ปัญหาการเงิน หากจะเรียกว่าเป็นปัญหาที่น่าหนักใจก็คงจะไม่ใช่คำกล่าวที่ผิดแต่อย่างใด เพราะเรื่องเงินนั้นเป็นเรื่องที่เรารู้กันอยู่แล้วว่าเป้นเรื่องที่ใหญ่มากจริงๆ แต่ในขณะเดียวกันก็ดูจะเป็นเรื่องธรรมดาที่เราสามารถพบได้ทั่วไปในทุกครอบครัว ไม่ว่าจะรวยหรือจนเพราะคนแต่ปัญหาของคนที่มีฐานะไม่เหมือนกันก็จะแตกต่างกันออกไปด้วยเท่านั้นเอง
แต่ไม่มีใครที่ไม่มีปัญหาแน่ๆ ดังนั้นในวันนี้เราจะมาดูกันว่าปัญหาการเงินส่วนใหญ่ที่เราสามารถเจอได้นั้นมีอะไรบ้างและมีวิธีแก้ไขอย่างไร
รายได้อันน้อยนิด
นี่คงจะเป็นปัญหาที่ใครๆก็เจอกัน อาจจะเป็นประเภทที่ต้นเดือนกินอยู่อย่างราชาปลายเดือน ปลายเดือนกินมาม่าอะไรทำนองนั้น หรือไม่ก็ประเภทที่รายได้น้อยจริงๆ การแก้ไขปัญหานี้จะต้องเริ่มที่ต้นเหตุนั่นคือ เพิ่มรายได้ หรืออาจจะทำการลดรายจ่ายชั่วคราวก็ได้ในช่วงที่รายได้ยังไม่พร้อม แต่ที่สำคัญคืออย่ากดดันจนเกินไปไม่ว่าจะเป็นตัวเองหรือคนในครอบครัวก็ได้ เพราะอาจจะทำให้เกิดความเครียดภายในครอบครัว จนนำไปสู่ปัญหาที่ใหญ่ขึ้นได้นั่นเอง ซึ่งแนวทางการแก้ไขนั้นให้เริ่มจากการสำรวจตัวเองว่าทำไมถึงมีรายได้ไม่พอใช้ เป็นเพราะรายได้น้อยกว่ารายจ่ายจริงๆ หรือเป็นเพราะคุณใช้จ่ายฟุ่มเฟือยกันแน่ ซึ่งหากเป็นแบบแรก ก็ให้หารายได้เสริม เพื่อให้มีเงินพอใช้มากขึ้น แต่หากเป็นแบบหลัง ก็ควรลดรายจ่ายฟุ่มเฟือยลง แค่นี้ก็จะมีรายได้เพียงพอในแต่ละเดือนแล้ว
รายจ่ายมากเกินไป
นี่อาจจะเป็นสาเหตุที่สำคัญมากสำหรับครอบครัวหรือคนที่มีเงินไม่พอใช้ เพราะรายจ่ายบางประเภทก็ไม่ได้จำเป็นที่จะต้องจ่ายไปและเราสามารถนำมาใช้ประโยชน์อื่นๆที่ดีกว่าได้นั่นเอง ดังนั้นในแต่ละเดือนเราต้องวางแผนงบประมาณและการใช้เงินให้ดี อย่าลืมแบ่งเงินส่วนที่จะเก็บไว้ใช้ในอนาคตและเงินที่ใช้ในยามฉุกเฉินไว้ด้วย เพราะอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อนั่นเอง ใครที่มีแนวคิดว่าค่อยเก็บออมเงินจากเงินที่เหลือใช้ในแต่ละเดือน ควรเปลี่ยนแนวคิดเสียใหม่นะ เพราะเมื่อถึงสิ้นเดือนจริงๆ คุณก็อาจจะมีเงินเหลือไม่พอให้เก็บเสียแล้ว
หรือเราจะวางแผนแบบนี้ดีนะ ? อ่านเลย! > วางแผนการเงิน แบบนี้สิ! ไม่มีปัญหาแน่นอน <
หนี้สินท่วมตัว
อันนี้จะเป็นปัญหาที่เริ่มขึ้นเมื่อเราไม่สามารถจัดการกับ 2 ปัญหาแรกได้ และเป็นปัญหาเรื้อรังที่ไม่ได้แก้ไขกันง่ายๆด้วย ทางเดียวที่ทำได้คือการจัดการเงินให้รอบคอบและรัดกุมที่สุดอะไรไม่จำเป็นก็คือต้องไม่ใช้จริงๆ และหากมีเงินก้อนพอที่จะจ่ายหนี้สินก้อนไหนทั้งหมดได้ก็ควรจะเลือกชำระหนี้สินก้อนเล็กหลายๆก้อนดีกว่าก้อนใหญ่ก้อนเดียว ซึ่งจะช่วยลดการเกิดหนี้สินที่เพิ่มขึ้นจากดอกเบี้ยได้ด้วยนั่นเอง ดังนั้นพยายามชำระหนี้สินทุกรายการและถ้าปิดรายการไหนได้จะดีมากนั่นเอง เนื่องจากหากปล่อยไว้นานๆ ก็จะต้องเสียดอกมากขึ้น ซึ่งก็อาจจะเป็นจำนวนเงินที่มากกว่าเงินฝต้นเลยกฺได้
