ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม เรามักจะเห็นรถเข็นขายหมูปิ้ง จอดขายอยู่ตามข้างทางเสมอ ๆ และโดยเฉพาะในเวลาเร่งรีบและหาร้านอาหารลำบากนั้น หลายคนก็เลือกที่จะซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งแทนการไปนั่งตามร้านเพราะอร่อย ทานง่าย สะดวกรวดเร็ว อีกทั้งยังมีราคาย่อมเยา
ณ วันนี้ อาจมีหลาย ๆ คนเคยได้ยินชื่อของ เฮียนพ นครสวรรค์ เจ้าของธุรกิจหมูปิ้งที่มียอดขายเกือบ 4 ล้านไม้ต่อเดือน ใครจะคิดว่า จากอดีตเด็กหนุ่มกรรมกรก่อสร้างผู้ซึ่งอาบเหงื่อต่างน้ำในไซต์งานก่อสร้าง, จากอดีตวินมอเตอร์ไซค์ผู้ผูกเปลนอนต่างเตียง, จากอดีตพนักงานรักษาความปลอดภัยที่เคยต้องอาศัยป้อมยามเป็นที่หลับนอน ในยามที่บ้านเคยอยู่โดนยึดถูกขายทอดตลาด มาวันนี้จะกลายเป็นเจ้าของกิจการที่มีพนักงานในความดูแลเกือบ 50 ชีวิต และเป็นเจ้าแรกเจ้าเดียวในไทยที่จัดตั้งโรงงานหมูปิ้งอย่างเต็มรูปแบบเป็นเจ้าแรก วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับคุณชวพจน์ ชูหิรัญ หรือที่รู้จักกันในนามเฮียนพ นครสวรรค์นั่นเอง
คุณนพ มีพี่น้องรวมกันทั้งสิ้น 4 คน เขาเป็นลูกคนที่ 2 ในวัยเด็กนั้นบิดามารดาประกอบอาชีพขายผัก คุณพ่อของคุณนพมีความตั้งใจที่จะส่งลูก ๆ เรียนในระดับสูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่แล้วชีวิตก็ต้องพลิกผัน ในวัย 11 ปี นั้นเอง คุณนพก็ได้สูญเสียคุณพ่อผู้ซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวไป แม้ว่าต่อมาเขาจะยังมีโอกาสได้ศึกษาต่อจนถึงระดับชั้นม.3 แต่เพราะรายได้ที่ไม่เพียงพอ กอปรกับน้อง ๆ อีก 2 คน ที่กำลังอยู่ในวัยเรียนเช่นกัน เขาจึงเลือกที่จะหางานทำเพื่อแบ่งเบาภาระของครอบครัว
ในช่วงวัยรุ่นเขาจึงเลือกที่จะทำงานเป็นช่างทาสีหิ้วปูนอยู่ตามไซต์งานก่อสร้าง จนกระทั่งมีครอบครัวเขาคิดว่าอาชีพกรรมกรนี้ไม่มีความมั่นคงจึงได้หันไปทำงานในนิคมอุตสาหกรรมแทน จากอาชีพนี้เอง ทำให้เขาสร้างเนื้อสร้างตัว มีบ้าน มีรถ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
แต่แล้วก็เหมือนโชคชะตาเล่นตลก ในช่วงปี 40 เกิดภาวะเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ส่งผลกระทบแผ่ขยายไปในวงกว้าง โรงงานที่เขาทำก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ท้ายที่สุดเขาก็ถูกเลิกจ้างพร้อมได้รับเงินชดเชยก้อนนึงมาไว้ทำทุน เขาหันไปจับธุรกิจขายต้นไม้ ก็พบว่าไม่รุ่ง หันไปเรียนทำน้ำยาล้างจานเดินเร่ขาย ก็ไม่ได้รับความสนใจ ในที่สุดจึงไปสมัครเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย ช่วงเวลานั้นเขาขาดส่งค่างวดบ้านมาหลายงวดจนท้ายที่สุดบ้านก็ถูกขายทอดตลาดไปในที่สุด เขาต้องอาศัยหลับนอนในป้อมยามหลังออกกะ ต้องใช้ขันตวงน้ำจากก๊อกน้ำทีละขันในส้วมอาบ เพราะไม่มีบ้านให้กลับไปพักผ่อนหลับนอนได้อีกแล้ว
ต่อมาเขาจึงได้ไปอาศัยผูกเปลนอนที่ร้านของน้องสาว และยังคงทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย เพื่อน ๆ ได้แนะนำให้เขามาลองเช่าแท็กซี่ขับดูเพราะรายได้ดี แต่เหมือนโชคไม่เข้าข้าง เขาไม่ได้รับผู้โดยสารเลย เลยเลิกหันกลับมาเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยอย่างเดิม เบิกค่าแรงล่วงหน้าแทบทุกวันเพราะเงินไม่พอใช้
