เขาว่ากัน การจับเสือด้วยมือเปล่า เป็นวิธีที่คนฉลาดเขามักจะทำกัน แต่อย่าลืมนะคะว่า ถ้าไม่ฉลาดพอ ก็มีสิทธิ์ที่จะโดนเสืองับเข้าให้ได้ การลงทุนก็เหมือนกันค่ะ ถ้าพูดถึงว่าการลงทุนที่กำลังฮิตฮอตกันในขณะนี้ก็เห็นทีไม่พ้นเรื่องอสังหาริมทรัพย์ (หลายคนแอบกระซิบมาว่า อย่าใช้ศัพท์ยากได้ไหม ขอแบบเข้าใจง่ายๆ ) อสังหาริมทรัพย์ก็คือ ทรัพย์สินที่อยู่ในรูปของสิ่งปลูกสร้างทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น บ้าน คอนโดมิเนียม ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม อาพาตเมนต์ หอพัก รวมไปถึงที่ดินต่างๆ
ซึ่งการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นี้ เป็นการลงทุนที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ไฟแรง เราอาจจะเคยได้อ่านบทความหรือหนังสือที่แนะนำ แนวทางการลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์มามากมาย ไม่ว่าจะเป็นวีลงทุนที่ไม่ต้องลงเงิน แบบจับเสือมือเปล่าที่ได้เกริ่นไว้ข้างต้น แต่ถามจริงๆเถอะว่า ชีวิตจริง สถานการณ์จริง จะมีสักกี่คนที่ทำได้ขนาดนั้น ถ้าไม่ใจกล้า ใจถึง มีศิลปะในการเจรจา จะทำได้หรือ ?
เอาล่ะ ยังไงก็แล้วแต่ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนจับเสือด้วยอะไรก็ตาม คุณจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้เคล็ดลับในการลงทุนเอาไว้บ้าง บทความนี้เราก็เลยจะมาพูดถึงการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทัพย์กันค่ะ
รูปแบบของการลงทุนในแบบที่หนึ่งก็คือ การลงทุนด้วยเงินของตนเองเป็นต้นว่า ทำงานเก็บเงินก้อนได้สักระยะ ไม่อยากให้เงินเหล่านี้มันนอนเล่นในบัญชีรออัตราเงินเฟ้อ เพียงอย่างเดียว คนจะรวยบางทีเขาก็มีวิธีคิดที่แตกต่างจากคนทั่วไป คนทั่วไปฐานะปานกลางมักจะใช้เงินที่เก็บสะสมได้ไปบำเรอปรนเปรอความสุขของตัวเองเป็นหลัก พอใช้หมดก็สะสมใหม่เรื่อยๆ แต่ต่างกันกับคนที่ต้องการสร้างธุรกิจ เคยได้ยินพ่อแม่ที่เคยเล่ากันมาจากรุ่นสู่รุ่นไหมล่ะคะ ที่พูดถึงคนไทยให้เอาอย่างคนจีน นอกจากจะขยันแล้ว ต้องรู้จักเก็บเงินและรู้จักสร้างเงินขึ้นมาเองให้ได้ด้วย เรื่องเล่าเสื่อผืนหมอนใบของคนจีนในสมัยก่อน เป็นการเปรียบเทียบให้เห็นว่า คนเราแม้ไม่มีอะไรติดตัวที่เป็นต้นทุนชีวิตมาตั้งแต่กำเนิดก็จริง แต่เรามารถสร้างต้นทุนเหล่านั้นขึ้นมาเองได้
การ ลงทุนอสังหาฯ เช่นกัน บางคนก็คิดว่า มันเป็นเรื่องที่ไกลตัว ไม่มีทางเป็นไปได้ เราไม่ใช่เศรษฐีที่จะไปมีเงินมากมายมาลงทุนอะไรขนาดนั้น มันก็จริงค่ะ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีเลย ถ้าต้องการที่จะลงทุนจริงๆ อย่าล้มเลิกความตั้งใจนั้น จะไม่มีสักวันเลยหรอที่เราจะสามารถเก็บเงินก้อนได้ แนะนำว่าไม่ต้องใจร้อนไปค่ะ ค่อยๆสะสมไปบ้าง ระหว่างนั้นเราก็พยายามเก็บเกี่ยวความรู้การลงทุนไว้ให้มากที่สุด เช่น การสอบถามผู้รู้ เข้ารับฟังการอบรมในโอกาสต่างๆ อ่านบทความ อ่านคอลัมล์ผ่านหน้าหนังวือพิมพ์ อ่านหนังสือที่เกี่ยวข้อง หรือว่างๆก็เสาะแหล่งสินค้าที่ดีไม่ว่าจะเป็น ที่ดินติดถนน ที่ดินในย่านชุมชน บ้าน ตึก อาคารพาณิชย์ ที่ไหนที่เจ้าของเขาต้องการจะปล่อยขาย/ปล่อยเช่า สอบถามดูก่อน ไม่แน่เราอาจจะเจอช่องทางและช้างเผือกในป่าใหญ่ก็ได้ สอบถามราคาพอที่จะต่อรองได้ไหม ส่วนใหญ่แล้ว ถ้าเจ้าของที่ร้อนเงินมากๆ อาจจะพอต่อรองได้ ก็ถือเป็นโอกาสดีที่เราจะคว้าไว้ แต่ก็ต้องดูด้วยว่า สิ่งปลูกสร้างหรือที่ดินเหล่านั้น คุ้มพอที่เราจะลงทุนด้วยไหม
