เรื่องของการตลาดเป็นการต้องการส่งเสริมการขายให้กับผลิตภัณฑ์ของทางผู้จำหน่าย ผู้ขายจะหากลยุทธ์ ยุทธวิธีมาดึงเงินออกจากในกระเป๋าของเรา ๆ ท่าน ๆ ให้ได้เร็วที่สุด ซึ่งกลยุทธ์ที่พวกเขาใช้นั้น ก็น่าดึงดูดใจสำหรับขาช็อปทั้งหลายจนอดใจไว้ไม่ไหว โดยเฉพาะวิธีการใช้ Promotion ที่ค่อนข้างถูกจริตกับคนไทยเรา คือ Promotion ลด แลก แจก แถม ดูจะเป็น กลยุทธ์การตลาด ที่สามารถนำมาดึงเงินในกระเป๋าของเราได้อย่างง่ายดาย ซึ่งบางครั้งการเข้าไปซื้อของจาก Promotion เหล่านี้ พอได้ของกลับมาก็มักไม่ค่อยได้ใช้หรือไม่มีคุณภาพ มาดูเหตุผลการใช้กลยุทธ์เหล่านี้ของฝั่งมาร์เกตติ้งกัน
อย่าหลงการควักเงินให้กับการใช้กลยุทธ์ ลด แลก แจก แถม
กลยุทธ์เหล่านี้ทุก ๆ แบรนด์มักนำมาใช้ไม่ว่าจะในช่วงเปิดตัวสินค้า ในช่วงขาขึ้นของสินค้า หรือในช่วงขาลงของสินค้าก็ตาม ในช่วงของการเปิดตัวสินค้านั้น เราสามารถทดลองดูได้ถ้าสินค้าเป็นประเภทของอาหาร มักจะได้ชิมฟรี เพราะเป็นการสร้างการรับรู้ให้ลูกค้าได้ชิมรสชาติ เพื่อกระตุ้นยอดขาย และในช่วงของขาขึ้นของสินค้าก็เช่นกัน กระตุ้นยอดขายเพื่อให้ได้ลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น แต่ในช่วงของขาลงหรือสินค้าที่ออกวางจำหน่ายมาระยะหนึ่งแล้วเป็นช่วงที่ลูกค้าอย่างเรา ๆ ควรตระหนักให้ดี เพราะจะมีการใช้กลยุทธ์เหล่านี้เหมือนกัน แต่ส่วนมากจะเกิดขึ้นเพราะว่าสินค้าเหล่านี้นั้น เริ่มขายไม่ออกหรือตกรุ่น มีสินค้าค้างสต็อกที่เยอะมาก ไม่ได้รับความนิยมอีกต่อไปแล้ว หรือแม้กระทั่งบางครั้งการเอาสินค้าประเภทอาหารมาจัดโปรโมชั่นเพราะใกล้หมดอายุก็มีให้เห็นกันบ่อย ๆ กลยุทธ์เหล่านี้นั้นล้วนเป็นเกมทางการตลาด เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น แต่จริง ๆ แล้วการซื้อสินค้าควรจะเป็นการซื้อจากความต้องการจริง ๆ ไม่ใช่เพราะกลยุทธ์เหล่านี้ที่ทำให้สินค้าน่าสนใจ เราจะมาแนะนำเทคนิคการซื้อสินค้าที่ดี เพื่อป้องกันการโดนล้วงกระเป๋าจากเหล่านักการตลาดโดยไม่จำเป็นกัน
แนะเทคนิค ในการหลบหลีกเทคนิคทางการตลาดที่มาดึงเงินในกระเป๋าออกไป
- มองความต้องการของตัวเองเป็นหลัก