ในความมืดมิดยังคงมีแสงสว่าง… วันหนึ่ง ก็มีคนรู้จักหยิบยื่นโอกาสมาให้เขา โดยมอบเสื้อวินมอเตอร์ไซค์ให้เขาเปล่า ๆ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แม้ในช่วงแรก ๆ เขาจะอายไม่กล้าประกอบอาชีพนี้ แต่เพราะความบีบคั้นจากสถานการณ์ทางการเงิน เขาจึงตัดสินใจลองดู วันแรกที่ตัดสินใจก้าวเข้ามาสู่อาชีพวินมอเตอร์ไซค์ก็พบว่าสร้างรายได้ให้กับเขามากขึ้น
หลังพายุฝน ยังคงมีสายรุ้งและท้องฟ้าสดใสรออยู่เสมอ…
และแล้ววันหนึ่ง ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งก้าวเข้ามาในชีวิต เธอผู้นี้มีส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้ชีวิตของเขาพลิกผันไปในทางที่ดีขึ้น นั่นคือ คุณฮั้ว หัวหน้าแม่บ้าน ภรรยาตำรวจนั่นเอง
คุณฮั้ว นั้น นอกจากกจะทำหมูปิ้งขายแล้วยังสอนทำหมูปิ้งด้วย เธอได้จ้างวานคุณนพให้ขี่มอเตอร์ไซค์นำหมูไปส่งให้กับลูกค้ายังที่ต่าง ๆ ต่อมาน้องสาวของคุณนพก็ได้มีโอกาสมาเรียนทำหมูปิ้งกับเธอจนสามารถนำไปประกอบเป็นอาชีพได้ และน้องสาวก็ได้ชักชวนให้คุณนพทำหมูปิ้งส่งให้เพราะเธอทำไม่ทัน แม้แรกเริ่มเดิมที เขาไม่ได้สนใจจะยึดเป็นอาชีพแต่อย่างใด แต่เมื่อเห็นว่าไม่ต้องไปนั่งปิ้งเองเขาก็เลยลองทำดู
แต่แม้ว่าบ้านจะถูกขายทอดตลาดไปแล้ว เขาก็ยังคงมีหนี้สินอีกกว่า 2 แสนบาท ที่ต้องชำระแก่ธนาคาร เมื่อเขาไม่สามารถหาเงินมาชำระได้ ที่ดินที่เป็นมรดกชิ้นสุดท้ายที่พ่อทิ้งไว้ให้ ซึ่งมีชื่อพี่น้องคนอื่น ๆ ในผืนเดียวกันรวม 4 คน ก็จะต้องถูกบังคับขายเพื่อนำเงินในส่วนที่เป็นของเขามาจ่ายแก่ทางธนาคาร เขาได้แต่เฝ้าภาวนาขอให้สามารถหาเงินไปไถ่ถอนที่ผืนนี้กลับคืนมาให้ได้
และแล้ว จุดพลิกผัน ก็เริ่มมาจากมีลูกค้ารายหนึ่งออเดอร์หมูจากเขา 1,000 ไม้ต่อวัน คิดเป็นเงินถึงวันละ 4,000 บาท ซึ่งต่อมาก็ปรากฏว่าเขามีลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก แม้ในช่วงน้ำท่วมเมื่อปี 54 ก็ไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อธุรกิจของเขา แต่เพียงชั่วระยะเวลา 3 เดือน นั้นเอง กลับสร้างรายได้ทำให้เขามีเงินเก็บกว่า 3 ล้านบาท
ต่อมาเขาจึงตัดสินใจซื้อที่, สร้างโรงงาน, จัดตั้งบริษัท, ขอ อย. ทำทุกอย่างให้ถูกต้องเพื่อให้สินค้าของเขาเป็นที่ยอมรับและได้มาตรฐาน กลายเป็นเจ้าแรกเจ้าเดียวในไทยที่มีโรงงานหมูปิ้งอย่างเต็มรูปแบบ ยอดขายก็ดีวัน ดีคืน จนมียอดการส่งขายทั่วภูมิภาคเกือบ 1 ล้านไม้ต่อสัปดาห์ และเพื่อเอาใจลูกค้าชาวมุสลิม เขาจึงได้หันมาทำไก่ปิ้งเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าอีกช่องทางหนึ่งด้วย
แม้ว่าทุกวันนี้ เขาจะมีพร้อมทุกอย่าง ทั้งชื่อเสียง เงินทอง แต่คุณนพก็ยังคงใช้ชีวิตอย่างสมถะ อาศัยอยู่ในบ้านเอื้ออาทร ใช้รถคันเก่า หลายครั้งเขาก็อาศัยหลับนอนในออฟฟิศ เขามองว่าสิ่งของนอกกายหาใช่ความสุขที่แท้จริงไม่ ความสุขของเขา คือ การได้เห็นพนักงานส่งเงินกลับไปให้ครอบครัวที่อยู่ทางบ้านใช้ ความสุขของเขา คือ การได้เห็นลูกค้าหลายรายสามารถสร้างเนื้อ สร้างตัว ลืมตาอ้าปากได้เพราะนำหมูปิ้งของเขาไปขาย แม้ว่าหลายครั้งที่ชีวิตต้องล้มลุกคลุกคลานแต่เขาไม่เคยเก็บเอามาคิดหรือเอามาบั่นทอนกำลังใจ เขายังคงเชื่อมั่นว่าทุกปัญหาจะต้องมีทางออก ขอเพียงไม่ย่อท้อ และวันนี้เขาก็ได้พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นแล้ว…