ยังคงเป็นค่านิยมทางการคิด ที่ดูแล้วไม่มีทีท่าว่าจะทำให้ใครต้องเปลี่ยนใจเลยด้วยซ้ำ ไม่น่าเชื่อว่ายังมีอีกหลาย ๆ คน ที่คิดเรื่องการเปลี่ยนงาน หลังจากเทศกาลปีใหม่จบไป หลายคนที่มีความคิดว่าอยากจะเริ่มอะไรใหม่ๆ งานใหม่ๆ เป็นคนใหม่ เปลี่ยนแปลงเป็นคนใหม่ ทำสีผมใหม่ ฯลฯ เรียกว่าเป็นค่านิยมแปลกๆ แบบไม่น่าจะเป็นไปได้ โดยเฉพาะบางคนที่ ที่ได้รับโบนัสไปแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะอยากลองหางานใหม่ๆ เพื่อที่จะทำให้ได้เงินเดือนเพิ่มขึ้น
อ่านเพิ่มเติม >> 5 ข้อต้องคิดก่อน เปลี่ยนงาน ใหม่ <<
ในปัจจุบันการทำงานไม่ใช่ว่าจะเลือกทำงานเฉพาะที่ตัวเองถนัดหรือชอบเพียงอย่างเดียวแล้ว หากแต่เดี๋ยวนี้ต้องบอกว่ามีเรื่องของเงินเดือน เข้ามาเป็นเหตุผลหลัก หลายคนคิดว่าการโยกย้ายงานไปเรื่อยๆ นั้น จะทำให้เป็นการอัพเงินเดือนตัวเองให้มากขึ้น ซึ่งหากเป็นระยะสั้นก็อาจจะทำให้ได้รายได้เพิ่ม โดยเฉพาะงานประเภทที่ต้องการคนที่มีประสบการณ์ หรือเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันกันสูง แต่ในระยะยาวแล้วคุณแน่ใจแค่ไหนว่าจะเป็นผลดีกับตัวเอง เพราะบางแห่งเมื่อคุณทำกำไร หรือจัดการงานได้ตรงตามเป้าเร็วแล้ว ก็อาจทำให้คุณกลายเป็นคนหมดประโยชน์ไปเลยก็ได้
แน่ใจแค่ไหนกับการ เปลี่ยนงานใหม่
การเปลี่ยนงาน คือ เปลี่ยนที่ทำงานหรือเปลี่ยนลักษณะงาน ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะเปลี่ยนที่ทำงานใหม่ หรือบริษัทใหม่นั่นเอง โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่หลายคนคิดวางแผนเอาไว้ว่า หากได้โบนัสเมื่อไหร่ ก็จะเริ่มไปสมัครงานที่อื่น เพราะอยากจะได้งานใหม่ โดยอาจจะสมัครไว้ก่อนล่วงหน้า ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่ชอบรอปลายปี ก็เพราะต้องการเงินโบนัสที่เป็นเงินก้อนซะก่อน ทำให้มีหลายๆ บริษัท มักจะมีพนักงานสมัครเข้า และลาออก ในช่วงหลังเทศกาลปีใหม่จำนวนไม่น้อย ซึ่งช่วงปลายปีเป็นช่วงที่หลายๆคนคิดจะ เปลี่ยนงานใหม่ รวมถึงกลุ่มนักศึกษาจบใหม่ที่ทำงานแบบผ่านโปรมาแล้ว ก็เตรียมที่จะประเมินสถานการณ์ตัวเองว่าจะอยู่ทำงานต่อที่เดิมหรือจะไปอัพเงินเดือนจากที่อื่น เชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ทำงานที่เดียวตลอด และเมื่อเห็นคนอื่นเปลี่ยนงาน ก็มักจะตั้งคำถามกับตัวเองว่าจะเปลี่ยนงานดีไหม
สาเหตุของการเปลี่ยนที่ทำงานใหม่หลังเทศกาลปีใหม่
นอกเหนือจากรอเงินโบนัสสิ้นปีแล้ว เหตุผลที่หลายคนเตรียมอยากจะออกหลังช่วงปีใหม่ เพราะต้องการเริ่มอะไรใหม่ๆ ให้กับชีวิต การเปลี่ยนบริษัทใหม่อาจจะเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งอาจจะมีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว โดยอาจจะไปยื่นใบสมัครโดยส่งไปทางอีเมล์ และขอเริ่มงานหลังปีใหม่นั่นเอง แต่บางคนทำงานที่เดิมมานานและรู้สึกเบื่อกับการที่ทำ เบื่อเพื่อร่วมงาน