สถานการณ์ ราคาน้ำมัน ณ วันที่ดีเซลลดลงเหลือราคาไม่ถึง 20 บาท ในเดือน ม.ค.-ก.พ. กับควันหลงเทศกาลปีใหม่ และตรุษจีนยังไม่สร่างซา บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสุข แต่เมื่อมองในแง่ของการจับจ่ายใช้สอยแล้ว ผู้คนส่วนใหญ่ยังระมัดระวังยังไม่กล้าใช้สอยมาก อาจเพราะยังไม่มั่นใจถึงทิศทางของเศรษฐกิจในอนาคต โดยสามารถเห็นได้จากแนวโน้มราคาน้ำมันที่ยังคงอยู่ในช่วงขาลง หรือแม้แต่เศรษฐกิจของประเทศเองก็ยังไม่ค่อยกระเตื้องขึ้นเท่าไรนัก
ในปีที่ผ่านมา เกิดสถานการณ์น้ำมันดิ่งราคาลงอย่างรุนแรง โดยมีสาเหตุมาจากอุปทานล้นตลาดเกินไป ซึ่งช่วงปลายเดือน พ.ย.58 นั้น ราคาน้ำมันก็เกิดร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว แต่องค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หรือที่รู้จักกันในชื่อโอเปก แสดงความรับผิดชอบการผลิตน้ำมันออกสู่ตลาดโลก และตัดสินใจไม่มีการปรับลดกำลังการผลิต ถึงแม้ว่าปริมาณน้ำมันจะล้นตลาดแค่ไหนก็ตาม จึงส่งผลทำให้ราคาน้ำมันในตลาดลอนดอนและตลาดนิวยอร์ก ราคารูดลงมาแตะที่ระดับต่ำสุด และส่งผลต่อราคาน้ำมันในประเทศไทยด้วย ซึ่งจากสถานการณ์น้ำมันดิ่งลงแบบนี้ นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน ได้ออกมาประเมินสถานการณ์ว่า แม้ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ราคาน้ำมันยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ในช่วงต้นปี 2559 น่าจะมีการปรับตัวลดลงไปได้อีกแน่นอน
ราคาน้ำมันลดลงได้หรือเสียกันแน่
สำหรับในด้านดีหรือคนได้ เมื่อราคาน้ำมันลดลงอย่างแรกก็จะเป็นการดีสำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนในบ้านเราอย่างแน่นอน อีกทั้งน้ำมันใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตสินค้าและบริการ รวมไปถึงใช้เป็นเชื้อเพลิงในการขนส่งสินค้า และเมื่อราคาน้ำมันลดลง ย่อมทำให้ต้นทุนของผู้ผลิตลดลงตามมาด้วย ทำให้คนขายสามารถขายสินค้าได้ถูกลงและขายของได้จำนวนมากขึ้น จึงทำให้ราคาของสินค้าและบริการถูกลง ดังนั้นทั้งคนซื้อ คนขาย ก็มีความสุข กันทั้งสองฝ่าย หันมามองเศรษฐกิจโลกในภาพรวม การที่ราคาน้ำมันถูกลง จะมีผลดีมากกว่าผลเสีย คือจะทำให้เศรษฐกิจโลกขยายตัวดีขึ้น ซึ่ง IMF ได้ประเมินไว้ว่า เมื่อราคาน้ำมันลดลงถึงร้อยละ 30 จะทำให้ด้านเศรษฐกิจของโลกขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 0.8 เลยทีเดียว แต่ก็ไม่ใช่ว่าในทุกประเทศจะได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ลดลงเท่าเทียมกัน เพราะว่าในแต่ละประเทศจะมีบทบาทต่อน้ำมันในทิศทางที่แตกต่างกัน แต่มองโดยรวมแล้ว คนได้ประโยชน์มากกว่าคนเสียประโยชน์แน่นอน