สิ่งที่ควรคำนึงในการลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์ก็คือ อย่ารีบร้อนค่ะ บางคนมีเท่าไหร่ซื้อให้หมด อาศัยว่ามีเยอะ แต่บางทีการมีเยอะแต่ทำเลไม่ได้ มันก็ยากที่จะขายต่อได้ในราคาที่สูง เพราะฉะนั้นมีเงินแล้วก็ต้องเลือกและดูด้วยว่า สิ่งปลูกสร้างเหล่านั้นตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะสมหรือไม่ เช่น อาคารพาณิชย์ที่ใกล้แหล่งศูนย์การค้าก็สามารถดึงดูดผู้ที่ต้องการเช่าพื้นที่ขายของได้ หรืออาคารหอพักที่ตั้งอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย/โรงเรียน ถ้าหากปล่อยเช่ารายเดือนก็จะสามารถดึงดูดลูกค้าที่เป็นกลุ่มของนักเรียน นักศึกษาได้ หรือแม้แต่ที่ดินว่างเปล่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ติดถนน ถ้าไม่ปล่อยให้เช่า เราอาจจะเก็บไว้ทำเป็นที่สร้างธุรกิจอื่นได้อีก เช่น รีสอร์ท(ใกล้แหล่งท่องเที่ยว) ทำไร่ผลไม้ ทำการเกษตร (สำหรับที่อุดมสมบูรณ์) และอาจจะปล่อยเช่าให้ผู้อื่นมาลงทุนต่อไปหรือเก็บไว้ขายเกร็งกำไรในโอกาสที่เหมาะสม
นอกจากเรื่องเงินที่เราต้องคำนึงถึงแล้ว เราก็ควรที่จะมีเครือข่ายหรือทีมงานที่ดีด้วย เพราะแค่เรานั้นไม่สามารถทำคนเดียวได้ไปตลอด จำเป็นต้องมีทีมที่ปรึกษา นายธนาคารปรึกษาสำหรับเงินทุนที่ต้องการกู้ไปลงทุน นักบัญชีผู้รวบรวมข้อมูลรายได้และทรัพย์สินของเรา ทนายความเพื่อปรึกษาเรื่องกฎหมายเกี่ยวที่ดินและอสังหาสิ่งปลูกสร้างต่างๆ เป็นต้น บางคนก็โชคดีที่มีคนรู้จักในสายงานเหล่านี้ก็พอที่จะได้ขอความช่วยเหลือในยามจำเป็นได้บ้าง อย่างที่บอกไปข้างต้นค่ะว่า ลงทุนอสังหา คิดการใหญ่ ใจต้องนิ่ง นั้นเป็นเรื่องจริง เพราะถ้าเลือกไม่ดี อาจจะจมทุนแล้วโดนเสือกัดเอาเข้าให้ เพราะฉะนั้นจะจับเสือทั้งทีต้องเรียมอุปกรณ์ให้พร้อมค่ะ ซุ่มๆจนกว่ามันจะเผลอแล้วค่อยลงมือ มันคงไม่ยากเกินไปหรอกใช่ไหม ?
เอาล่ะค่ะ นอกจากต้องรอบคอบและต้องคิดให้เยอะแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือ ภาวะเศรษฐกิจนั่นเอง ข้อเตือนใจอย่างหนึ่งที่สามารถสอนได้ทุกรุ่นก็คือ อย่าทำอะไรที่เกินตัวเองค่ะ ไม่อย่างนั้นประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยแบบวิกฤติการณ์ต้มยำกุ้ง 2540 ทำที่พอดี เอาที่เราพอจะรับผิดชอบไหว เสี่ยงบ้างเงียบบ้าง พอได้ตื่นเต้น เสี่ยงเยอะไปก็ปวดหัว เครียดส่งผลต่อสุขภาพอีก ท่องไว้ค่ะ คิดการใหญ่ ใจต้องนิ่ง กระบี่อยู่ที่ใจ เจอจังหวะดีดีเมื่อไหร่ พุ่งชนให้ตรงเป้า เท่านี้ผลตอบแทนงามคงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม.
อ่านเพิ่มเติม : อสังหาริมทรัพย์ตกค้าง สูงที่สุดในรอบ 20 ปี