นับจากปลายปี 2550 เป็นต้นมา นับจากเกิดสภาวะวิกฤติซับไพรส์ หรือวิกฤติสินเชื่อด้อยคุณภาพในอเมริกาแล้ว ประเทศอื่นๆต่างก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย และต่อเนื่องยาวนานมาถึงปัจจุบัน ส่งผลให้ภายในประเทศเกิดสภาวะ เศรษฐกิจถดถอย จนย่ำแย่ที่สุดในช่วงกลางปี 2558 ที่ผ่านมา
กูรูด้านเศรษฐกิจหลายท่านคาดการณ์ว่า ภายในปี 2559-2560 จะมีหลายบริษัทที่ตัดสินใจปิดตัวลง และจะมีคนตกงานหลายแสนคนเลยทีเดียว ดังนั้น ในช่วงเวลาแบบนี้ สิ่งที่เราต้องทำก็คือ เตรียมการณ์รับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดฝัน
ซึ่งกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือ กลุ่มชนชั้นกลาง หรือกลุ่มมนุษย์เงินเดือน โดยเฉพาะตามบริษัทต่างๆที่มีรากฐานไม่ค่อยมั่นคง หรือมีทุนจดทะเบียนในอัตราที่ไม่สูงมาก ดังนั้น จึงควรหาวิธีรับมือเสียตั้งแต่เนิ่นๆ ตามข้อแนะนำดังต่อไปนี้
-
ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น
ช่วงนี้คุณมีความจำเป็นต้องใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา สินค้าแบรนด์เนมที่เคยซื้ออยู่ทุกเดือน หากลดได้ควรลดรายจ่ายตรงนั้นซะ แล้วเอาเงินมาเก็บสำรองไว้ยามฉุกเฉินน่าจะดีกว่า หรืออย่างน้อยๆก็ช่วยลดยอดหนี้สินในบัตรเครดิตของคุณลงได้เกือบ 50% เลยทีเดียว ลองคิดดูสิว่าในแต่ละเดือนคุณมีรายจ่ายที่ไม่จำเป็นมากแค่ไหน ถ้าหักรายจ่ายส่วนนั้นออกแล้ว จะพบว่าเดือนหนึ่งคุณจะมีเงินเก็บออมมากทีเดียว
นอกจากนี้ควรหันมาเลือกทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แทนอาหารประเภทเดียวกันหรือจั๊งค์ฟู้ดที่มีราคาสูงเกินคุณค่าอาหารที่คุณควรจะได้รับ วิธีนี้จะช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าของคุณได้อย่างไม่น่าเชื่อ รวมไปถึงปาร์ตี้ตามความพอใจแต่ไร้สาเหตุทั้งหลายอีกด้วย เราไม่ได้แนะนำให้คุณตัดขาดจากสังคม แต่แนะนำให้ลดอัตราความถี่ลงเพียงเท่านั้น
-
พยายามปลดหนี้ให้เร็วที่สุด
หนี้สินนั้น ถือเป็นส่วนเกินที่ไม่พึงประสงค์แต่กลับได้รับความนิยมอย่างสูงในยุคปัจจุบัน เพราะเป็นเงินล่วงหน้าในอนาคตที่คุณได้รับการอนุมัติให้หยิบยืมมาใช้จ่ายก่อนในยามจำเป็น แลกมาด้วยการใช้คืนทั้งยอดเงินต้น รวมดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งหากคิดดีๆ บางครั้งดอกเบี้ยที่จ่ายไปอาจจะมากกว่าเงินต้นซะอีกนะ อย่าลืมว่าคุณไม่ควรเสียเงินไปกับดอกเบี้ยต่างๆเหล่านั้นเลยด้วยซ้ำ หากคุณอดออมเก็บเงินไว้ใช้จ่ายด้วยตนเองโดยไม่พึ่งบัตรเครดิต คุณก็จะรู้สึกอิสระโดยทันที เพราะไม่มีข้อผูกมัดหรือหนี้สินใดๆรอให้คุณหักเงินมาจ่ายปลายเดือนอีกต่อไป
วิธีปลดหนี้ที่ง่ายที่สุดคือการไม่สร้างหนี้เพิ่ม และพยายามลดหนี้สินเดิมลงไปโดยการจ่ายเงินคืนให้มากกว่ายอดขั้นต่ำที่ระบุไว้ในใบแจ้งหนี้ เพราะจะช่วยลดอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมที่ไม่ควรจ่ายลงได้จำนวนหนึ่ง แถมยังปลดหนี้ได้เร็วขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