สำหรับคนที่ได้ประโยชน์ในงานนี้ ก็คือประเทศผู้นำเข้าน้ำมันสุทธิอย่างบ้านเรา เพราะเสียเงินนำเข้าน้ำมันลดลง แต่ได้น้ำมันในปริมาณเท่าเดิม ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดมีการปรับตัวดีขึ้น และเมื่อราคาสินค้าในประเทศโดยรวมลดลงตามราคาน้ำมัน ก็จะทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลง ผู้บริโภคเองก็สามารถซื้อสินค้าและบริการได้มากขึ้นอีกด้วย จึงทำให้เศรษฐกิจในประเทศขยายตัว นักลงทุนก็กล้ามาลงทุนมากขึ้น ดูแล้วเมื่อต้นทุนน้ำมันต่ำลง ทิศทางเศรษฐกิจก็ดูสดใสขึ้น ทั้งนี้ ประเทศที่เคยอุดหนุนน้ำมันก็จะลดการอุดหนุนน้ำมันลงเพื่อลดภาระทางการคลัง และนำเงินส่วนนี้ไปใช้พัฒนาสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานแทน ซึ่งก็ได้ประโยชน์ไปอีก
ส่วนคนที่เสียประโยชน์ชัดเจนก็คือ ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันสุทธิ โดยจะทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดต้องปรับตัวลดลง จากการขายน้ำมันในปริมาณเท่าเดิม แต่ได้รับเงินต่างประเทศน้อยลง และหากเป็นประเทศที่ต้องพึ่งพิงรายได้จากน้ำมันเป็นหลักยิ่งไปกันใหญ่ ซึ่งจะมีกองทุนช่วยเหลือในยามราคาน้ำมันตกต่ำอยู่ในวงจำกัด แถมหากขาดดุลการคลังเป็นทุนเดิมอยู่แล้วอย่างรัสเซีย อิรัก อิหร่าน ไนจีเรีย ลิเบีย และเวเนซุเอลา ด้วยแล้ว ยิ่งกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจยิ่งขึ้น เพราะรายได้ประชาชนจากการขายน้ำมันลดลงนั่นเอง จึงทำให้เศรษฐกิจในประเทศแย่ลง จนรัฐอาจต้องตัดงบประมาณในการพัฒนาประเทศในด้านอื่น ๆ นำเงินมาพยุงธุรกิจน้ำมันให้อยู่รอดอีกด้วย
นอกจากประเทศผู้ผลิตน้ำมันเสียประโยชน์แล้ว ผู้ผลิตสินค้าที่สามารถนำมาใช้ทดแทนน้ำมันได้อย่างยางพารา ก็จะประสบปัญหาไม่ต่างจากผู้ผลิตน้ำมันเช่นกัน เพราะเมื่อราคาน้ำมันตกต่ำ ผู้ประกอบการที่ใช้ยางพาราหรือสินค้าอื่น ๆ แทนการน้ำมันช่วงราคาแพง ก็หันกลับมาใช้น้ำมันในการผลิตเหมือนเดิม เพื่อลดต้นทุนในการผลิต ทำให้ราคาของสินค้าเหล่านี้ต่างก็พากันดิ่งลงตามราคาน้ำมันไปด้วย ซึ่งจะเห็นได้จากราคายางพาราในปัจจุบัน จากที่เคยขายได้อยู่โลละ 100 บาท ขณะนี้เหลือเพียง 3 โล 100 บาทเท่านั้น
ไม่เพียงแค่นั้น ราคาน้ำมันยังกระทบต่อตลาดการเงินอีกด้วย เพราะธุรกิจน้ำมันมีสัดส่วนค่อนข้างใหญ่ในดัชนีตลาดหุ้นในทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย เพราะกลุ่มพลังงานมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากเพียงกลุ่มธนาคารเท่านั้น จึงส่งผลต่อราคาหุ้นของบริษัทเหล่านั้น จนทำให้ดัชนีตลาดหุ้นผันผวน ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงที่ต้องจับตามองยิ่งนัก
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าราคาตกต่ำลงจะส่งผลกระทบต่อประเทศผู้ค้าน้ำมันเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเหมือนว่าจะห่างไกลจากประเทศเรา แต่หากราคาน้ำมันที่ตกต่ำนี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศเหล่านี้รุนแรงมากขึ้น ก็อาจทำให้เศรษฐกิจของโลกได้รับผลกระทบ และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของไทยอีกทีหนึ่งได้เช่นกัน และ บริษัทพลังงานในไทยก็มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจของไทยทั้งในภาคเศรษฐกิจจริงและภาคการเงินอีกด้วย ไทยจึงไม่ควรนิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกขณะนี้ได้เลย