เป็นหนี้บัตรกดเงินสด เท่าไหร่ถึงโดนฟ้อง มีข้อควรระวังอะไรบ้าง
ในยุคที่การใช้จ่ายผ่านช่องทางดิจิทัลเป็นเรื่องปกติ บัตรกดเงินสดกลายเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับหลายคน แต่หากใช้ไม่ระวัง คุณอาจเผชิญกับปัญหาหนี้สิน และการถูกฟ้องร้องได้ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่า เป็นหนี้บัตรกดเงินสด เท่าไหร่ถึงโดนฟ้อง และจะจัดการอย่างไรเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
เป็นหนี้บัตรกดเงินสด เท่าไหร่ถึงโดนฟ้อง
คำถามที่หลายคนสงสัยคือ “เป็นหนี้เท่าไหร่ถึงจะโดนฟ้อง?” คำตอบคือ ตามกฎหมายแล้ว หนี้ขั้นต่ำที่สามารถนำไปสู่การฟ้องร้องได้คือ 2,000 บาทขึ้นไป แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะถูกฟ้องทันทีที่มีหนี้ถึงจำนวนนี้โดยทั่วไป ธนาคารหรือสถาบันการเงินจะดำเนินการ ดังนี้
- ส่งการแจ้งเตือนผ่าน SMS หรือจดหมาย
เมื่อคุณเริ่มผิดนัดชำระหนี้ ธนาคารจะส่งข้อความหรือจดหมายแจ้งเตือนให้คุณทราบ ข้อความเหล่านี้มักจะระบุจำนวนเงินที่ค้างชำระ และวันครบกำหนด พร้อมทั้งแจ้งผลกระทบหากไม่ชำระเงินตามกำหนด
- โทรศัพท์ติดตามทวงถาม
หากคุณยังไม่ตอบรับต่อการแจ้งเตือนแรก ธนาคารอาจโทรศัพท์มาติดต่อคุณโดยตรง เจ้าหน้าที่จะพยายามทำความเข้าใจสถานการณ์ของคุณ และหาทางแก้ไขร่วมกัน อาจมีการเสนอแผนการชำระหนี้ที่ยืดหยุ่นขึ้น
- ส่งจดหมายทวงถามอย่างเป็นทางการ
หากการติดต่อทางโทรศัพท์ไม่ประสบความสำเร็จ ธนาคารจะส่งจดหมายทวงถามอย่างเป็นทางการ จดหมายนี้จะระบุรายละเอียดของหนี้ ผลกระทบของการไม่ชำระหนี้ และอาจมีการแจ้งเตือนถึงการดำเนินการทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้น
หากคุณไม่ตอบรับการติดต่อเหล่านี้เป็นเวลานาน (มักเกิน 3 เดือน) และไม่มีความพยายามในการชำระหนี้ ธนาคารอาจพิจารณาดำเนินการทางกฎหมาย อย่างไรก็ตาม การฟ้องร้องมักเป็นทางเลือกสุดท้ายเนื่องจากมีค่าใช้จ่าย และใช้เวลานาน ธนาคารส่วนใหญ่จึงพยายามหาทางออกร่วมกับลูกหนี้ก่อนที่จะตัดสินใจฟ้องร้อง
ไม่จ่ายหนี้บัตรกดเงินสด จะเกิดอะไรบ้าง
การไม่ชำระหนี้บัตรกดเงินสดอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อชีวิตทางการเงินของคุณ
- เครดิตบูโรเสีย
ธนาคารจะรายงานประวัติการค้างชำระไปยังบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) ซึ่งจะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือทางการเงินของคุณในอนาคต ข้อมูลนี้จะอยู่ในระบบเป็นเวลานานถึง 3 ปี ทำให้คุณอาจมีปัญหาในการขอสินเชื่อใหม่ หรือแม้แต่การสมัครงานในบางตำแหน่งที่ต้องการตรวจสอบประวัติทางการเงิน
- ดอกเบี้ย และค่าปรับเพิ่มขึ้น
หนี้ของคุณจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากดอกเบี้ย และค่าปรับต่าง ๆ บัตรกดเงินสดมักมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าสินเชื่อประเภทอื่น และเมื่อคุณผิดนัดชำระ อัตราดอกเบี้ยอาจเพิ่มขึ้นไปอีก นอกจากนี้ยังมีค่าปรับการชำระล่าช้าที่จะถูกเรียกเก็บทุกเดือนที่คุณไม่ชำระหนี้ ทำให้ยอดหนี้พอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว
- การถูกฟ้องร้อง
ในกรณีที่ร้ายแรง คุณอาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดี การถูกฟ้องร้องไม่เพียงแต่ทำให้คุณต้องเสียค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดี แต่ยังอาจนำไปสู่การถูกบังคับคดี ซึ่งอาจรวมถึงการอายัดเงินเดือน หรือการยึดทรัพย์สิน นอกจากนี้ ประวัติการถูกฟ้องร้องจะปรากฏในประวัติทางกฎหมายของคุณ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อโอกาสในการทำงานหรือการทำธุรกรรมทางการเงินในอนาคต
ขั้นตอนเมื่อถูกฟ้องร้อง หนี้บัตรกดเงินสด
- อ่านหมายศาลอย่างละเอียด
ตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมด รวมถึงหมายเลขคดี และศาลที่ฟ้อง หมายศาลจะระบุข้อมูลสำคัญ เช่น วันที่ต้องไปศาล จำนวนเงินที่ถูกฟ้อง และชื่อของโจทก์ (ธนาคารหรือสถาบันการเงิน) การเข้าใจรายละเอียดเหล่านี้จะช่วยให้คุณเตรียมตัวได้ดีขึ้น
- ตรวจสอบความถูกต้องของหนี้
พิจารณาว่าจำนวนหนี้ที่ระบุตรงกับความเป็นจริงหรือไม่ ตรวจสอบใบแจ้งหนี้ และประวัติการชำระเงินของคุณ หากพบข้อผิดพลาด เช่น การคิดดอกเบี้ยผิด หรือมีรายการใช้จ่ายที่คุณไม่ได้ทำ ให้รวบรวมหลักฐานเพื่อนำเสนอต่อศาลหรือใช้ในการเจรจากับเจ้าหนี้
- พิจารณาจ้างทนาย
ทนายความสามารถช่วยคุณในการเจรจา และหาทางออกที่ดีที่สุด ทนายจะเข้าใจกระบวนการทางกฎหมาย และสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับทางเลือกต่าง ๆ ที่คุณมี เช่น การขอประนอมหนี้ หรือการต่อสู้คดีหากมีเหตุผลอันสมควร นอกจากนี้ ทนายยังสามารถเป็นตัวแทนของคุณในการเจรจากับเจ้าหนี้ ซึ่งอาจช่วยให้ได้ข้อตกลงที่ดีกว่า
- เตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้อง
รวบรวมเอกสารสำคัญ เช่น บัตรประชาชน หลักฐานรายได้ และเอกสารแสดงภาระหนี้สิน เอกสารเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการแสดงความสามารถในการชำระหนี้ของคุณ และอาจช่วยในการเจรจาขอปรับโครงสร้างหนี้ นอกจากนี้ ให้รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับหนี้บัตรกดเงินสด เช่น สัญญา ใบแจ้งหนี้ และหลักฐานการชำระเงินที่ผ่านมา
สำหรับคำถามที่ว่า เป็นหนี้บัตรกดเงินสด เท่าไหร่ถึงโดนฟ้อง คำตอบคือ 2,000 บาทขึ้นไป แต่ธนาคารมักจะใช้วิธีการอื่น ๆ ก่อนที่จะดำเนินการทางกฎหมาย โดยเริ่มจากการส่ง SMS หรือจดหมายแจ้งเตือน ตามด้วยการโทรศัพท์ติดตาม และการส่งจดหมายทวงถามอย่างเป็นทางการ การไม่ชำระหนี้ส่งผลเสียต่อเครดิตบูโร เพิ่มดอกเบี้ย และค่าปรับ อาจนำไปสู่การฟ้องร้อง หากถูกฟ้อง ควรอ่านหมายศาลอย่างละเอียด ตรวจสอบความถูกต้องของหนี้ พิจารณาจ้างทนาย และเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องให้พร้อม