เป็นคำถามที่หลายคนสงสัยว่าเมื่อเราขอกู้เงินเพื่อสำหรับเป็นสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านกับธนาคาร เราจะต้องทำประกันด้วยหรือเปล่า เรามาดูกันดีกว่าว่าประกันที่เจ้าหน้าที่ของธนาคารมักจะเชิญชวนให้เราทำประกันนั้น คือประกันอะไร เมื่อทำแล้วเราจะได้อะไรบ้าง
เวลาที่เราขออนุมัติสินเชื่อกับธนาคารเพื่อซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมนั้น เราจะถูกเชิญชวนให้ทำประกันหรือถูกจูงใจให้เราทำประกันเพื่อได้อัตราดอกเบี้ยในการกู้สินเชื่อที่ถูกกว่าการไม่ทำประกัน ซึ่งประกันที่ว่านี้จะเรียกว่า ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน MRTA หรือ Mortgage Reducing Term Assurance เป็นการประกันชีวิตที่คุ้มครองวงเงินสินเชื่อบ้านที่เราได้รับอนุมัติจากธนาคาร มีระยะเวลาคุ้มครองให้เลือก เช่น 5 ปี 10 ปี หรือจะเป็น 30 ปี ก็ได้ ส่วนอัตราค่าเบี้ยประกันจะขึ้นอยู่วงเงินสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติ และวิธีการชำระค่าเบี้ยประกันก็มักจะรวมอยู่กับวงเงินสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติซึ่งการทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อบ้าน MRTA นั้นทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือจะเป็นคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ก็กำหนดไว้ว่าห้ามนำเงื่อนไขมาบังคับให้ลูกค้าทำประกันชีวิตประเภทนี้ในการอนุมัติวงเงินสินเชื่อ ดังนั้นสิ่งที่ธนาคารหลายๆ แห่งจะทำกันก็คือ ใช้อัตราดอกเบี้ยมาเป็นสิ่งจูงใจ เพื่อให้ลูกค้าเลือกโปรแกรมสินเชื่อที่มีประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อบ้านมาด้วย เพราะทางเลือกนี้อัตราดอกเบี้ยจะถูกกว่าสินเชื่อธรรมดาถึง 0.5% เลยทีเดียว
ทั้งนี้ประโยชน์ของการทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อบ้าน MRTA นี้ก็มีไม่น้อยเลย หากลูกค้าที่กำลังผ่อนบ้านอยู่กับธนาคารเกิดเสียชีวิตขึ้นมาหรือทุพลภาพถาวรสิ้นเชิงเป็นการถาวรตามระยะเวลาที่ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์ประกันชีวิตฯ และตามทุนประกันที่ระบุเอาไว้ในประกันชีวิตฯ บริษัทประกันก็จะเป็นผู้จ่ายเงินกู้ที่เหลืออยู่ทั้งหมดกับธนาคาร และถ้าหากคำนวณแล้วพบว่าทุนประกันชีวิตสูงกว่าจำนวนหนี้ที่เหลืออยู่กับธนาคาร ครอบครัวของลูกค้าก็จะได้เงินส่วนต่างนั้นคืนด้วย อีกทั้งครอบครัวของลูกค้าที่เสียชีวิตก็ไม่ต้องเครียดว่าจะถูกยึดบ้านไปอีกต่างหาก รวมทั้งเบี้ยประกันชีวิตที่เกิดขึ้นนั้นสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
แต่ถ้าต้องการให้ได้ประโยชน์จากการทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อบ้าน MRTA แล้วละก็ เราควรที่จะซื้อประกันภัยให้คุ้มครองระยะเวลาที่เราผ่อนชำระกับธนาคาร เช่น ผ่อนกับธนาคาร 30 ปีประกันก็ควรจะเป็น 30 ปี เหมือนกัน เพราะถ้าเราเลือกทำประกันเพียงแค่ 10 ปี แต่บ้านที่เราซื้อผ่อนกับธนาคาร 30 ปี นั้นพอประกันชีวิตหมดอายุลง แต่ภาระการผ่อนบ้านยังอยู่มันก็ยังคงเป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับตัวเราและครอบครัวได้ หรือไม่เราผ่อนบ้านกับธนาคารไว้ 30 ปี ทำประกันเพียงแค่ 10 ปี หากในปีที่ 7 เกิดเป็นอะไรขึ้นมา วงเงินที่ประกันจ่ายให้ก็ไม่คุ้มครองจำนวนหนี้ที่มีอยู่กับธนาคารอยู่ดี เป็นภาระให้กับครอบครัวในภายหลังได้อีกเช่นกัน
และถ้าหากเราผ่อนชำระหนี้สินหมดเรายังสามารถขอเวนคืนเงินตามมูลค่าของกรมธรรม์ได้อีก ซึ่งเราสามารถดูเงินเวนคืนได้จากรมธรรม์ที่มีอยู่ และที่สำคัญเราจะต้องเก็บตัวกรรมธรรม์ฉบับจริงไว้อยู่จนกว่ากรมธรรม์จะหมดอายุสัญญา เพราะในการเวนคืนเงินกรมธรรม์นั้นเราจะต้องส่งกรมธรรม์ตัวจริงให้กับบริษัทประกันเพื่อเป็นหลักฐานในการของเงินคืนอีกด้วย
จริงๆ แล้วการทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ MRTA ที่มาพร้อมกับการขอกู้เงินเพื่อซื้อบ้านนั้น เป็นประกันชีวิตที่น่าสนใจไม่น้อย เพียงแต่การนำเสนอของเจ้าหน้าที่สินเชื่ออาจจะไม่แจกแจงผลประโยชน์ให้กับคนกู้ให้เข้าใจว่าทำไมต้องทำ ทำไมค่าเบี้ยประกันถึงได้สูงมาก หรือทำแล้วสิ่งที่จะได้รับตามมาคืออะไรบ้าง ถ้าผ่อนบ้านหมดแล้วก็จะได้เงินคืนจากกรมธรรม์อีก ซึ่งสิ่งเหล่านี้เจ้าหน้าที่สินเชื่อมักจะไม่ค่อยอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจ ส่วนใหญ่มักจะบอกให้ลูกค้าซื้อประกันด้วย แต่บอกเพียงจะได้ดอกเบี้ยที่ดีกว่า บอกเพียงแต่ว่าจะทำให้อนุมัติสินเชื่อได้ง่ายกว่า เป็นต้น จึงทำให้ลูกค้ามีความรู้สึกไม่ดีกับการซื้อประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ MRTA
เพราะฉะนั้นถ้าใครกำลังจะขอ กู้สินเชื่อบ้านกับธนาคาร อยู่ ก็ลองให้เจ้าหน้าที่สินเชื่ออธิบายเงื่อนไขต่างๆ ของการประกันให้เข้าใจก่อน เพราะอย่างน้อยประกันชีวิตแบบนี้ก็เป็นการซื้อความเสี่ยงและความสบายใจให้กับคนในครอบครัวของเราอีกทางหนึ่ง