ค่าฝุ่นวันนี้ PM 2.5 กับยุคที่อากาศบริสุทธิ์ต้องจ่ายเงินซื้อ
ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ได้กลายเป็นหนึ่งปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิต และสุขภาพของคนไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับค่าฝุ่น PM 2.5 ที่เกินมาตรฐาน ไม่เพียงแต่สร้างความเสี่ยงต่อโรคทางเดินหายใจ และโรคหัวใจ แต่ยังสะท้อนถึงความเปราะบางของสิ่งแวดล้อมในยุคที่อากาศบริสุทธิ์กลายเป็นสิ่งที่ต้อง “จ่ายเงินซื้อ”
PM 2.5 คืออะไร?
PM 2.5 คือฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือประมาณ 1 ใน 25 ของเส้นผมมนุษย์ โดยฝุ่นชนิดนี้สามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ และซึมลึกถึงกระแสเลือด ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างมาก โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจ และยิ่งผุ้ที่มีอาการภูมิแพ้อยู่แล้วจะยิ่งได้รับผลกระทบมากขึ้นอีก
ค่าฝุ่นวันนี้ PM 2.5 ภัยร้ายที่ยากจะหนี
โดยปกติแล้วค่าฝุ่น PM 2.5 มักเกินมาตรฐานในช่วงฤดูหนาว และช่วงที่มีการเผาไหม้อยู่เป็นประจำ เช่น การเผาไร่ หรือการปล่อยมลพิษจากยานพาหนะและโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหลายพื้นที่ในประเทศไทยปกคลุมไปด้วยฝุ่นควันที่เกินมาตรฐาน และส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายโดยตรง อีกทั้งยังไม่มีวี่แววว่าจะเบาบางลง และการหายใจในสภาวะอากาศที่เต็มไปด้วย PM 2.5 ทุกวัน มีโทษเทียบเท่าการสูบบุหรี่หลายมวนต่อวันเลยทีเดียว
PM 2.5 เกิดจากอะไร?
- การเผาไหม้เชื้อเพลิง
-
- การเผาในภาคอุตสาหกรรม
การใช้เชื้อเพลิง เช่น ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ในโรงงานอุตสาหกรรม ปล่อยมลพิษและฝุ่นขนาดเล็กเข้าสู่บรรยากาศ - การเผาไหม้ในยานพาหนะ
การปล่อยไอเสียจากเครื่องยนต์ดีเซลและเบนซิน ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดฝุ่น PM 2.5 โดยตรง - การเผาในภาคเกษตร
การเผาไร่อ้อย ฟางข้าว หรือพืชผลทางการเกษตร ทำให้เกิดควันและฝุ่นจำนวนมาก
- การเผาในภาคอุตสาหกรรม
- การปล่อยมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานที่ไม่ได้ติดตั้งระบบกรองมลพิษ หรือมีการควบคุมการปล่อยก๊าซไม่เข้มงวด จะปล่อยฝุ่น PM 2.5 รวมถึงสารเคมีที่เป็นอันตรายเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ
- การเผาขยะ
การเผาขยะในครัวเรือนหรือในที่โล่งแจ้ง รวมถึงพลาสติกและวัสดุสังเคราะห์ จะปล่อยฝุ่นละอองและสารพิษสู่สิ่งแวดล้อม
- การก่อสร้าง
กิจกรรมก่อสร้าง เช่น การรื้อถอนอาคาร ขุดดิน หรือการปูถนน ทำให้เกิดฝุ่นขนาดเล็กที่ฟุ้งกระจายในอากาศ
- การทำเหมือง และขุดเจาะ
การทำเหมืองแร่ การขุดเจาะดิน หรือการระเบิดหิน ส่งผลให้ฝุ่นละอองขนาดเล็กกระจายตัวในอากาศ
- การปล่อยฝุ่นจากธรรมชาติ
- ไฟป่า
ควันจากไฟป่าเป็นแหล่งกำเนิดฝุ่น PM 2.5 จำนวนมาก - ฝุ่นจากดิน และทราย
ลมพัดพาฝุ่นจากพื้นที่แห้งแล้งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ
- ปฏิกิริยาทางเคมีในอากาศ
ก๊าซที่ปล่อยจากการเผาไหม้ เช่น ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) และไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) เมื่อทำปฏิกิริยากับแสงแดด และอากาศ จะกลายเป็นอนุภาค PM 2.5
- การใช้พลังงานในชีวิตประจำวัน
การใช้พลังงานในครัวเรือน เช่น การปรุงอาหารด้วยเตาถ่าน การใช้เตาแก๊ส หรือการเผาเชื้อเพลิงในบ้านเรือน
ฝุ่น PM 2.5 ทำให้เกิดโรคอะไร ได้บ้าง?
ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 มีผลกระทบต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง เนื่องจากมีขนาดเล็กมากจนสามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ และกระแสเลือดได้โดยตรง ส่งผลต่ออวัยวะ และระบบต่าง ๆ ในร่างกายอย่างหลากหลาย โดยโรคที่อาจเกิดขึ้นจาก PM 2.5 มีดังนี้
- โรคทางเดินหายใจตอนต้น
-
- โรคหลอดลมอักเสบ (Bronchitis): ฝุ่น PM 2.5 ทำให้เยื่อบุหลอดลมระคายเคือง เกิดการอักเสบ ส่งผลให้ไอเรื้อรัง หายใจติดขัด และมีเสมหะ
- โรคปอดอักเสบ (Pneumonia): การสูดดมฝุ่น PM 2.5 ในระยะยาวทำให้ปอดติดเชื้อหรืออักเสบ
- โรคหอบหืด (Asthma): PM 2.5 กระตุ้นให้เกิดอาการหอบหืดกำเริบและทำให้อาการรุนแรงขึ้น
- โรคปอด
- โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD): การสัมผัสฝุ่น PM 2.5 อย่างต่อเนื่องจะทำลายปอด ส่งผลให้เกิดปัญหาในการหายใจ
- มะเร็งปอด (Lung Cancer): PM 2.5 มีสารพิษและโลหะหนักที่เป็นสารก่อมะเร็ง (Carcinogens) เมื่อสะสมในปอดจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอด
- โรคหัวใจ และหลอดเลือด
- โรคหัวใจขาดเลือด (Ischemic Heart Disease): PM 2.5 ทำให้หลอดเลือดหัวใจอักเสบและตีบตัน เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลว
- โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke): ฝุ่น PM 2.5 เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดสมอง ทำให้เกิดอัมพฤกษ์หรืออัมพาต
- ความดันโลหิตสูง: PM 2.5 กระตุ้นการอักเสบในหลอดเลือด ส่งผลให้ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้น
- โรคในระบบภูมิคุ้มกัน
- PM 2.5 ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ทำให้ร่างกายติดเชื้อได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว
- โรคในระบบประสาท
- โรคอัลไซเมอร์ และพาร์กินสัน: ฝุ่น PM 2.5 อาจทำลายเซลล์สมอง และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคที่เกี่ยวกับความเสื่อมของระบบประสาท
- ความผิดปกติทางอารมณ์: การสัมผัสฝุ่น PM 2.5 ในระยะยาวอาจส่งผลต่อสมองส่วนที่ควบคุมอารมณ์ เช่น ความเครียด ซึมเศร้า หรือวิตกกังวล
- ผลกระทบต่อเด็ก และทารกในครรภ์
- พัฒนาการช้าของเด็ก: การได้รับ PM 2.5 ตั้งแต่ในครรภ์อาจส่งผลต่อการพัฒนาสมอง และปอดของเด็ก
- น้ำหนักแรกเกิดต่ำ: ฝุ่น PM 2.5 อาจทำให้ทารกมีน้ำหนักแรกเกิดต่ำหรือเกิดก่อนกำหนด
- โรคผิวหนัง
- PM 2.5 ทำให้ผิวหนังระคายเคือง และอักเสบ เช่น สิว ผื่นแดง หรือผิวแห้ง เนื่องจากสารพิษในฝุ่นละออง
อากาศบริสุทธิ์ที่ต้องจ่ายเงินซื้อ
ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยฝุ่น PM 2.5 และมลพิษ อากาศบริสุทธิ์ก็ได้กลายเป็นสินค้าราคาแพง ที่หลายครัวเรือนต้องลงทุนซื้อเครื่องฟอกอากาศ หน้ากากกันฝุ่น (N95) เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพ
- เครื่องฟอกอากาศ: ราคาเริ่มต้นตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักหมื่น
- หน้ากากกรองฝุ่น PM 2.5: ราคาต่อชิ้นสูงกว่า 50 บาท หากใช้งานทุกวันจะกลายเป็นค่าใช้จ่ายประจำ
แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะสามารถซื้อเครื่องฟอกอากาศ และหน้ากากป้องกันได้ แต่เชื่อหรือไม่ว่ายังมีกลุ่มคนอีกไม่น้อยที่ไม่สามารถเข้าถึงสินค้าพวกนี้ ด้วยรายได้ที่มีจำกัด คนกลุ่มนี้จึงกลายเป็นผู้ที่ต้องเผชิญความโหดร้ายของทั้งระบบเศรษฐกิจ และสภาพอากาศ
วิธีรับมือกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 ด้วยตนเอง
- ติดตามค่าฝุ่นทุกวัน
ใช้แอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์เพื่อตรวจสอบค่าฝุ่นในพื้นที่ เช่น AirVisual, Air Matters, Bangkok Air Pollution - ปกป้องตัวเอง และคนใกล้ชิด
- หากต้องออกไปนอกบ้าน ต้องสวมหน้ากาก N95 หรือหน้ากากกรองฝุ่นที่ได้มาตรฐาน (หน้ากากแบบปกติป้องกัน PM 2.5 ไม่ได้)
- ปิดประตู หน้าต่างบ้านให้มิดชด
- ใช้เครื่องฟอกอากาศในบ้านตลอดเวลา
- งดออกกำลังกาย หรือกิจกรรมกลางแจ้ง
ค่าฝุ่น PM 2.5 ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อสุขภาพเท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนวิถีชีวิตของเราจากการหายใจอากาศบริสุทธิ์ฟรี ๆ ไปสู่การเสียเงินลงทุนซื้ออุปกรณ์ และสินค้ามาป้องกันตนเอง ทั้งนี้การแก้ปัญหา PM 2.5 จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือทั้งในระดับบุคคล รัฐบาล และองค์กรต่าง ๆ เพื่อคืนอากาศบริสุทธิ์ให้กับทุกคน เพราะอากาศที่สะอาดไม่ควรเป็นสิ่งที่ต้องจ่ายเงินซื้อ แต่ควรเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของเราทุกคนต่างหาก