อ่านเพิ่มเติม >>> อยาก ปลดหนี้ ได้เร็วๆ ทำแบบนี้เลย ! <<<
-
หันมาให้ความสำคัญกับการออมเงินมากขึ้น
คุณควรออมเงินจนติดเป็นนิสัย ทันทีที่เงินเดือนออก คุณต้องหักเงินจำนวนหนึ่งฝากธนาคารไว้เป็นประจำทุกเดือน เพื่อสร้างรากฐานที่ดีในอนาคตทางการเงินของตัวคุณเอง และเพื่อการใช้ชีวิตในวัยเกษียณ โดยไม่ต้องพึ่งลูกหลานหรือหน่วยงานใดๆเช่นที่เป็นข่าวกันอยู่ในยุคปัจจุบัน
การออมเงินทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวม LTF , หุ้น หรือตราสารหนี้,สลากออมสิน และประกันชีวิต เป็นต้น วิธีต่างๆเหล่านี้จะช่วยให้คุณได้รับผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูง แต่ก็มีอัตราความเสี่ยงสูงควบคู่กันไปด้วย
-
หาอาชีพเสริม หรือแหล่งรายได้สำรองอื่นๆ
โดยการค้นหาความถนัดในตัวคุณเอง และความสามารถพิเศษที่พอจะพัฒนามาเป็นอาชีพเสริมได้อีกทางหนึ่ง บางคนรับทำอาหารกล่องในช่วงเวลาหลังเลิกงาน เพื่อเป็นรายได้พิเศษ บางคนเปิดห้องชุดที่ซื้อทิ้งไว้ให้คนเช่าพักอาศัย หรือตั้งตู้บริการหยอดเหรียญตามจุดต่างๆ
ยังมีอีกหลายอาชีพเสริมให้คุณเลือกให้เหมาะกับตัวคุณเอง หรือหากคุณไม่มีความสามารถใดๆ ก็ควรหาช่องทางเรียนพิเศษหรือศึกษาต่อเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และเป็นช่องทางเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่ง ที่แน่นอนว่าทำได้ไม่ยากเลย
-
สังเกตสัญญาณเตือนภายในบริษัทหรือหน่วยงานที่คุณทำงานอยู่
บริษัทของคุณมีแนวโน้มว่าจะอยู่หรือไปนั้น สังเกตได้ไม่ยาก อันดับแรกให้สังเกตจากการปฏิสัมพันธ์ที่น้อยลง เช่น อัตราการเรียกประชุมรวมทีมเริ่มน้อยลง จากที่เคยประชุมสม่ำเสมอทุกสัปดาห์ อยู่ดีๆกลับเงียบสงบ ต่างคนต่างทำงานกันไปเรื่อยๆโดยปราศจากเป้าหมาย ตรงนี้แหละ คือหนึ่งสัญญาณอันตราย ที่คุณควรสังเกตไว้ให้ดี
ถ้าเริ่มเข้าขั้นวิกฤต สัญญาณก็จะมาทางค่าตอบแทน เช่น เงินเดือน โบนัส และรายได้อื่นๆ เช่น บริษัทจะเริ่มจ่ายคุณช้าลง เลื่อนจ่ายไปเรื่อยๆ หรือหาเรื่องตัดรายได้บางส่วนออกโดยไม่แจ้งเหตุผล เป็นต้น
อ่านเพิ่มเติม >> ทำไมคนถึง ออกจากงาน ทั้งๆที่เศรษฐกิจไม่ดี ? <<
เพียงเท่านี้คุณก็จะสามารถรับมือกับทุกปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างเต็มภาคภูมิ และมีสภาวะความเสี่ยงที่น้อยที่สุด อย่างน้อยๆ ในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤติ คุณก็ยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้โดยไม่เดือดร้อน หรือต่อให้สภาวะที่คาดการณ์ไว้ไม่เกิดขึ้นจริงตามที่ระบุ คุณก็ยังมีเงินเก็บและอาชีพสำรองไว้ใช้จ่ายในยามเกษียณอยู่ดี ถือว่ามีแต่ได้กับได้ ไม่มีผลเสียใดๆทั้งสิ้น