พ่อแม่เป็นบุคคลที่มีอิทธิพลต่อความคิดของลูกมากที่สุดในช่วงเด็กๆ โตขึ้นมาหน่อย ก็จะเป็นคุณครูที่สอนหนังสือ เติบโตขึ้นไปก็เป็นอิทธิพลทางความคิดที่ได้จากอาจารย์ระดับมหาวิทยาลัย ตลอดช่วงชีวิตของคนคนหนึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงและสรุปความคิดเป็นหลักการดำเนินชีวิตของตัวเอง ในชีวิตของคนเราอาจได้รับความคิดและปรัชญาจากคนหลายๆคน แต่คนที่ปูพื้นฐานทางความคิดให้กับเราคือ พ่อแม่ของเรานั่นเอง พ่อที่มีทัศนคติต่อโลกในเชิงลบ ลูกก็มีโอกาสมองโลกในแง่ร้ายตามไปด้วย พ่อที่มีความคิดเชิงบวก ลูกจะมักจะมองโลกในแง่ดีตามพ่อด้วย บทความนี้มีตัวอย่างของการมองโลกด้านการเงินจากความคิดของพ่อรวยกับพ่อจน ที่หยิบยืมไอเดียของ โรเบิร์ต คิโยซากิ ผู้แต่งหนังสือขายดี ชื่อ พ่อรวยสอนลูก มาฝากกัน
อ่านเพิ่มเติม : พ่อรวยสอนลูก บทเรียนจากพ่อรวย
ประเด็นที่จะพูดถึงคือ คนจนมักคิดว่า “ฉันทำไม่ได้” คนรวยมักคิดว่า “ฉันต้องทำอย่างไร”
คนจนมักจะยอมแพ้ ไม่อยากเปลี่ยน กลัวว่าการทำอะไรที่ต่างไปจากเดิม จะเป็นความเสี่ยง สุดท้ายเลยอยู่เฉยๆไม่ค่อยทำอะไร ส่วนคนรวยหรือพ่อรวย มักจะสอนลูกเมื่อต้องพบกับปัญหา หรือต้องกาสิ่งใดๆ คนรวยชอบที่จะหาหนทาง หาวิธีการ ที่จะได้สิ่งที่ต้องการมา คือไม่กลัวที่ต้องแก้ปัญหา ไม่กลัวว่าอาจพบกับความผิดหวังและผิดพลาด เมื่อคนเรามีทัศนคติที่ไม่กลัวปัญหา ก็จะมีโอกาสก้าวข้ามอุปสรรคไปพบกับความสำเร็จมากกว่า
คล้ายๆกับข้อแรกคือ เมื่อคนจนเจอของที่อยากได้เขาจะบอกลูกว่า “เราไม่มีเงินซื้อหรอก” ส่วนคนรวยเจอของที่อยากได้ จะตั้งคำถามว่า “เราจะซื้อมันได้อย่างไร”
การบอกว่าเราไม่มีเงินซื้อหรอก เป็นวิธีง่ายๆที่เราจะหลบปัญหา หรือไม่ก็พยายามลืมความต้องนั้น แล้วก็อยู่แบบเจียมตัวเหมือน ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พ่อรวยมักจะท้าทายลูกว่า อยากได้เหรอ เอาสิ มาหาวิธีที่จะได้มันมา มาลุยกันเลย การปลูกฝังความคิดแบบนี้ให้กับลูก เป็นการฝึกลูกให้กล้าฝัน และหาวิธีที่จะไปถึงฝันนั้นให้ได้ ลูกก็จะติดนิสัยชอบคิดชอบวางแผนและพึ่งตนเอง อยากได้อะไรก็จะไม่แบมือขอ พอเติบโตขึ้นลูกก็จะใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่น
การเรียนและวัตถุประสงค์ของการเรียนที่พ่อรวยกับพ่อจนสอนลูกแตกต่างกันมาก พ่อจนสอนให้ ตั้งใจเรียนเพื่อที่จะจะทำงานบริษัทที่มั่นคง ส่วนพ่อรวยสอนว่า ให้ตั้งใจเรียนจะได้ซื้อไปบริษัทที่มั่นคง คำสอนนี้ทำให้ลูกๆมีความฝันแตกต่างกันอย่างชัดเจน พ่อจนสอนให้ลูกฝันว่า เรียนจบจะเข้าทำงานบริษัทดังๆ ฝันว่าจะได้เป็นผู้จัดการ การได้เป็นพนักงานดีเด่นถือเป็นรางวัลอันทรงคุณค่า ความฝันของลูกคนรวยคือการได้เป็นเจ้าของกิจการ จ้างคนเก่งมาทำงานให้เรา
จากทั้ง 3 ตัวอย่างข้างต้นจะเห็นได้ว่าคำสอนหรือทัศนคติของพ่อแม่ผู้ปกครองส่งผลต่อความคิดความเชื่อของลูกมาก แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า ลูกๆที่ถูกพ่อจนปลูกฝังมานั้นจะไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติหรือเปลี่ยนความคิดได้ ไม่ว่าจะเป็นลูกคนรวยหรือลูกคนจน ทุกคนมีสิทธิที่จะปรับเปลี่ยนความคิดและความเชื่อของตนเองได้ตลอดเวลา เมื่อเด็กๆเติบโตขึ้น โลกภายนอกจะสอนให้เขาเข้าใจชีวิตมากขึ้น และบางประสบการณ์จะเปลี่ยนแปลงวิธีคิดของเขาเอง เมื่อเขาโตพอ ก็จะรู้จักเลือกในสิ่งที่เขาชอบ และเดินตามแนวทางของตัวเอง แต่หากเขาได้รับการปลูกฝังในแนวทางที่ตรงกับความสามารถของเขาเองมาตั้งแต่เด็ก ก็จะทำให้เขาสามารถไปถึงฝั่งฝันได้เร็วขึ้น คนที่เป็นพ่อแม่ควรที่จะตระหนักในสิ่งที่เราจะปลูกฝังให้กับลูก สิ่งที่เราเลือกให้กับลูกในเบื้องควรให้เรารู้จักคิดและสู้ด้วยตัวเองมากกว่าที่จะสนับสนุนให้เขาในการแบมือขอและได้อะไรง่ายๆ