แบ่งความรับผิดชอบ
ในการใช้จ่ายเงินกันให้ดีว่าใครจ่ายอะไร แน่นอนว่าหลายๆคนในบ้านนั้นมีรายได้กันอยู่แล้ว การกำหนดไปเลยว่าใครมีหน้าที่ในการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนไหนจะช่วยลดปัญหาเรื่องหนี้สินที่ไม่ถูกชำระได้ ซึ่งต้องแบ่งตามสัดส่วนของรายได้ ใครที่มีรายได้มากก็อาจจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนที่มากไปและอย่าลืมแบ่งออกมาเป็นเงินกองกลางเพื่อใช้จ่ายในเรื่องอื่นๆภายในบ้านด้วย ซึ่งการแบ่งความรับผิดชอบในการใช้จ่ายเงินนี้ เราต้องปรึกษาหารือกันให้ดีว่าใครสามารถรับผิดชอบเงินส่วนไหนได้เพื่อป้องกันความไม่พอใจที่อาจเกิดขึ้น หรือถ้าส่วนไหนที่ต้องใช้จ่ายมากก็อาจจะหารกันก็ได้ ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาครอบครัวขึ้นมานั่นเอง
ความซื่อสัตย์
นี่ก็เป็นอีกปัญหาที่น่าจะพบได้บ่อย เพราะปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าคนทุกคนจะยังมีความโลภหรือเห็นแก่ตัวอยู่บ้าง บางครั้งเราอาจจะทำการเก็บเงินไว้บางส่วนไม่ได้เอามาจ่ายในบ้านอย่างเต็มที่หรืออาจจะปกปิดข้อมูลใดๆก็ตามที่มีผลต่อเรื่องเงิน ซึ่งจริงๆแล้วการทำเช่นนี้อาจจะผิดในแง่ของความเป็นครอบครัว และยิ่งถ้าเรื่องมีการเปิดเผยขึ้นมาสิ่งที่ตามมาคือปัญหาร้าวลึกในครอบครัวอย่างแน่นอน เพราะขนาดคนในครอบครัวยังเชื่อใจกันไม่ได้เลย แถมยังจะพาลไม่เชื่อใจในเรื่องอื่นๆตามไปด้วยอีกต่างหาก ดังนั้นถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ก็ไม่ควรมีความลับต่อกันในครอบครัว โดยเฉพาะเรื่องเงิน
และนี่คือ 5 วิธีง่ายๆที่จะทำให้ปัญหาการเงินหมดไป ซึ่งแน่นอนว่าทุกครอบครัวย่อมมีปัญหาการเงินกันอยู่แล้ว อยู่ที่ใครจะสามารถจัดการและบริหารการใช้จ่ายเงินได้ดีกว่ากัน ซึ่งหากคุณกำลังมีปัญหาการเงินอยู่ล่ะก็ ลองแก้ไขด้วยวิธเหล่านี้กันดูนะใครลองทำดูแล้วได้ผลอย่างไรก็อย่าลืมมาบอกต่อกันด้วยนะ ซึ่งเรามั่นใจเลยว่าทำตามวิธีเหล่านี้แล้ว คุณจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
ใครที่มีปัญหาการเงินและมักจะเคร่งเครียดกับปัญหาเงินไม่พอใช้ มีปัญหาภายในครอบครัวบ่อยๆ ควรมีสติและใช้สติในการแก้ปัญหาทุกอย่าง และที่สำคัญไม่ควรประชดประชันกันด้วยการใช้เงินไปกับของไม่จำเป็น เพราะนั่นจะทำให้เงินหายไปอย่างใช่เหตุ เมื่อรู้ตัวอีกที ก็อาจจะสายไปแล้วนั่นเอง