หรือถูกกดดันจากหัวหน้างานและเพื่อนๆ ทำให้อยากจะหาทางออกไปทำงานที่อื่น ซึ่งบางคนก็ไม่อดทนพร้อมกับยื่นใบลาออกอย่างเร่งด่วน ส่วนบางคนที่อดทนยอมเหนื่อยจนถึงสิ้นปีก็เพื่อที่จะรอโบนัส หรือรอว่าอาจจะมีอะไรที่ดีขึ้น อย่างการขึ้นเงินเดือน หรือการได้เลื่อนตำแหน่งใหม่ แต่หากไม่มีอะไรในก่อไผ่เกิดขึ้น ก็อาจจะต้องจรลีไปหลังปีใหม่เช่นกัน เมื่อทำงานอย่างไม่มีความสุข ผลงานก็จะทำให้ออกมาไม่ดี แต่หากจะรีบลาออกก็อาจจะดูเร็วเกินไปกับประสบการณ์การทำงาน ทำให้ต้องทำงานต่อเพื่อสะสมประสบการณ์ สำหรับนำไปใช้ต่อยอดในการสมัครงานที่อื่นในการทำงานที่มีความรับผิดชอบสูงขึ้นได้
คิดผิดเมื่อตัดสินใจลาออกแบบรีบด่วน
การลาออกอย่างกะทันหัน โดยไม่ได้ไตร่ตรอง มักจะได้ยินตามหลังมาว่า ไม่น่าลาออกเลย หรือ รู้งี้ไม่ออกดีกว่า มีพนักงานที่เพิ่งจบการศึกษาและอาจจะเพิ่งทำงานในปีแรก มักจะลาออกหลังจากที่ผ่านโปรแล้ว เนื่องจากเด็กจบใหม่มักคิดสั้น และไม่ยอมศึกษาข้อมูลให้ดี และไม่รู้จักอดทน เมื่อเจอปัญหาในการทำงาน ก็คิดว่าที่ทำงานนี้ไม่ดี น่าจะเปลี่ยนไปทำที่ใหม่อาจจะดีกว่า แต่กลับกลายเป็นว่าเมื่อย้ายไปอยู่ที่บริษัทใหม่แล้ว ก็ไม่วายที่จะเจอปัญหาเหมือนกัน หรือบางคนอาจจะเจอเรื่องแย่กว่าด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเรื่องงาน หน้าที่ความรับผิดชอบ หรือเพื่อนร่วมงาน เพราะคุณต้องไปนับหนึ่งใหม่ แต่ในเมื่อออกมาแล้วจะยากที่จะกลับไปที่เก่า หรือแม้แต่ผู้ที่ทำงานมานาน แล้วก็ลาออกหลังปีใหม่ ซึ่งบางคนที่ไม่ยอมเตรียมตัวอะไร ลาออกโดยที่ไม่มีงานอื่นรองรับ เพราะคิดว่างานหาง่าย หรือหน้าที่ตัวเองน่าจะหางานง่าย ซึ่งอาจจะเป็นความคิดที่ผิดก็ได้ อย่าลืมว่าโลกนี้ไม่ได้มีคนเก่งเพียงแค่คุณคนเดียว และอย่าลืมว่า ยังมีโอกาส และองค์ประกอบอื่นๆ ที่จะทำให้ได้งานใหม่ ซึ่งอาจจะไม่ใช่ความสามารถหรือประสบการณ์เท่านั้น หรือหากแม้ว่าคุณได้งานหลังจากเทศกาลปีใหม่ ซึ่งดูแล้วเหมือนว่าคุณโชคดี แต่ใครจะไปคิดว่า งานใหม่ที่คุณได้ง่ายๆ นั้น หนักหนาสาหัส และลำบากมากกว่าที่เดิม แถมยังเจอเจ้านายสุดเฮี๊ยบ และเพื่อนร่วมงานขี้อิจฉาอีก ซึ่งหากคุณเจอเช่นนั้นจริงๆ แน่นอนว่าคุณคงจะคิดถึงที่ทำงานเก่า แม้เงินเดือนจะไม่มากมายขนาดนี้ แต่มีหัวหน้าดี เพื่อนฝูงคอยช่วยเหลือ แถมบางวันก็ไม่มีงานมากมายขนาดนี้ ซึ่งนั่นอาจเป็นเพราะคุณลืมศึกษาข้อมูล และการทำงานของบริษัทใหม่นั่นเอง ทำให้คุณพลาดโอกาสอย่างแรง มีทางเดียวก็คือ จะต้องฮึดสู้และเริ่มนับหนึ่งใหม่
ลองถามตัวเองก่อนเปลี่ยนงานดูว่า คุณพร้อมที่จะกล้าไปเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ไหม กล้าที่จะเผชิญหรือนับหนึ่งใหม่หรือไม่ และหากไปแล้วไม่ก้าวหน้า คุณจะวางแผนต่อไปอย่างไร ซึ่งไม่ว่าจะเปลี่ยนงานหลังปีใหม่หรือช่วงไหนๆ หากจะต้องตัดสินใจย้ายแล้ว ก็ควรจะคิดดีๆ คิดถึงผลได้ผลเสียที่อาจจะเกิด รวมถึงการตั้งรับกับปัญหาที่จะเกิดด้วยเช่นกัน