เนื่องจากแต่ละคนมีความต้องการต่อสินค้าที่ไม่เหมือนกัน อยากได้สินค้าที่ตอบสนองในเรื่องใดบ้างนั้น เป็นโจทย์ที่ต้องคิดก่อนซื้อ เพราะสินค้าแต่ละอย่างตอบสนองไม่เหมือนกัน เช่น อยากได้โน็ตบุ๊คที่ไว้ทำงานด้านเอกสาร ก็ไม่จำเป็นต้องเลือกโน๊ตบุ๊คที่ราคาแพงนัก เนื่องจากงานเอกสารใช้สเปคคอมพิวเตอร์ที่ไม่สูงมาก ก็สามารถทำงานได้ แต่ถ้าอยากได้โน๊ตบุ๊คมาใช้งานสำหรับการแต่งภาพ เป็นช่างภาพ ก็ควรเลือกโน๊ตบุ๊คที่มีราคาแพงขึ้นมา ประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อได้ใช้งานโปรแกรมแต่งภาพต่าง ๆ ได้อย่างดีขึ้น และเลือกจอที่สีมีความเที่ยงตรง เป็นต้น จากตัวอย่างแสดงให้เห็นถึงการเลือกสินค้าที่ตอบสนองต่อตนเองให้ได้ก่อน เมื่อเห็นกลยุทธ์ต่าง ๆ จะได้ไม่หลงกล และซื้อสินค้าโดยที่เราไม่มีความจำเป็นต้องใช้มัน
- เปรียบเทียบปริมาณสินค้า
เรื่องของน้ำหนักสินค้าในกรณีที่เป็นของกิน หรือของใช้จำพวกน้ำยาต่าง ๆ เป็นเรื่องที่ควรเปรียบเทียบอย่างเช่น สินค้าบางประเภท ขนาดบรรจุภัณฑ์เท่ากัน แต่ตัวสินค้าด้านใน มีปริมาณไม่เท่ากัน แล้วแต่ว่าแบรนด์ไหนจะใส่สินค้าปริมาณเท่าไรลงไป และไม่ว่าสินค้าจะน้อยหรือจะมาก ทางแบรนด์ก็สามารถทำ Packaging ใหญ่ ๆ เพื่อทำให้ดูคุ้มค่าได้ตามกลยุทธ์ของทางแบรนด์ ข้อนี้จึงเป็นอีกข้อทีพึงกระทำ ก่อนซื้อสินค้าทุกครั้ง ควรมีการเปรียบเทียบเรื่องปริมาณเพื่อความคุ้มค่า คุ้มราคาที่จ่ายไป โดยเก็บเรื่อง Promotion เป็นแค่ตัวช่วยตัดสินใจ
- คุณภาพที่รับได้ต้องมาก่อน เรื่องของ Pricing
สิ่งที่สำคัญอีกเรื่องคือคุณภาพของสินค้า จะคล้าย ๆ กับข้อแรกคือ เราต้องการคุณภาพสินค้าที่มากแค่ไหน เพราะบางครั้ง เราก็ไม่ได้ต้องการสินค้าที่มีคุณภาพสูง ๆ อย่างเดียวเสมอไป แต่ในกรณีนี้ ถ้ามีสินค้าชนิดเดียวกัน ราคาพอ ๆ กัน หรือมีราคาที่สูงกว่านิดหน่อย แต่มีคุณภาพที่ดีกว่า เราก็ควรเลือกสินค้าที่ดีกว่ามาใช้งาน เพื่อประโยชน์ในด้านต่าง ๆ เช่น ใช้งานได้นานกว่า ไม่ต้องเสียสตางค์ซื้อใหม่บ่อย ๆ หรือ มีการการันตีตัวสินค้า เช่น มีการรับประกันสินค้า การรับประกันสินค้าถือเป็นตัวบ่งบอกถึงประสิทธิภาพของสินค้าที่มากกว่า
ยกตัวอย่างจากเรื่องเดิม โน๊ตบุ๊คที่มีการรับประกัน 1 ปี กับอีกเครื่อง ที่มีการรับประกันที่ 3 ปี การรับประกันที่มากกว่าก็สามารถบ่งบอกได้เช่นกันว่า คุณภาพสินค้าดีกว่า ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมอีกหรือไม่ เพราะหลักในการตลาดอีกข้อที่สำคัญก็คือการแข่งขันในเรื่องของราคา หรือ Pricing ที่สินค้าประเภทเดียวกันจะขายในราคาที่ถูกกว่า แต่เราควรคำนึงถึงคุณภาพที่ได้ มากกว่ากังวลในการจ่าย ควรจ่ายเพิ่มอีกนิดเพราะว่าเราอาจได้สินค้าที่มีคุณภาพและใช้ได้ในระยะยาวมากกว่า