” ถ้าไม่มีอะไรทำ ก็ไม่ต้องทำอะไร “
ขึ้นต้นด้วยถ้อยคำกวนๆแบบนี้ ไม่ได้ตั้งใจมากวนใดๆทั้งสิ้น แต่มันคือคำที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนผู้ร่ำรวยและเก่งกาจของโลกได้เคยกล่าวเอาไว้ คำกล่าวนี้มีนัยถึงจังหวะเวลาของการลงทุน ถ้าหากโอกาสและจังหวะยังมาไม่ถึง เราก็ต้องอดทนรอ นักเล่นหุ้นชั้นเซียน คิดอยู่เสมอว่า ถ้าเขายังไม่พบเจอกับการลงทุนที่สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ของตัวเอง เขาก็จะรออย่างอดทนต่อไป อย่างไม่มีกำหนด ส่วนนักเล่นที่อ่อนหัดจะรู้สึกและมีความคิดว่า เขาจะต้องทำอะไรบางอย่างในตลาดหุ้นอยู่ตลอดเวลา
จะเล่นหุ้น ต้องหัดวิเคราะห์ด้วยตนเอง
วอร์เร็น บัฟเฟตต์ นักลงทุนที่เป็นตำนานระดับโลก ค้นพบวิธีลงทุนที่ประสบความสำเร็จด้วยตัวเอง บัฟเฟตต์ เรียนรู้เกี่ยวกับบริษัททุกบริษัทในสหรัฐ ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้น บัฟเฟตต์จึงมีข้อมูลมากมายของบริษัท โดยๆเฉพาะบริษัทใหญ่ๆในสหรัฐอเมริกา และยังคงปรับข้อมูลเหล่านั้นให้ทันยุคสมัยอยู่เสมอๆ รายงานประจำปีของบริษัท ทุกบริษัทอยู่ภายในจิตใต้สำนึกของบัฟเฟตต์ แต่ถ้าข้อมูลส่วนไหนที่ไม่มีในรายงานประจำปี เขาจะออกไปขุดคุ้ย ลุย ค้นหา ที่ภาคสนามด้วยตนเอง
แนวทางการซื้อขายหุ้นของ จอร์จ โซรอส
การซื้อขายหุ้นของโซรอส จะตัดสินใจบนสมมติฐานที่เขาสร้างขึ้น เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่จะมาถึง สิ่งที่เขาต้องติดตามตรวจสอบอยู่เสมอก็คือ คุณภาพของสมมติฐาน และการดำเนินไปของสถานการณ์ โดยมีองค์ประกอบสำคัญ 10ประการคือ
ระหว่างทำงานประจำ กับ เป็นนายตัวเอง แบบไหนดีกว่ากัน
ไม่ว่าจะเป็นการทำงานประจำหรือการเป็นนายตัวเองต่างก็เป็นงานที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเราได้ทั้งนั้น ความแตกต่างอยู่ที่รูปแบบการทำงาน ความเป็นอิสระ ความมั่นคงในชีวิตและโอกาสต่าง ๆ ในการทำงานและความร่ำรวยที่ทำให้งานทั้งสองแบบนี้แตกต่างกันไป เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่างานทั้งสองแบบนี้แบบไหนดีกว่ากัน มีข้อดีข้อเสียอย่างไรกันบ้าง
ทำงานมีรายได้แล้ว ให้เงินพ่อแม่กันเท่าไหร่ดี ?
คนเราเมื่อถึงเวลาเติบโตเป็นผู้ใหญ่เรียนจบ หางานทำได้และมีรายได้เป็นของตัวเองแล้ว ก็เรียกได้เต็มปากว่าสามารถพึ่งพาตัวเองได้ ไม่ต้องรบกวนเงินทองของพ่อแม่อีกต่อไป คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะคนไทยที่เน้นเรื่องของความกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดาเป็นที่ตั้งอยู่แล้ว เมื่อทำงานหาเงินได้ก็มักจะแบ่งเงินส่วนหนึ่งของรายได้ให้กับพ่อแม่เพื่อตอบแทนในฐานะที่เป็นผู้มีพระคุณที่ส่งเสียเลี้ยงดูเรามา
5 ภาพยนตร์ที่สอดแทรก “บทเรียนเรื่องการเงิน” ดีที่สุด!
สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว MoneyHub มาพบกับพี่หมีโกแบร์กันอีกแล้วนะครับ วันนี้พี่หมีเอาเรื่องราวมาฝากเกี่ยวกับบทเรียนดีๆ ทางการเงิน ที่สอดแทรกอยู่ในสิ่งที่ใกล้ตัวเรามากๆ อย่าง “ภาพยนตร์” ที่เราดูกันนี่เองครับ เพราะบางครั้ง บทเรียนเหล่านี้ก็อยู่รอบตัวเรา โดยที่เราไม่รู้ตัวเลยล่ะครับ เพราะฉะนั้น เรามาดูกันเลยครับว่า บทเรียนเรื่องการเงินจากภาพยนตร์เหล่านี้ มาจากเรื่องอะไรบ้าง และจะสอนอะไรเราบ้าง