ออมหุ้น คืออะไร หุ้นตัวไหนน่าลงทุนครึ่งปีหลัง พร้อมทริคการเลือกหุ้นดี
ใครที่อยากมีเก็บเงิน แต่ไม่อยากออมในธนาคารเพราะดอกเบี้ยน้อยฝากไปทั้งปีก็อาจจะได้กำไรแค่ร้อยสองร้อยซึ่งอาจจะใช้เวลาหลายปีกว่าจะมีเงินเก็บก้อนโต เลยอยากหาช่องทางการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนมากกว่า แต่ความเสี่ยงไม่มากนักซึ่งขอแนะนำการออมหุ้น แล้วการ ออมหุ้น คืออะไร? ทำไมถึงน่าสนใจ หุ้นตัวไหนน่าลงทุนในครึ่งปีหลัง 2566 พร้อมแชร์ทริคการเลือกหุ้นที่จะช่วยให้การลงทุนของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ออมหุ้น คืออะไร ?
หนึ่งในคำถามยอดฮิตของกลุ่มคนเริ่มลงทุนว่าควรลงทุนที่ไหนดี? ซึ่งมักจะได้รับคำแนะนำให้เริ่มลงทุนแบบออมหุ้นซึ่งการออมหุ้นคือการกระจายความเสี่ยงการลงทุนรูปแบบหนึ่งและหนึ่งในการออมหุ้นที่ดีสุด คือการออมหุ้นแบบ DCA (Dollar Cost Average) ซึ่งหลายคนอาจจะยังสงสัยว่าจริง ๆ แล้ว DCA นั่นคืออะไร ทำไมถึงน่าสนใจ
เพื่อให้เข้าใจง่าย DCA คือ การทยอยลงทุนเป็นงวด ๆ ในจํานวนเงินที่เท่า ๆ กัน โดยไม่สนใจราคาของหุ้นที่เลือกลงทุน คือ ชอบหุ้นตัวไหนก็ลงทุนตัวนั้นโดยไม่ได้เน้นราคาหุ้น แต่เน้นการลงทุนแบบสม่ำเสมอ
จุดเด่นของการออมหุ้น
โดยจุดเด่นของ การออมหุ้นแบบ DCA จะค่อนข้างดีกว่าการออมหุ้นแบบอื่น ๆ โดยมีจุดเด่นหลัก ๆ 3 ข้อ ดังนี้
- มีเงินน้อยก็ลงทุนได้ แม้จะมีเงินน้อยก็สามารถเริ่มลงทุนได้จึงเหมาะกับ first Jobber ที่เริ่มทำงานแล้วอยากเก็บเงิน หรือวัยทำงานที่อยากมีเงินเก็บโดยการทยอยลงทุนตั้งแต่หลักร้อยที่ต้องการออมหุ้นเพื่อให้เงินทำงานและได้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากธนาคาร
- ไม่ต้องเก่งเรื่องหุ้น หรือรู้ข่าวสารเกี่ยวกับตลาดหุ้นมากนัก แต่ก็ต้องให้ระยะเวลาและพิถีพิถันกับการเลือกหุ้นพื้นฐานดีในตอนแรก แล้วค่อย ๆ ติดตามข่าวสารห่าง ๆ เผื่อมีเหตุการณ์สำคัญที่อาจทำให้ปัจจัยการลงทุนพื้นฐานเปลี่ยนไป
- ผลตอบแทนค่อนข้างดี จากที่เคยเกริ่นว่าให้ผลตอบแทนดีกว่าฝากธนาคารและที่สำคัญก็ยังให้ผลตอบแทนดีกว่าหากช่วงราคาหุ้นขาลงเนื่องจากใช้เงินลงทุนเท่าเดิม แต่เราได้จำนวนหุ้นมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดการขาดทุนหนัก ๆ หากราคาหุ้นมีการปรับตัวลงอย่างรุนแรง
แนะนำ 10 หุ้นเด่นครึ่งหลังปี 2566
ต่อมาจะเป็นการพูดถึง 10 ปันผลสูง P/E ต่ำ ซึ่งอัปเดตล่าสุดเมื่อเดือนกรกฎาคม 2566 ให้ลองนำไปพิจารณา โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- UVAN บริษัทฯ ที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการเกษตรที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) 11.90% และ P/E อยู่ที่ 5.29 เท่า
- FMT บริษัทฯ ที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าอุตสาหกรรมที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) 8.5% และ P/E อยู่ที่ 14.69 เท่า
- KGI บริษัทฯ ที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการเงินที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) 8.00% และ P/E อยู่ที่ 10.15 เท่า
- TISCO บริษัทฯ ที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการเงินที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) 7.99% และ P/E อยู่ที่ 10.75 เท่า
- TACC บริษัทฯ ที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) 7.96% และ P/E อยู่ที่ 12.63 เท่า
- SAT บริษัทฯ ที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าอุตสาหกรรมที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) 7.94% และ P/E อยู่ที่ 8.41 เท่า
- PT บริษัทฯ ที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) 7.69% และ P/E อยู่ที่ 10.59 เท่า
- LALIN บริษัทฯ ที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) 7.36% และ P/E อยู่ที่ 6.83 เท่า
- TPIPP บริษัทฯ ที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับทรัพยากรที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) 7.27% และ P/E อยู่ที่ 9.23 เท่า
- PREB บริษัทฯ ที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) 7.14% และ P/E อยู่ที่ 6.67 เท่า
ทริคเลือก DCA หุ้นตัวไหนดี
- เลือกหุ้นที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจที่ดี มีโอกาสเติบโตและเราเองก็อยากที่จะเข้าไปเป็นหุ้นส่วนธุรกิจด้วย
- เลือกหุ้นตัวที่มีกำไรอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นที่มีแนวโน้มจะมีกำไรเพิ่มขึ้นด้วยก็จะดีมาก ทั้งนี้กำไรส่วนที่เพิ่มขึ้นควรมาจากการดำเนินธุรกิจ โดยไม่ได้มาจากเหตุการณ์ หรือสถานการณ์นั้น ๆ แบบชั่วคราว
- เลือกหุ้นตัวที่มีฐานะทางการเงินมั่นคง โดยเลือกธุรกิจที่ไม่มีหนี้สูงเกินไปมากนักเพื่อเป็นหลักประกันได้ในระยะยาวว่าบริษัทฯ ยังคงดำเนินธุรกิจได้อย่างยาวนาน หรือไม่ปิดกิจการโดยง่าย
- เลือกหุ้นที่ผู้บริหารมีธรรมาภิบาล และมีความสามารถที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าธุรกิจจะดำเนินไปในทิศทางไหน
สรุปแล้ว การออมหุ้น คือทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่อยากลงทุนเพื่อสร้างกำไรมากกว่าการฝากเงินกับธนาคารที่อาจจะไม่ต้องเก่งเรื่องหุ้นมาก แต่ก็ควรจะรู้พื้นฐานหุ้นแต่ละตัวก่อนลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนที่ดีกว่า และที่สำคัญต้องมีแผนการออมจากการสร้างวินัย โดยต้องมีการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ และมีแบบแผนเพื่อกระจายความเสี่ยงหุ้นแต่ละตัวได้อย่างเหมาะสม แนะนำว่าควรเลือกหุ้นที่ธุรกิจพื้นฐานดี มีโอกาสเติบโต มองเห็นอนาคตในการทำกำไร รวมถึงฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ค่อนข้างมั่นคง และผู้บริหารมีหลักธรรมาภิบาล