลค่ารองเท้าบางคู่อาจไม่ได้สูงจนเกิดความคุ้มค่าในการซ่อมแซมเพื่อให้ใช้งานใหม่ได้ แต่รองเท้าจะสามารถใช้งานได้นานถ้าเราใส่ด้วยความระมัดระวังและดูแลรักษาเพื่อให้ไม่ต้องซื้อคู่ใหม่บ่อย ๆ หรือบางคนที่เห็นรองเท้าวางขายสวย ๆ ก็อยากจะซื้อ อยากจะเป็นเจ้าของ ทั้งที่ที่บ้านก็มีอยู่หลายคู่แล้ว เราอาจยึดแบบอย่างในเรื่องของรองเท้าที่ซ่อมจนไม่สามารถจะซ่อมได้อีกต่อไปของพระองค์ท่านมาเป็นแบบอย่างในการใช้สิ่งของของเราได้
ดินสอทรงงาน

เหตุผลที่พระองค์ท่านทรงเลือกดินสอในการทรงงานก็เนื่องจากราคาถูกกว่าปากกาและผลิตในประเทศไทยเราเองด้วย การใช้ดินสอนั้นเมื่อเขียนผิดก็สามารถใช้ยางลบลบออกได้ง่าย ใช้งานได้สะดวก ได้มีบันทึกว่าพระองค์ท่านทรงเบิกใช้ดินสอแค่เพียงปีละ 12 แท่ง คือตกเดือนละ 1 แท่งเท่านั้น ดินสอแต่ละแท่งจะถูกใช้งานเหลือแท่งสั้นเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น จนไม่สามารถใช้ได้อีกจึงค่อยเบิกแท่งใหม่ นี่ถือเป็นตัวอย่างของความพอเพียงในการใช้งานสิ่งของให้คุ้มค่าที่เราจะยึดถือนำมาปฏิบัติได้เช่นเดียวกัน
นาฬิกาข้อมือ

เป็นที่ทราบกันดีว่าพระองค์ท่านนั้นไม่ทรงโปรดที่จะใช้ของแบรนด์เนมหรือของที่มีราคาแพง พระองค์ท่านไม่ทรงสวมใส่เครื่องประดับใด ๆ ไม่ว่าจะเป็น แหวน สร้อยคอ หรือของมีค่าไว้บนพระวรกาย ยกเว้นนาฬิกาข้อมือเท่านั้น ซึ่งแม้แต่นาฬิกาข้อมือ พระองค์ท่านก็ไม่ได้ทรงเลือกนาฬิกาสมัยนิยม แต่ทรงเลือกใช้งานนาฬิกาธรรมดาที่มีความทนทาน เป็นการแสดงถึงความมัธยัสถ์ ความเรียบง่าย และไม่ฟุ่มเฟือยของพระองค์ท่านได้เป็นอย่างดี
หลอดยาสีพระทนต์

ที่เราได้มีโอกาสเห็นหลอดยาสีพระทนต์ของพระองค์ท่านนั้นก็เนื่องจากครั้งหนึ่งทันตแพทย์ประจำพระองค์ได้ทรงกราบทูลเรื่องของนักศึกษาปัจจุบันที่ใช้ของฟุ่มเฟือย ไม่เหมือนกับสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ที่ทรงมีความประหยัดใช้ดินสอสั้นกุดจนต้องต่อด้ามให้ยาวขึ้นให้ใช้ต่อได้ หลอดยาสีพระทนต์ก็ใช้จนแบนเรียบ ใช้ด้ามของแปรงกดทับรีดจนแทบไม่มียาสีพระทนต์เหลือในหลอด เมื่อพระองค์ท่านได้ทราบก็ได้ตอบทันตแพทย์ประจำพระองค์ไปว่า พระองค์เองก็ได้ปฏิบัติแบบนั้นเช่นกัน
มีครั้งหนึ่งที่มหาดเล็กประจำห้องสรงได้เปลี่ยนยาสีพระทนต์ของพระองค์ด้วยเห็นว่าใกล้หมด แต่พระองค์ท่านกลับทรงเรียกให้นำยาสีพระทนต์หลอดเก่านั้นกลับมาและใช้ต่อได้อีกถึง 5 วัน ต่อมาทันตแพทย์ประจำพระองค์จึงได้ทรงขอพระราชทานอนุญาตนำหลอดยาสีพระทนต์นั้นมาแสดงไว้ที่คณะทันตแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อนำไปใช้เตือนสติเหล่านักศึกษาให้รู้จักใช้สิ่งของอย่างคุ้มค่าเหมือนอย่างพระองค์ท่าน
เรื่องราวเหล่านี้ไม่ได้ถือเป็นเรื่องใหม่แต่อย่างใด แต่ก็เป็นเรื่องที่บางคนอาจเคยอ่านมาแค่ผ่าน ๆ ตา หรือรับรู้มาแบบไม่เข้าใจ ไม่ได้นึกตาม หรือไม่ได้คิดว่าจะนำไปปฏิบัติจริง อยากให้ทุกคนถือโอกาสในช่วงนี้ที่เป็นช่วงที่เรากำลังเศร้าโศกด้วยความคิดถึงพระองค์ท่าน เป็นความเศร้าโศกจากความสูญเสีย เปลี่ยนความรู้สึกเหล่านี้ให้เป็นความตั้งใจดีที่จะทำอะไรดีดีเพื่อตัวเอง เพื่อครอบครัวและเพื่อพระองค์ท่าน คือ การเจริญรอยตามคำสอนของพ่อ การเป็นแบบอย่างที่ดีของท่าน ด้วยการเริ่มต้นยึดหลักความพอเพียงแบบง่าย ๆ ในการดำเนินชีวิตของเรา
อ่านเพิ่มเติม : การใช้เงินตามแนวทางของเศรษฐกิจพอเพียง